Episode 10 คนโง่

1470 คำ
ตอนที่ 10 คนโง่ ตอนที่ 10 ขนมปัง วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันยังอยู่บ้านเฮียเหม ถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ฉันมา วันนี้ก็นับเป็นวันที่ 7 แล้ว ถ้าถามถึงความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ในตอนนี้นั้น ฉันคงตอบอะไรไม่ได้เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ รู้เพียงว่าอยู่แบบนี้ก็มีความสุขดี ขอเวลาอยู่แบบนี้อีกหน่อยแล้วกัน “เฮียจะลากฉันมาซื้อของอะไรแต่เช้าเนี่ย” ฉันหันไปบ่น เนื่องจากเฮียเหมลากฉันออกมาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เกตตั้งแต่เช้าโดยไม่บอกอะไรสักคำ “อยากกินอะไร” แทนที่เขาจะตอบคำถามฉัน เขากลับถามคำถามกลับมาแทน “หมายความว่าไงคะ เฮียจะทำให้กินเหรอ” “เปล่า เดี๋ยวมีคนมาทำ” “หือ ?” มีคนมาทำอย่างนั้นเหรอ เฮียเหมหมายถึงใครกัน “เธอคนนี้ทำอาหารเก่ง อร่อยทุกอย่าง เธออยากกินอะไรก็เลือกมา จะได้ซื้อวัตถุดิบไป” สีหน้าของเฮียเหมตอนที่พูดถึงผู้หญิงคนนี้แลดูอบอุ่นกว่าปกติ ทั้งที่เรื่องแบบนี้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับฉันแต่ไม่รู้ทำไม ถึงรู้สึกจุกอยู่ในอกอย่างบอกไม่ถูก “เอ่อ อะไรก็ได้ค่ะ” เฮียเหมหันมามองฉันเล็กน้อย เหมือนไม่ค่อยพอใจในคำตอบ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา หันกลับไปเลือกของสดต่อ ตั้งแต่ตอนที่เฮียเหมพูดถึงผู้หญิงคนนั้น สติฉันก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจนโดนเขาดุอยู่หลายครั้ง ความรู้สึกของฉันในตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ เคว้งคว้าง ไร้หนทางจะไปต่อ ตลอดเวลาที่ซื้อของ ฉันไม่ได้คุยกับเฮียเหมอีกเลย อธิบายไม่ถูกเหมือนกันแต่ฉันแค่ไม่รู้จะพูดอะไรดี หลังจากเราซื้อของเสร็จก็เดินกลับคอนโดกันเนื่องจากอยู่ไม่ไกลกันมาก ปื้น ~~~ “เหม่ออะไรของเธอวะ!!” แรงกระชากแขนฉันจากทางด้านหลัง เสียงแตรรถ และน้ำเสียงดุดันทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ฉันหันมองรอบ ๆ ปรากฏว่าฉันเกือบไปยืนอยู่กลางถนนแล้ว แสดงว่าเมื่อครู่ฉันเดินเหม่อข้ามถนนไปอย่างนั้นหรือ “เอ่อ คือขนมปัง” “แม่ง ดูรถหน่อยสิวะ ถ้าอยากตายนักบอกฉันก็ได้ ไม่ต้องไม่ตัดหน้ารถให้ลำบากคนอื่นเขาหรอก” ท่าทางเกรี้ยวกราดของเฮียเหม บวกเข้ากับอารมณ์อ่อนไหวของฉันในตอนนี้ ส่งผลให้น้ำตาเริ่มคลอเบ้า ความรู้สึกน้อยใจ ประเดประดังเข้ามาจากไหนมากมายก็ไม่รู้ “น่าหงุดหงิดจริง ขึ้นไปรอบนห้องเลย” “แล้วเฮียจะไปไหน ?” “ฉันจะไปรับพอใจ ป่านนี้รอแย่แล้ว” น้ำเสียงหงุดหงิดของเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่เข้าไปอีก น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลลงมาแต่อีกฝ่ายไม่เห็นเพราะเขาเดินหันหลังออกไปโดยไม่สนใจฉันด้วยซ้ำ “เฮ้อ เป็นอะไรของแกวะขนมปัง” ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง แล้วเดินตรงเข้าไปในคอนโด กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นห้องพักของเฮียเหม “นี่แกรู้ไหมว่าเฮียเหมพาผู้หญิงมาคอนโด” ผู้หญิงสองคนที่อยู่ในลิฟต์เริ่มพูดกัน เมื่อได้ยินชื่อคนในบทสนทนา ฉันเลยรีบเงี่ยหูฟังทันที “คู่หมั้นเขาคนนั้นน่ะเหรอ เธอไม่ได้เรียนอยู่อังกฤษเหรอ” พรึบ ของในมือที่ฉันกำลังถืออยู่ร่วงลงบนพื้นทันทีที่ได้ยินคำว่า คู่หมั้น “เอ่อ ขอโทษค่ะ” ทั้งสองคนหันมองฉันเล็กน้อยก่อนจะหันไปเข้าบทสนทนาต่อ ส่วนฉันก็เก็บของบนพื้นขึ้นมาพร้อมทั้งฟังพวกเธอพูดไปด้วย “ฉันได้ข่าวว่าเธอกลับมาแล้วนะ” “เฮ้อ เสียดายเฮียเหมว่ะ ผู้ชายอะไรหล่อก็หล่อ หุ่นก็ดี แถมยังสุขุมอีก” “เลิกฝันไปเลยย่ะ ฉันได้ยินมาว่าคู่หมั้นของเฮียเหมเริ่ดสุด ๆ ทั้งสวยทั้งรวยแถมยังเรียนเก่งอีก ผู้หญิงธรรมดาแบบเราเฮียเหมไม่แลหรอก” “เฮ้อ นั่นสินะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าที่เฮียเหมไม่เคยคบใครจริงจังเพราะเขารอคู่หมั้นคนนี้กลับมา” ติ๊ง ประตูลิฟต์เปิดออกสองสาวก็เดินออกไป เหลือเพียงแค่ฉันที่ยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์ ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดพร้อมทั้งน้ำตาของฉันที่ค่อย ๆ ไหลลงมา ถ้าเฮียเหมมีคู่หมั้นอยู่แล้ว อย่างนั้นตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันคืออะไรกันแน่ “ใจเย็นนะขนมปัง เราค่อยคุยกับเฮียเหมเรื่องนี้ก็ได้” ฉันพยายามปลอบใจตัวเอง บางทีเรื่องพวกนี้อาจจะเป็นข่าวลือ ไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ ——————— เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องรับแขก เฮียเหมบอกว่าเขาไปรับใครสักคน ใช้เวลานานขนาดนี้เชียวเหรอ ติ๊ด “ฮ่า ๆ เฮียเหมยังขี้บ่นเหมือนเดิมเลยนะคะ” เสียงกดรหัสประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะสดใสของใครบางคน ฉันรีบหันไปมองปรากฏว่าเป็นเฮียเหมและหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้อง “เฮอะ เราก็ดื้อให้น้อยลงหน่อยเถอะ” ภาพที่เฮียเหมยิ้มเอ็นดูผู้หญิงคนนั้น และโยกศีรษะเธอนั้นทำให้ความรู้สึกฉันหยุดนิ่ง หัวใจชาไปราวกับโดนแช่ลงไปในน้ำแข็ง “จะดื้อค่ะ จะดื้อให้มากกว่านี้อีก” ขนาดฉันเป็นผู้หญิง ฉันยังรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นน่ารักเลย เธอทั้งน่ารักและสดใส ไม่มีอะไรที่ฉันจะเทียบเธอได้เลยสักนิด ทั้งคู่เดินผ่านห้องรับแขกตรงไปยังห้องครัวเหมือนกับไม่มีใครเห็นฉันเลย ซึ่งพวกเขาคงไม่เห็นจริง ๆ นั่นแหละเพราะทั้งคู่มัวแต่คุยกัน “เอ๊ะ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่เฮียเล่า อยู่ไหนคะ” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนเอ่ยถึง นี่เฮียเหมเล่าเรื่องฉันให้เธอฟังด้วยอย่างนั้นเหรอ “ในห้องนอนมั้ง เดี๋ยวทำเสร็จค่อยไปตามก็ได้ เธอไม่ค่อยสบาย” “แล้วเรื่องที่เฮียเหมเล่าว่าเธอมาขอเป็นแฟนล่ะคะ เฮียจะเอายังไงต่อ” ฉันกำลังจะเดินออกไป ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด เธอรู้เรื่องข้อตกลงนี้ของฉันและเฮียเหมด้วยหรือ “เอายังไง อะไร ?” “ก็เฮียบอกเธอขอแค่ไม่กี่วัน นี่มันก็เจ็ดวันแล้วไม่ใช่เหรอ เฮียจะยังเป็นแฟนกับเธอต่อปะ” “พูดอะไรเลอะเทอะ ทำกับข้าวไปเลย” ก่อนหน้านี้ฉันสงสัยมาตลอดว่าสถานะระหว่างเราคืออะไร สงสัยมาตลอดว่าที่เฮียเหมทำคืออะไร ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว เรื่องระหว่างเราที่เกิดขึ้นเป็นเพราะข้อตกลงบ้า ๆ นั่นที่ฉันเป็นคนขอเอง “โอ๊ะ สวัสดีค่ะ” ระหว่างที่ฉันยังยืนอยู่ที่เดิม อยู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เดินมาพอดี เธอเจอฉันและทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส “สวัสดีค่ะ” ฉันยิ้มบาง ๆ และทักทายเธอกลับไปเช่นกัน ยิ่งเธอยิ้มให้ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ฉันทำลงไปก่อนหน้านี้ “ตามสบายเลยนะคะ พอใจขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” ผู้หญิงคนนั้นเดินตรงไปทางห้องน้ำด้วยท่าทางร่าเริง ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามรวบรวมสติตัวเองให้ได้มากที่สุด ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้ฉันก็ต้องพยุงตัวเองออกไปจากที่นี่ให้ได้ “เธอจะไปไหนขนมปัง” เสียงทุ้มที่ดังก้องข้างหูฉันมาตลอดเจ็ดวันดังขึ้นทางด้านหลัง ฉันพยายามกลั้นน้ำตาตัวเองเอาไว้ ขอร้องละน้ำตา อย่าเพิ่งไหลลงมา อย่างน้อยก็ให้เขาหันหลังไปก่อน “ฉันถามว่าจะไปไหน ?” “ขนมปังอยากกินไอติมค่ะ ขอลงไปซื้อแป๊บหนึ่งนะคะ” ไม่รอให้เขาตอบรับใด ๆ ฉันก็เดินออกมาจากห้อง รีบวิ่งไปถึงลิฟต์ให้เร็วที่สุด ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดฉันก็ทรุดตัวลงกับพื้นปล่อยโฮออกมา น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลลงมาไม่ขาดสาย “ฮึก ทำไมแกโง่แบบนี้วะขนมปัง” ถ้าฉันรู้ว่าการทำข้อตกลงเป็นแฟนกับเฮียเหมจะเจ็บขนาดนี้ ฉันไม่ทำหรอก “ฮึก คนอย่างเฮียเหมจะมาชอบคนอย่างแกได้ยังไง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม