ตอนที่ 6 ชื่อตอน รักหรือไม่เล่า

1443 คำ
ฉูปินไห่เบื่อหน่ายสตรีร้อยมารยานัก ยามที่ตรวจสอบเรือผิดกฎสะพานเรือจบสิ้นก็ส่งทางการไป ร่างหนามองไปที่รถม้าแล้วก็สะบัดเสื้อคลุมสวมลงไปขึ้นไปนั่งแล้วทำหน้าบึ้งตึงขึ้นมา อาหยวนยิ้มจางๆ และเร่งคนขับรถม้าออกไป ยามกลบมาถึงที่จวน เสี่ยวหงฮวามีสตรีนางหนึ่งร่ายรำอยู่เป็นเพื่อน ใบหน้าคมจึงแย้มรอยยิ้มขึ้นมา ทำให้สตรีอีกนางนั้นหน้าแดงและแนะนำตัวขึ้นมา ” คารวะท่านพี่ฉู ข้านั้นคือเจี่ยนอันอิ่นเจ้าค่ะ บุตรสาวคนโตของสกุลเจี่ยน” ใบหน้าคมยิ้มขึ้นมาและพยักหน้าเบาๆ แกล้งร้องเสียงดังตบมือขึ้นมาดังแปะๆ อาหยวนเบ้หน้าขึ้นมาและนวดหัวของตนเองลงไปอีกครา “เฮ่อ คุณหนูเจี่ยนนั้นถูกหมายหัวเสียแล้ว คุณชายมิพึงใจนาง นางตายแน่ๆ” อาหยวนมองคุณหนูเจี่ยนทำท่าตกใจและรังเกียจขึ้นมา แต่คุณหนูผิงเข้ามาตีคนและทำนิ้วมือไต่ถามออกไป คนแสร้งร้องดังขึ้นอีกแล้วหัวเราะเหมือนคนบ้าจริงๆ ขึ้นมาในที่สุด เจี่ยนอันอิ่นตื่นตกใจเร่งค้อมกายขอตัวลาออกไปตั้งหลักในทันที “ฮรือ ฉูต้าเกอนั้นเป็นคนบ้าสติมัสมประกอบจริงๆ ด้วย เสียดายที่หล่อเหลานัก มิน่าเล่ามิมีสตรีใดยอมตบแต่งเข้ามา ให้แต่งกับนางใบ้เช่นกันไปเถิดย่อมดีแล้ว เฮ่อ ดีเท่าใดที่ข้านั้นมิถูกแต่งเข้าไปก่อน ดีเหลือเกิน ดีมากแล้ว” เจี่ยนอันอิ่นตกใจเร่งนำข่าวออกไปป่าวร้องในทันที สกุลเจี่ยนมิรู้ความใดเร่งหาคู่หมายให้นางเป็นเจ้าอ้วนผู้หนึ่งในสกุลเย่ว เจี่ยนอันอิ่นมิใคร่พอใจนัก แต่ก็ยังดีกว่าคนบ้ามิรู้ความเช่นนั้น นางกัดผ้าเช็ดหน้าและทุบตีหมอนลงไปอย่างเจ็บใจยิ่ง “ฮึ่ม บุรุษรูปงามแต่สติมีครบดี กับไอ้หมูตอนตัวหนึ่งที่เพียงยังรู้ความได้ น่าเจ็บใจนัก” เจี่ยนอันอิ่นหวีดร้องออกมาในที่สุด นางรู้สึกแค้นเคืองทุกสิ่งรอบกายไปเสียแล้ว พอเจี่ยนอันอิ่นออกไป ร่างกายแกร่งก็ปลดสายรัดเอวทำทีคลายความร้อนลงไป ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ขยับไปบิดผ้าส่งยื่นตรงไปตรงหน้าคน ใบหน้าคมยิ้มละมุน ชี้นิ้วลงไปตามอกตนและทำท่าขยับฝ่ามือขึ้นลงให้เสี่ยวหงฮวานั้นเช็ดถูผ้าลงมาตามกายตน หมีหมี่ส่งสายตาค้อนคุณชายขึ้นมาและค้อมกายหนีออกไปเสีย “ฮึ่ม คุณชายนั้นร้ายนัก ล่อลวงคุณหนูผิงไปทุกสิ่ง นางอ่อนต่อโลกไปทุกอย่าง แต่คุณชายกลับล่อลวงนางมากมายจริงๆ ” อาหยวนฟังหมีหมี่บ่นขึ้นมาจึงหัวเราะฮ่าๆ แล้วดึงนางให้ตามไปในครัวเสีย คุณชายฉูยิ้มและทำภาษามือบอกว่านางร้ายนัก มิให้เสี่ยวหงฮวานั้นไปคบหากับนาง เสี่ยวหงฮวาตีคนลงไปและชี้ว่าท่านพี่นั่นล่ะท่านร้ายกาจ คุณชายฉูหัวเราะคิกๆ หนุนตักนางและกอดนางอย่างพึงใจตน พิศมองนางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา ในใจล้วนรู้สึกว่าตนเองนั้นแพศยามากรักมากราคะยิ่ง พบเจอสิ่งใดน่ารักน่าชังก็ชอบใจไปเสียได้ บุรุษยิ้มจนปากแทบฉีกและดึงมือนุ่มมาจุมพิตลงไป และบอกนางว่านางชอบพอตนเองหรือไม่ ” เสี่ยวหงฮวา ข้าชอบเจ้า เจ้าชอบพี่หรือไม่ “ เสี่ยวหงฮวาหน้าตาตีมือลงไปบนท่อนแขนคนแรงๆ และทำมือไม้ตอบกลับมา ” ท่านพี่ร้ายกาจนัก สตรีในจวนนี้ล้วนสอนว่า ท่านนั้นร้ายที่สุด ท่านเหมือนกับจิ้งจอกร้าย “ เสี่ยวหงฮวายกสองมือทำท่าอุ้งเท้าขึ้นมาแยกเขี้ยวขาว ดูแล้วน่ากัดคอนางลงไปในซักครา บุรุษหัวเราะลั่นแล้วกัดนิ้วมือนางลงไปเสีย แลบลิ้นเลียลงไปด้วย เสี่ยวหงฮวาตื่นตกใจเร่งชักมือกลับไปกายสั่นไหวขึ้นมา ” หึ หึ สุ่ยหงฮวาเบ่งบานแล้ว เจ้าเป็นสตรีเต็มกายแล้วซินะเสี่ยวหงฮวา “ บุรุษแลบลิ้นออกมาให้นางชมและขืนดึงนิ้วมือนางมาไล้เลียลงไปแผล่บ แผล่บ แผล่บ เสี่ยวหงฮวาร้องระงมขึ้นมาและขืนดึงกระตุกมือตัวสั่นไหวขึ้นมา นางสั่นไปทั้งมือเท้าน่ารักยิ่ง ใบหน้าคมดวงตาปรือขยับใบหน้าซบลงไปที่ท้องนางและพลิกกายขึ้นทับนางลงไป ก้มลงกระซิบขึ้นมา ” พี่อยากแต่งงานกับเจ้า อยากเข้าหอกลืนกินเจ้า เพียงรอแต่ให้เจ้านั้นรู้ตนก่อน หากมิชมชอบอย่างใด เจ้าจากไปก็ยังอาจทัน หากขืนมิเร่งตัดสินใจให้ดี ต่อจากนี้คิดหนีไปที่ใดย่อมมิทันแล้วล่ะนะ “ เสี่ยวหงฮวาทุบตีคน นางได้ยินเสียงจิ้งจอกร้ายกระซิบอยู่ข้างๆ หูแต่เพียงนางผู้เดียว ผู้ใดก็ล้วนมิรู้ความชั่วร้ายนี้เฉกเช่นนาง เสี่ยวหงฮวาตีคนลงไปหลายๆ ครา บุรุษหัวเราะรื่นเริงขึ้นมา คิก คิก คิก “รักหรือไม่ บอกมาเร็วๆ ” สุ่ยหงฮวาค้อนคนออกไปและส่ายหัวไปมา บุรุษยิ้มให้นางและขบกัดใบหูขาวพ่นลมหายใจร้อนๆ ลงไปจนคนสั่นไหวขึ้นมา “มิรู้ว่ารัก หรือว่ามิรักพี่เลยกันแน่” เสี่ยวหงฮวาทุบอกคนแล้วชี้ลงมาที่หัวใจของนาง นางกำมือขึ้นมาหลายๆ ครา ว่ามันเต้นตึ่กตั่ก ตึ่กตั่กไปหมดแล้ว ฉูปินไห่ร้องอร่าขึ้นมาเพียงหนึ่งคำแล้วบดจุมพิตปิดปากนางลงไปเสีย บุรุษสอดแผ่นลิ้นลงไปแล้วรุกไล่นางจนหาทางหนีมิได้หลบมิพ้นไปได้เสียเลย “อรื้อ อรื้อ อรื้อ” “อร่า หวานนัก หวานนัก เสี่ยวหงฮวา” ร่างบางผวากอดรัดกายแกร่งแน่น นางพยายามผลักคนออกไปเมื่อหายใจมิได้แล้วเฉกเช่นกัน นางกำมือขึ้นมาอีกหลายๆ ครา ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนแรงนัก “อรือ ก็เจ้านั้นมิยอมหายใจเข้าไปนี่ หัวใจของเจ้าจึงเต้นแรงมากมายเช่นนั้น เจ้ามิมีจมูกหายใจหรืออย่างไรกันเสี่ยวหงฮวา” ใบหน้าหวานแดงขึ้นมา นางแลบลิ้นออกมาแล้วบอกคนออกไปว่านางทานทนมันมิได้ บุรุษผู้มิเคยใบ้ทำท่าจะบ้าตาย กดนิ้วลงไปในปากของนางแล้วก้มลงกระซิบลงไปเบาๆเสีย “น่ารักยิ่ง เสี่ยวหงฮวา เจ้ายั่วยวนคนแล้วดอกไม้น้อย” เสี่ยวหงฮวาหอบหายใจถี่กระชั้น ดึงขอมือคนออกไปแล้วตีมือคนลงไปในที่สุด บุรุษมองหน้านางตาหวานเชื่อมกอดนางลงไปในอกตน “แล้วสุดท้ายเจ้าชอบหรือเกลียดเล่า” ใบหน้าหวานส่ายไปมาในที่สุด บุรุษร้องอร่าแล้วสอนนางในอีกครา “เกลียดก็หนีไปเสีย หากยังมิรู้ใจตนก็กดริมฝีปากของเจ้าลงมาในอกพี่” บุรุษแอ่นอกขึ้นไปให้นาง ใบหน้าหวานแดงขึ้นมายกนิ้วแตะริมฝีปากนางและแตะลงไปที่อกคน และผลักคนออกไปวิ่งหนีไปเสียให้ไกลสิ้น “อร่า สวรรค์ นางเหมือนจิ้งจอกร้ายแปลงกายมา” ฉูปินไห่นอนหงายไปทั้งกายและนอนมองฟ้าหัวเราะดังขึ้นมาในทันที “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” บ่าวไพร่ในจวนนั้นตกใจสิ้น และวิ่งไปรายงานนายท่านของตนในทันที บุรุษในสกุลฉูสำลักน้ำชากันขึ้นมาในทันที ที่รับฟังรายงานนั้นจนจบสิ้น “ฮร่า นั่นบุตรข้าหรือนี่ ที่แท้แล้วร่างของบุตรข้านั้นมีจิ้งจอกร้ายจอมยั่วยวนใช่หรือไม่นี่” นายท่านเก้านายท่านสิบหน้าแดงยิ่งและมองหน้ากันหัวเราะออกมาในที่สุด “ที่แท้ปินเอ๋อร์นั้นร้ายลึก หากว่าพูดจาได้จริงๆนั่นย่อมดี แต่ถึงเอ่ยวาจามิได้สายตาของปินเอ๋อร์ก็แทบจะเผาืำลายดวงตาของคนแล้ว ร้ายลึกยิ่ง” “ฮ่า ฮ่า” ทุกคนหัวเราะกันขึ้นมา และให้บ่าวชายชรานั้นคอยรายงานเรื่องราวนี้ต่อไป ส่วนฉูปินไห่นั้นก็กลิ้งตัวไปมาในพื้นหญ้านุ่มแล้วหัวเราะขึ้นมาในอีกครั้ง ครานี้ชัดเจนยิ่ง เสียงดังไปทั่วจวน นายหญิงฉูผู้เป็นมารดาอุดปากดีใจขึ้นมาน้ำตาริน “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม