กลางดึกคืนนั้นในขณะที่สาวน้อยกำลังวิดีโอคอลคุยกับเพื่อนรักอย่างออกรสอยู่นั้น อยู่ๆ เธอก็รู้สึกหิวน้ำขึ้นมา
“ยัยจุ๋ม รอแป๊บนะ ฉันหิวน้ำอ่ะ เมื่อเย็นว่าจะเอาขึ้นมาก็ลืม ถือสายรอก่อน เดี๋ยวขอลงไปเอาน้ำข้างล่างแป๊บนะ”
“อืม ไปเถอะ ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึงเหมือนกัน”
สองสาวต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว
พาขวัญเดินลงมาเอาน้ำเปล่าที่ห้องครัว ในขณะที่เธอกำลังจะเดินกลับขึ้นห้องไปนั้น อยู่ๆก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดในห้องนั่งเล่นที่ใกล้กันนั้น จึงรีบเดินเข้าไปดูเพราะกลัวว่าจะมีขโมยเข้ามาในบ้าน
ตับ ตับ ตับ ตับ ตับ
“อื้อ อื้อ พีท”
“ซี๊ดดดดด ผมจะเสร็จ อื้มม”
บนโซฟาตัวยาวของห้องนั่งเล่น มีสองร่างที่กำลังโยกขย่มกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ฝ่ายหญิงนั่งอยู่ด้านบน ภาพตรงหน้าทำเอาสาวน้อยพาขวัญตกใจจนสติแตก
“กรี๊ดดดดด”
ตุ้บ ขวดน้ำที่เธอถือมาจากในครัวหล่นลงพื้นเสียงดังพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเธอเพราะความตกใจทำให้สองร่างที่กำลังโยกขย่มกันสุดแรงเพื่อพากันไปถึงสวรรค์ แยกออกจากกันทันที
“เห้ย พั้นช์”
“ว๊ายยยย ยัยเด็กบ้า”
พาขวัญใช้มือปิดหน้า ยืนตัวสั่นสะท้าน ไม่สามารถก้าวขาหนีไปไหนได้เพราะความช็อก ส่วนเจ้าของบ้านที่เล่นหนังสดกับคนรักก็รีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ทันที
“โถ่เว้ย ชัญญ่า คุณกลับบ้านไปก่อน เอารถผมขับกลับไปเลย”
“แต่พีทคะ”
สายตาดุดันตวัดมองไปที่คนรัก ทำให้เธอไม่กล้าขัดใจเขา จึงเดินปึงปังออกจากบ้านหลังนั้นไปด้วยความหงุดหงิดที่มีตัวมารมาขัดขวางความสุข อีกแค่นิดเดียว เขาก็จะแตกกระจายในร่างกายของเธอโดยไร้สิ่งกีดขวางเป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา เธอสู้อุตส่าห์ใช้มารยาและยั่วยวนเขาแทบตาย จนเขายอมใจอ่อนเพราะทัดทานอะไรเธอไม่ได้ จนเธอขึ้นโยกขย่มเขาอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนที่เขาจะขับรถไปส่งเธอที่บ้าน แต่แผนการที่อยากจะตั้งท้องกับเขาก็ล่มไม่เป็นท่า เมื่อยัยเด็กที่แม่เขาเก็บมาเลี้ยงเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาขัดขวางความสุขของเขากับเธอเสียก่อน
เมื่อคนรักสาวออกจากห้องไปแล้ว เขาก็ตรงเข้าไปจับแขนยัยเด็กตัวปัญหาที่เอาแต่ยืนเอามือปิดหน้าตัวสั่นสะท้านนี่ทันที
“พั้นช์”
สาวน้อยสะดุ้งเฮือก ก้าวถอยหลังหนีเขาไปหลายก้าวเหมือนโดนของร้อนก็ไม่ปาน จนคนที่กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะยังไม่ทันได้ปลดปล่อย ขยับก้าวตามไปดึงเธอเข้ามาปะทะอกแกร่งทันที
“ว๊ายยย คุณพีท”
“เธอเข้ามาทำไม ไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่”
“พะ พั้นช์ลงมาเอาน้ำ จะไปรู้ได้ไงว่าคุณมาทำอะไรหน้าไม่อายกลางบ้านขนาดนี้ ปล่อยนะ พั้นช์เจ็บ”
“หน้าไม่อายงั้นหรอ”
เขากอดรัดเธอแน่นขึ้น ก้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาประชิดหน้าเธอ จนหญิงสาวที่ตัวสั่นสะท้านในอ้อมกอดต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะทั้งกลัวและประหม่ากับท่าทางดุดันของเขา
“ปะ ปล่อยพั้นช์นะ”
“เธอเป็นคนมาทำลายสวรรค์ของฉัน เธอต้องรับผิดชอบ”
“มะ ไม่นะ พั้นช์ไม่เกี่ยว”
เขาก้มหน้าลงมาที่ซอกคอของเธอเพื่อแกล้งข่มขวัญยัยเด็กนี่ให้กลัวเสียหน่อย จนสาวน้อยต้องย่นคอหนี แต่เมื่อจมูกของเขาเข้าใกล้กับซอกคอของเธอ ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นกายสาวหอมละมุนจนเขาอดใจไม่ไหว ฝังจมูกโด่งลงไปสูดกลิ่นหอมของสาววัยแรกแย้มทันทีอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“อื้อ ปล่อยพั้นช์ ไม่นะ”
“อืมม หอมจังพั้นช์”
เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาราวละเมอ เขากดจมูกแล้วลากไล้ไปจนทั่ว สูดกลิ่นกายสาวเข้าจนสุดปอด จนสาวน้อยในอ้อมกอดเอ่ยร้องประท้วงเสียงสั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม จึงทำให้เขาได้สติอีกครั้ง
“อย่าทำพั้นช์”
เขาผละออกมาจากร่างบางเหมือนโดนของร้อน ตอนแรกแค่จะแกล้งข่มขวัญเธอ ไม่คิดว่ากลิ่นกายหอมๆ ของสาววัยแรกแย้มจะทำให้เขาขาดสติทำอะไรที่เหนือการควบคุมขนาดนี้
“ทีหลังอย่าเซ่อซ่าเดินเข้ามาขัดจังหวะฉันกับแฟนอีก ไม่งั้นเธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันอารมณ์ค้าง”
ชายหนุ่มเดินผละออกไปจากห้องนั่งเล่น แต่ก็ยังไม่ยอมขึ้นห้องไปไหน ยังคงแอบยืนมองเธอในมุมมืด เขาจึงเห็นสาวน้อยลูกรักของแม่ ทิ้งกายลงนั่งที่โซฟาตัวนั้น แล้วปิดหน้าร้องไห้ พร้อมๆกับเอามือน้อยๆนั่นถูไถที่ซอกคอของเธอตรงจุดที่เขากดจูบซุกไซ้ลงไป
“ฮือ ฮือ ฮือ ไอ้บ้า ทำอะไรประเจิดประเจ้อยังมาโทษคนอื่น ขอให้เป็นหมัน ขอให้นกเขาไม่ขัน ฮือ ฮือ ฮือ”
เขาแค่นยิ้มมุมปาก นึกขำยัยเด็กบ้านี่ที่พ่นวาจาร้ายกาจสาปแช่งเขา เห็นหงิมๆติ๋มๆ ชอบหลบหน้าหลบตา ก็ร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ คนอย่างเขาหรือที่จะนกเขาไม่ขันหรือเป็นหมัน ถ้าเธอโตกว่านี้อีกหน่อยจะพิสูจน์ให้ดูตอนนี้เลย ว่าคนอย่างเขาจะเป็นหมันไหม
เมื่อระบายอารมณ์กับซอกคอขาวๆ ของตัวเองจนพอใจแล้ว ก็หยิบขวดน้ำที่ตกลงอยู่ที่พื้นแล้วขึ้นห้องนอนของตัวเองไปทันที โดยที่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการกระทำทุกอย่างของเธออยู่ในสายตาคมของคนที่เธอก่นด่าอยู่ตลอดเวลา
“เห้ย หายไปไหนมาตั้งนานยัยพั้นช์ แล้วทำไมคอแดงแบบนั้น”
“ไม่รู้แพ้อะไรอ่ะ มันแสบๆคันๆ”
“ไปอาบน้ำใหม่ไหม เดี๋ยวมันจะลามไปมากกว่านี้”
“ไม่เป็นไร ฉันใช้ผ้าเย็นเช็ดมาแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“อืม เป็นไงบ้าง บ้านหลังใหม่และครอบครัวใหม่ แกเริ่มปรับตัวได้หรือยัง”
เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงที่ไปท่องเที่ยวกับครอบครัวเพื่อเยี่ยมญาติที่ต่างประเทศ ทำให้ จริญญา หรือ จุ๋ม เพื่อรักของเธอไม่สามารถมาร่วมงานศพของพ่อแม่เธอได้ แต่ก็ได้โทรหาและเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้กันฟังตลอด
“กับป้าพิมพ์ไม่ต้องปรับตัวอะไรกันมากหรอก เพราะเราสนิทกันมานานแล้ว แต่กับอีกคนสิ”
เธอบ่นพึมพำไปถึงอีกคนที่เธอเพิ่งปะทะคารมและปะทะร่างกายกันมาเมื่อสักครู่นี้
“ใคร ลุงพอลน่ะหรือ แกก็รู้จักและเคยเจอลุงพอลมาหลายรอบแล้วไม่ใช่หรอ”
เพราะสนิทกันมาก จริญญาจึงรู้จักเรื่องราวในชีวิตของเธอดีที่สุด
“ไม่ใช่ ลุงพอลใจดีจะตาย ถึงจะเป็นมาเฟียก็เถอะ”
“อ้าว แล้วแกหมายถึงใคร”
“ก็ ก็ ลูกชายคนโตของป้าพิมพ์น่ะสิ คนอะไรไม่รู้ หล่อก็หล่อดีหรอก แต่โคตรดุเลย ไม่มีเหตุผลด้วย แถมเอาแต่ใจตัวเองอีกต่างหาก”
“เขาไม่โอเคหรอ ที่แกไปอยู่ด้วย แกออกมาอยู่กับฉันไหม นี่พ่อแม่ฉันยังถามอยู่เลยว่าแกอยู่ยังไง ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ให้มาอยู่ด้วยกัน ถ้าแกอึดอัดที่จะอยู่ที่บ้าน เราออกไปอยู่คอนโดด้วยกันก็ได้ พ่อแม่ฉันไม่ว่าหรอก”
“ขอบคุณแกแล้วก็พ่อแม่แกมาก แต่ฉันอยู่ได้ เขาก็ไม่เชิงไม่โอเคหรอก เขาโตกว่าเรามาก เรียนจบโทแล้ว แต่เหมือนเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันยังไงก็ไม่รู้ สงสัยฉันคงไปทำอะไรขัดหูขัดตาเขามั้ง ท่าทางเขาเหมือนคนไม่ค่อยพูดอ่ะ ดูนิ่งๆ ตาดุๆ มองฉันทีฉันต้องรีบหลบตาเลย ขนลุก ขนาดลุงพอลเป็นเจ้าของกาสิโน เป็นมาเฟียขนานแท้ ยังไม่ได้ดูน่ากลัวแบบลูกเขาเลยอ่ะ”
“เดี๋ยวเขาคงไปบริหารงานที่กาสิโนแล้วมั้ง ลูกชายคนโตด้วยนี่ คงอยู่ทำให้แกอึดอัดไม่นานหรอก”
“ที่ไหนล่ะ ป้าพิมพ์บอกเขาจะรับช่วงต่อบริษัทอสังหาฯ ของป้าพิมพ์อ่ะสิ ส่วนกาสิโนจะเป็นลูกชายคนรองดูแล เห้อ”
“ซวยแล้วไอ้พั้นช์ ถ้าแกอยู่ไม่ได้ก็อย่าเกรงใจป้าพิมพ์เลยนะ อึดอัดเปล่าๆ”
“อืม ขอฉันลองปรับตัวและทำความรู้จักตัวตนของเขาก่อนนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะเผ่น”
“โอเค งั้นแกไปนอนเถอะ อีกไม่กี่วันฉันก็กลับไทยแล้ว ค่อยเจอกันวันปฐมนิเทศก็ได้ แกจะให้ฉันไปแวะรับไหม”
“ไม่ต้องหรอก ฉันเอารถของแม่มาใช้แล้ว เดี๋ยวว่าจะขับไปเรียนเอง ตอนแรกว่าจะนั่งรถประจำทางไปเรียน ขี้เกียจเปลืองค่าน้ำมัน แต่ป้าพิมพ์ไม่ยอมอ่ะสิ ถ้าไม่ขับรถไปเอง ก็จะให้คนขับรถที่บ้านไปรับไปส่ง ลำบากกันไปอีก ฉันเลยเลือกขับรถไปเองดีกว่า สะดวกและไม่เป็นภาระคนอื่นด้วย”
“อืม ก็ยังโชคดีนะ ที่แกยังมีป้าพิมพ์”
“นั่นสิ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร”
“เอาล่ะ ทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแล้วให้เป็นแบบนี้ แกต้องเข้มแข็งให้มากๆ และฉันเชื่อว่าแกจะทำได้”
“อืม แกไม่ต้องห่วง ฉันเข้มแข็งมากๆ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้กับพ่อแม่ได้”