ตอนที่ 5 หวังว่าคงได้กิน

1788 คำ
ในขณะที่สองสาวกำลังนั่งทานอาหารมื้อเช้ากันอยู่ พิรัชย์ในชุดสูทพอดีตัวสีกรมท่า เดินตรงเข้ามานั่งประจำที่ของตัวเอง ก่อนปรายตามองไปยังยัยเด็กผอมกะหร่องแต่ตัวหอม และก็เป็นเหมือนเดิมเมื่อเธอก้มหน้าหลบตาเขาอีกแล้ว “พีท แต่งตัวหล่อ จะไปไหนลูก” “ก็ไปศึกษางานกับแม่ไงครับ” “เพิ่งกลับมาถึง ไม่พาชัญญ่าไปเที่ยวก่อนหรอ จะลุยงานเลยหรอลูก” “ไม่เที่ยวแล้วครับ ใช้ชีวิตวัยรุ่นมาเพียงพอแล้ว รีบศึกษางานให้เป็นเร็วๆ แม่จะได้พักผ่อนแล้วก็ไปเที่ยวรอบโลกกับพ่อไงครับ ไม่ดีหรอ” “ดีจ้ะ แต่แม่ไม่ค่อยอยากไปไหนไกลแล้วล่ะ ห่วงพั้นช์” “ป้าพิมพ์ไม่ต้องห่วงพั้นช์หรอกค่ะ พั้นช์อยู่ได้ จะตั้งใจเรียน ไม่กลับบ้านดึก ไม่เหลวไหลแน่นอนค่ะ” สาวน้อยของแม่ชูสองนิ้วขึ้นมาเป็นการสัญญากันตามประสาสาวๆ “นั่นสิครับแม่ ผมก็อยู่ทั้งคน เด็กคนเดียวผมดูแลให้ก็ได้ พั้นช์คงไม่กล้าทำตัวเหลวไหลกับผมหรอก เพราะผมไม่ได้ใจดีเหมือนแม่นะ ถ้าดื้อโดนผมแน่” โดนผมแน่ ในที่นี้ ก็ไม่รับประกันเหมือนกัน ว่าถ้ายัยเด็กผอมกะหร่องของแม่เกิดทำตัวดื้อด้านไม่เชื่อฟังเขา จะโดนเขาเล่นงานแบบไหน “นั่นแหละที่แม่กลัว ขืนทิ้งน้องให้อยู่กับแก มีหวังแม่กลับมา น้องคงเหลือแต่กระดูก” คำว่าเหลือแต่กระดูกของแม่กับของเขามันต่างกัน เพราะของแม่คงหมายถึงโดนเขาดุหรือทำโทษจนหงอ ไม่มีชีวิตชีวา แต่ของเขามันจะหมายถึง ถูกเขาจับกินจนเหลือแต่ซาก ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ กับความคิดเลอะเทอะของเขา นี่เขาคิดอกุศลแบบนี้ไปได้อย่างไร ในเมื่อยัยเด็กนี่ยังเด็กมากๆ ไม่ทันบรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ แถมเขายังมีคนรักอยู่แล้วทั้งคน ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เขากับเธอก็คงได้แต่งงานสร้างครอบครัวกันแน่นอน “โถ่แม่ อย่าคิดมากสิครับ พั้นช์เองก็โตแล้ว แถมที่บ้านเราแม่บ้านคนเก่าคนแก่เยอะแยะ ไม่มีใครปล่อยให้ผมกินหัวยัยเด็กนี่หรอกน่า” เขาปรายตาคมกริบมองไปทางเธอนิดหนึ่ง ก่อนต้องอมยิ้มมุมปากอย่างชอบใจเมื่อเห็นเธอนั่งจับมือจับไม้กับแม่เขาอยู่ เหมือนจะปลอบใจคนแก่ที่ชอบคิดมากอย่างไรอย่างนั้น “ใช่ค่ะ ป้าพิมพ์ไปเที่ยวกับลุงพอลได้ตามสบายเลยนะคะ ไม่ต้องห่วงพั้นช์จริงๆค่ะ ให้ป้าอังกาบดูแลพั้นช์ก็ได้ พั้นช์เป็นเด็กดีแค่ไหนป้าพิมพ์ก็รู้นี่คะ” “จ้าๆ เดี๋ยวถ้าพีทเก่งจนแม่สามารถปล่อยมือให้พีทดูแลบริษัทและพนักงานทั้งหมดแทนแม่ได้แล้ว แม่ก็จะไปเที่ยวรอบโลกกับพ่อบ่อยๆแล้วกันนะ” “ดีมากครับแม่” พิรัชย์ตักข้าวต้มกุ้งของโปรดเข้าปากก็ต้องทำตาโต เพราะรสชาติของมันทั้งหอมหวานและกลมกล่อมอย่างที่ไม่เคยกินมาก่อน “อืมมม ข้าวต้มกุ้งนี่อร่อยจังครับแม่ ป้าอังกาบฝีมือพัฒนานะครับ” พูดจบก็ตักข้าวต้มรสเลิศนั้นเข้าปากอีกหลายคำ เพราะติดใจในรสชาติของมันเสียแล้ว “ฝีมือป้าอังกาบที่ไหนกันล่ะ ฝีมือน้องต่างหาก” ข้าวต้มที่กำลังจะถูกส่งเข้าปากมีอันต้องชะงัก เขาจึงเหลือบตาไปมองเธอ ซึ่งก็พบว่าเธอมองเขาอยู่แบบกล้าๆกลัวๆเหมือนเดิม “ฝีมือพั้นช์เองหรอ อร่อยมาก” “ขอบคุณมากค่ะ” พูดจบก็ส่งข้าวต้มในช้อนเข้าปากทันที แล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย ฝีมือยัยเด็กผอมกะหร่องนี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ทำอาหารเก่งขนาดนี้ ทำไมเจ้าหล่อนถึงได้ผอมเก้งก้างขนาดนั้นกันนะ ไม่ชอบกินข้าวหรืออย่างไร ผอมๆแบบนี้คงรองรับความดิบเถื่อนของเขาไม่ไหวแน่ๆ เพราะเวลาที่เขามีความต้องการ เขามักแสดงออกมาอย่างเร่าร้อนและติดจะรุนแรงเสมอ แต่เอ๊ะ แล้วเด็กนี่มาเกี่ยวอะไร จะต้องมารองรับความต้องการของเขาทำไมกัน ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แถมเขายังมีคนรักให้ระบายอารมณ์หนุ่มพวกนี้อยู่แล้ว ทำไมถึงคิดฟุ้งซ่านได้เลอะเทอะขนาดนี้กันนะ “ฮึ่ม แล้วทำอะไรเป็นบ้างล่ะ” เขากระแอมแก้เก้อกับความคิดผิดศีลธรรมของเขา แล้วรีบถามข้อมูลของแม่ครัวมากฝีมือเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยความคิดให้ลึกสุดใจ “พั้นช์ทำได้หลายอย่างค่ะ ถ้าคุณพีทอยากทานอะไรก็บอกได้เลยนะคะ ถ้าทำไม่เป็นก็เสิร์ชหาสูตรจากในเน็ตได้ค่ะ” แม้จะไม่ค่อยอยากสบตาหรือพูดคุยกับเขานัก เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่จะอย่างไรคนอยู่บ้านเดียวกันก็คงหนีกันไม่พ้น แถมเมื่อคืนเขาคงโกรธและหงุดหงิดเธอมากที่ไปทำลายสวรรค์ของเขากับคนรัก เลยแกล้งข่มขวัญเธอด้วยวิธีนั้น เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเธอจริงๆหรอก เพราะไม่อย่างนั้น เธอที่ตัวสั่นไร้สิ้นเรี่ยวแรงจะต่อต้านเขาก็คงไม่จะมีทางรอดมาจนถึงตอนนี้ได้ เพราะฉะนั้น ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้มาก อย่าทำอะไรให้เขาหงุดหงิดหรือเสียอารมณ์อีก เธอก็น่าจะอยู่รอดปลอดภัย “อืม จริงสินะ ไว้วันหลังถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษแล้วฉันจะบอกแล้วกัน หวังว่าเมื่อถึงวันนั้นที่ฉันอยากกิน ฉันคงได้กิน” “พั้นช์จะพยายามค่ะ” เขาพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ แล้วก็กินข้าวต้มถ้วยนั้นต่อจนหมดอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ วันนี้พีทไปกับแม่ก็ดีเหมือนกัน เพราะวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น แม่ก็อยากให้พีทไปด้วยอยู่แล้วแต่แรกแต่ไม่กล้ากวน จะได้แนะนำพีทให้ผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารได้รู้จักไปพร้อมๆกันเลย” “ครับแม่ ผมจะตั้งใจ ไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ” “แม่เชื่อในตัวลูกอยู่แล้วจ้ะ” “ขอบคุณมากครับแม่” หกเดือนผ่านพ้นไปกับการที่เขาเข้าไปศึกษางานอย่างจริงจังในบริษัทพิมพ์มาดา พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เพื่อรับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากมารดาของตนเอง ซึ่งเขาก็ทำได้ดี มีภาวะผู้นำและมีวิสัยทัศน์มากจนกรรมการบริหารคนอื่นๆ ต่างไว้วางใจที่จะวางความหวังของทั้งบริษัทในมือของเขาให้บริหารงานต่อจากแม่ของเขาได้ และวันนี้ก็เป็นวันที่เขาเข้ารับตำแหน่งต่อจากแม่อย่างเป็นทางการ โดยที่แม่ของเขาจะลดบทบาทลงเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทแทน ซึ่งหกเดือนที่ผ่านมานี้ เขาทำงานดึกดื่นแทบทุกวันและไม่มีวันหยุดเลย จนคนรักสาวตามมางอแงใส่เขาบ่อยๆที่บ้าน และแม้ว่าเธอจะนอนค้างคืนกับเขาที่บ้านในวันหยุด แต่เขาก็จะทำงานจนดึกดื่นและไม่ยอมแตะต้องเธอเลยมาหกเดือนเต็มๆแล้ว แม้ว่าเธอจะพยายามลุกเขาเท่าไหร่ก็ตาม แต่เขาจะอ้างความเหน็ดเหนื่อยและความเครียดจากการทำงานเอ่ยปฏิเสธให้เธอเสียอารมณ์เสมอ และแม้ว่าเธอเองจะจบปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจเหมือนกับเขา และที่บ้านจะมีบริษัทส่งออกอาหารแช่แข็งก็ตาม แต่เธอก็เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่ยอมเข้าไปช่วยพ่อแม่บริหารงานเสียที เพราะเธอหวังว่าจะเป็นสะใภ้ตระกูลคลาร์กที่มั่งคั่งและร่ำรวยมหาศาล ทั้งยังเป็นมหาอำนาจในอเมริกาอีกต่างหาก เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำงานให้เหนื่อยและหนักสมอง สู้เอาเวลามาดูแลปรนนิบัติสามี และคิดหาวิธีมัดใจเขาด้วยลีลาเร่าร้อนบนเตียงจะดีกว่า และในวันนี้ วันที่เขาจะรับตำแหน่งท่านประธานเต็มตัว ก็จะมีงานเลี้ยงของบริษัทในเวลากลางคืน ซึ่งเธอก็จะไปกับเขา เพื่อแสดงตัวให้พนักงานสาวๆของเขาได้เห็น ว่าเจ้านายหนุ่มหล่อมีคนรักตัวจริงแล้ว ตัดปัญหาพวกหวังสบายและใช้เต้าไต่ ซึ่งถ้ามีใครมาทำแบบนั้น เธอนี่แหละจะไปแหกอกมันเองถึงที่ “เดี๋ยวคืนนี้ พั้นช์ไปงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่พี่พีทรับตำแหน่งประธานกับป้าด้วยนะลูก เสื้อผ้าป้าให้เลขาเตรียมให้พั้นช์แล้ว น่ารักเชียว เรียนเสร็จแล้วก็รีบกลับมานะลูก วันนี้ไม่มีไปติวหนังสือใช่ไหม” พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นในตอนที่ทั้งสี่นั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ ซึ่งวันนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเพราะเมื่อคืนชัญญาภัคมาค้างกับเขาด้วย “ได้ค่ะ ป้าพิมพ์ วันนี้พั้นช์ไม่มีไปติวหนังสือที่ไหนค่ะ เพราะวันนี้นายวีก็ต้องไปงานเลี้ยงของคุณพีทกับครอบครัวด้วยค่ะ เพื่อนๆเลยยกเลิกการติวกันไปก่อน” เธอหมายถึงปฐวี เพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเธอ ที่เคยมารับมาส่งเธอตอนไปติวหนังสือในวันเสาร์อาทิตย์บ่อยๆ “จริงสิ ตาวีเป็นลูกผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารนี่นา” ชัญญาภัคแอบเบะปากให้กับมารดาของคนรัก ไม่รู้จะรักจะเอ็นดูยัยเด็กกาฝากนี่ไปถึงไหน แทนที่จะสนใจและให้ความสำคัญกับว่าที่ลูกสะใภ้คนโตอย่างเธอ กลับทุ่มเทความรักและความเอาใจใส่ให้ยัยเด็กนั่นจนน่าหมั่นไส้ “พีทจะกลับมาที่บ้านก่อนหรือเปล่าคะ ชัญญ่าจะได้รอไปพร้อมพีทเลย” “ผมไม่กลับมาแล้วล่ะ ชัญญ่าจะขับรถไปเองหรือไปพร้อมแม่ก็ได้นะ” “งั้นชัญญ่าไปพร้อมคุณแม่ก็ได้ค่ะ ขากลับค่อยกลับพร้อมพีท” “ครับ” แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เด็กนั่นพูดถึงเพื่อนชายคนสนิท ที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ทั้งๆที่เพิ่งเรียนอยู่ปีหนึ่ง ริอ่านจะมีแฟน มีหนุ่มมาคอยตามจีบถึงบ้าน ถึงจะไม่พอใจขนาดไหนก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรกับยัยเด็กนั่น ที่นับวันจะสวยสมวัยและมีน้ำมีนวลขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องแอบมองอยู่บ่อยครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม