ฉูปินไห่รอคอยให้สาวน้อยสบายตัวจึงค่อยพานางไปขี่ม้า และให้นางขึ้นม้าไปด้วยกัน สาวน้อยเขินอายมากกว่าเก่านางตัวแดงไปทั้งตัว
“มิต้องกลัว ข้านั้นมิรังแกเจ้า”
เสียงของฉูปินไห่เล็ดรอดออกมาในที่สุด เสี่ยวหงฮวาตกใจจนหันกลับมา ฉูปินไห่หัวเราะนางเบาๆ และกอดนางลงไป
“ข้าฝึกออกเสียงมานานแล้ว ในที่สุดรักษาเส้นเสียงจนหายได้จึงพาเจ้ามาขี่ม้ากันสองคน อยากให้เจ้านั้นอย่าไปบอกใคร ส่วนเสียงของเจ้าในมิช้าข้านั้นจะต้องหาทางรักษาให้จงได้ แต่หากมิได้ ตัวเจ้านั้นก็มีพี่แล้ว มิต้องกลัว พี่จะปกป้องเจ้าตลอดไป เด็กดี”
เสียงของพี่ชายฉูแหบต่ำพร่าน้อยๆ เสี่ยวหงฮวาพยักหน้าหงึกๆ อย่างร้อนๆ ในหัวใจ ฉูปินไห่หัวเราะขึ้นมาและชี้ชวนนางให้ชื่นชมดอกไม้ไป มิมีความใคร่ในอกจนล้นดังเช่นที่ได้พบกับสาวงาม มันเป็นความเอ็นดูนางในใจลึกๆ และมองว่านางนั้นมีความงดวามบริสุทธิ์ในตัวเอง เฉกเช่นที่สาวน้อยจะมีได้
ฉูปินไห่ยิ้มให้กับนางและสอนนางบังคับม้าไปช้าๆ จนออกมานอกชายป่าของสกุลฉูก็สอนนางควบม้าต่อไป สองคนหัวเราะร่าเริง โดยมีสาวน้อยสกุลเจี่ยนนั้นแอบมองอยู่ไกลๆ
“ฉูต้าเกอนั้นมีหน้าตาที่หล่อเหลามาก แม้ว่าผู้ใดจะคิดว่าห้าเทียนนั้นมิมีค่า แต่ข้านั้นหลงไหลไปเสียแล้ว”
เจี่ยนอันอิ่นนั้นพร่ำเพ้อขึ้นมาและเร่งขยับกายเดินหายไปเข้าพบท่านแม่เฒ่าฉูที่เป็นญาติห่างๆ กันออกไป เจี่ยนอันอิ่นขึ้นไปคารวะแม่เฒ่าฉูอย่างมีความอ่อนหวานนุ่มนวล จนทำให้สตรีในสกุลฉูชอบใจนัก คิดแต่งนางให้คุณชายใหญ่ไปอีกคน เพราะสตรีที่ต้อยต่ำเช่นสาวน้อยหงฮวานั้นนอกจากมิมีคนหนุนแล้วยังเอ่ยวาจาสนทนามิได้อีก นี่น่าหนักใจยิ่ง
เช่นนี้แม่เฒ่าฉูจึงเอ่ยชักชวนสาวน้อยสกุลเจี่ยนให้มาเที่ยวเล่นอีกให้มากขึ้น
“เสี่ยวเจี่ยนอ่า เจ้าหน่ะน่ารักนัก หากว่ามีเวลาอีกก็มาร่ำเรียนคัดอักษร เรียนร่ายรำเป็นเพื่อนเสี่ยวหงฮวาในจวนนี้ดีหรือไม่ นางเป็นใบ้จะออกไปนอกจวนคงยากนัก”
“เจ้าค่ะ ท่านย่าฉู”
“อรืม เด็กดี เรียกท่านย่าเฉยๆ ก็พอแล้วนี่”
” เจ้าค่ะ “
เจี่ยนอันอิ่นพยักหน้าขึ้นมาอย่างดีใจ นางได้รับของมีค่าไปมากมายจากสกุลฉู นางกอดของมีค่าเหล่านั้นในอกเป็นอย่างดีแล้วนึกฝันถึงพี่ชายร่างกำยำของสกุลฉูขึ้นมาหน้าแดงยิ่ง
ในขณะที่สองคนที่อยู่บนม้านั้นฝึกขี่ม้าไปจนมีสายลมหนาว เสียงแหบแห้งจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“กลับกันเถิด ต่อไปเป็นสาวแล้วห้ามไปที่ใดเพียงคนเดียว แม้ว่ามีสตรีน้อยๆ เป็นสหายแล้วก็มิได้ เจ้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาข้า ต่อไปในภายหน้าพี่ชายคนนี้จะมีสตรีน้อยใหญ่แย่งชิงอยู่มิน้อย”
บุรุษเย้าแหย่นางและขบใบหูขาวลงไปในคราหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยวขึ้นมา อีกมินานนางจะเกิดกำหนัดแล้ว มิช้านานวัวหนุ่มเช่นตนเองนั้น ก็จะได้เคี้ยวหญ้าหอม หวานๆ อย่างแน่นอน คิดแล้วก็ถอนหายใจตนเองขึ้นมา เกิดมากี่คราก็ตัดขาดราคะมิได้ มีราคะมากแต่ดวงใจนั้นกลับมีรักเดียวน่าอดสูนัก คิดแล้วก็อยากตบตีตนเองยิ่ง มิเป็นบุรุษที่ดีเลย
พอคิดได้เช่นนั้นยามราตรีกาล ฉูปินไห่จึงเข้าไปห้องพระเค่ะปลาไม้สวดมนต์แผ่บารมีออกไปเสีย อาหยวนตาโตอดขบขันขึ้นมามิได้ คิดว่าอีกมินานคุณชายของตนนั้นคงตบะแตกในมิช้า ก็คุณชายนั้นเคยลิ้มรสสตรีแล้วแต่มินานนี้กลับหยุดไป และกินหญ้าขนแทนเนื้อหวานมาหลายปียิ่ง หากมิใช่คุณชายนั้นเป็นใบ้ นายท่านผู้เฒ่าคงจับแต่งงานไปนานเสียแล้วจนมีบุตรเต็มเรือนไปแล้วจริงๆ แต่เพราะคุณชายเพิ่งรับรู้ได้ตอนสิบขวบปี นายท่านเลยปล่อยให้อีกสิบห้าปีผ่านไปตามใจของคุณชายใหญ่มากจริงๆ
และเมื่อนายท่านรับรายงานว่าคุณชายใหญ่นั้นทำรักกับสตรีได้เป็นอย่างดี ราตรีหนึ่งสามสี่นาง นายท่านผู้เฒ่าก็หัวเราะขึ้นมาและปล่อยคุณชายเด็ดดอกไม้งามไปเสียให้พอ มิบังคับเรื่องสตรีใดๆ อีก
ฉูปินไห่อดทนเคาะปลาไม้จนหลับไปในห้องพระ ตื่นขึ้นมาอีกคราก็มีผ้าห่มและตุ๊กตาแมวอ้วนๆ มาให้กอดนอนอีกหนึ่งตัว ฉูปินไห่เหลือบมองมันแล้วถอนหายใจแรงขึ้นมา
“สตรีของข้าเป็นสตรีทารกหรอกหรือนี่ ต่อไปจะกินนางได้ไหมนะ”
หัวใจของฉูปินไห่แปลกประหลาดขึ้นมาน้อยๆ และนอนกอดหมอนนุ่มๆ ต่อไปก่อนที่อาหยวนจะมาปลุกให้ออกไปตรวจตราท่าเรือในยามเช้า ฉูปินไห่ล้างหน้าแต่งกายออกไปอย่างง่วงงุน ก่อนจะพบกับสตรีงดงามลงจากท่าเรือมาอยู่หลายนาง ฉูปินไห่ปลายหางตาไปใส่แล้วสะบัดใบหน้าหนีไปในทันที
“เฮอะ สตรีร้ายกาจข้ามิชอบใจยิ่ง”
อาหยวนมองตามไปและหัวเราะขึ้นมาน้อยๆ ที่คุณชายนั้นคงหัดแทะหญ้าขนจนลืมเนื้อรสหวานไปจนสิ้นแล้ว ดูสายตาที่เย้ายวนเหมือนตัวแทะหญ้านั่น ช่างชวนให้ขำขันมากมายเสียจริงๆ เลย ฮ่า ฮ่า
อาหยวนหัวเราะขึ้นมาเบาๆ เดินตามนายของตนไปอย่างขบขันน้อยๆ ฉูปินไห่มิด่าว่าอาหยวนเพราะที่ผ่านมามีอาหยวนจึงผ่านเรื่องราวมาได้มาก อาหยวนผู้นี้นั้นเคยกระโดดป้องกันฉูปินไห่ในคราวกองไม้ล้ม และยังยินยอมให้บ่าวของเรือนอื่นมาทุบตีแทนนายตน
สุดท้ายฉูปินไห่ในวัยสิบขวบปีทานทนมิได้ จึงเบะปากขึ้นมาวิ่งกลับจวนไปดึงลากคนหน้าจวนมามากมาย สุดท้ายบ่าวของสกุลอื่นก็เละเทะ อาหยวนก็ได้รางวัลที่ปกป้องนายน้อยไป ฉูปินไห่ยังร้องไห้ไปฟ้องท่านปู่อีก งานนี้จึงมีผู้ถูกลงทัณฑ์ขึ้นมาอีกมากมาย สะใจยิ่ง
นับแต่นั้นมาอาหยวนจึงรู้ว่าควรติดตามนายน้อยของตนเองนั้นดีที่สุด นายน้อยที่นั่งน้ำลายยืดกลับเป็นนายน้อยที่ฉลาดเฉลียวมากเกินไปจนผู้อื่นแพ้ทางไปทุกสิ่ง และนับว่าในวัยเยาว์ร่ำไห้มิมีความอายเพราะท่านผู้เฒ่าหวงมากกว่าทรัพย์สินมีค่าใด
ท่านอาทั้งหลายเอง เมื่อยามรู้ข่าวว่าหลานชายแสนรักโดนรังแก บุรุษน้อยสกุลฉูจึงไปพังรถม้าและเรือนของผู้อื่นเสียจนสิ้น เกิดการฟ้องร้องกันขึ้นมา สกุลฉูก็ว่าบุตรชายนั้นเป็นใบ้ยังมาถูกรังแก ผู้ใดฟังก็จิตใจนั้นอ่อนยวบลง สั่งลงทัณฑ์คนผิดมากขึ้นต่อไปอีก คิดแล้วก็น่ามิอายยิ่ง แต่นี่คือฉูปินไห่ผู้มีน้ำตาดั่งทองคำ ผู้ใดใครจะกล้าเล่า
อาหยวนหัวเราะคิกๆ ต่อไปอีก และเข้าไปช่วยนายตนจัดของอยู่ภายใน มินานก็มีสตรีมากมายเดินเข้ามาและวิ่งถลาไปหาคุณชายฉู
“คุณชายฉู คุณชายเจ้าขา”
ฉูปินไห่ถอนหายใจสิ้นและยิ้มออกไปเพียงอย่างเดียว สตรีน้อยใหญ่ขยับมากอดรัดและใจกล้าจุมพิตคนลงไป ฉูปินไห่มิว่าอะไรพวกนางกอดสตรีนางหนึ่งลงในอกตนและโบกมือให้อาหยวนนั้นออกไปภายนอกเสีย
ยามที่อาหยวนนั้นออกไปที่ภายนอก จึงพบว่ามีการลักลอบจอดเรือลำหนึ่งที่สะพานเรือ อาหยวนจึงแจ้งทางการออกไปไล่ เรือลำนั้นกล่าวว่ารอคอยสตรีงดงามที่อยู่กับคุณชายฉู อาหยวนจึงโบกมือให้ค้นเรือในทันที เกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมา
สตรีที่อยู่ในห้องคุณชายนั้นวิ่งออกมาภายนอกสิ้น เหลือสตรีนางหนึ่งที่หนีมิได้ นางถูกกอดรัดแน่นๆ และถูกจับเชือกมัดลงไป ฉูปินไห่จัดเสื้อผ้านางเข้าที่ไปและโยนนางออกมาในทันที
“เฮอะ พวกสตรีร้อยมารยา”