B1993 CLUB
“ทำไมมาโผล่ที่นี่อีกวะ เมียมึงหายไปไหน” บาสจ้องหน้าเพื่อนสนิทเขม็ง พยายามมองหาเงาของลิเดียที่ปกติต้องมาด้วยกันแต่จนแล้วจนรอดกลับมองหาไม่เจอ
“อย่าบอกนะว่ามึงทะเลาะกันมา” ยักษ์กอดอกมองและขมวดคิ้วยุ่ง
“ทะเลาะกัน? เรื่องอะไรวะ” เจ้าของผับหรูมองเพื่อนทั้งสองคนสลับกันด้วยความไม่เข้าใจ และมีเพียงเสียงถอนลมหายใจของยักษ์และข้อความที่ยักษ์ใช้ตอบคำถามแทนการเอ่ยออกมาตรงๆ
“มึงสัญญากับเดียแล้วนี่หว่าว่าจะเลิกแข่งรถแล้วทำไมมึงกลับไปทำอีกวะ”
“เอาเถอะน่า เรื่องนี้คุยกันแล้วอย่าพูดถึงมันอีกเลยเถอะ”
“แล้วมันใช่เรื่องเหรอวะ ทำให้เขาเสียความรู้สึกแล้วมานั่งกระดกเหล้าแบบนี้นี่นะ”
“เดียไปค้างกับฟ้า เขาไม่ยอมกลับกับกู”
“มันก็สมควรเป็นแบบนั้นไหมวะ เสือกอยากผิดคำพูดเองไหมอ่ะ” บาสถากถางอย่างไม่ไว้หน้า ไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งคู่นี้เคยทะเลาะกันเรื่องนี้หนักมาก แล้วแทนที่มันจะจำมันกลับทำซ้ำอีกครั้ง ไอ้เพื่อนเวร
“แล้วเป็นไง เสียรถที่มึงรักให้มันง่ายๆ มันทำให้มึงสำนึกได้หรือยัง”
“เสียแล้วก็แค่เสียไป กูไม่จำเป็นต้องเสียดาย”พายุยกแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก ปลายนิ้วมือกดโทรออกหาคนรักซ้ำๆ แต่จนแล้วจนรอดคนทางปลายสายก็ไม่ยอมกดรับ
ขอบตาของพายุเริ่มแดงก่ำ เรื่องนี้คงทำให้ลิเดียโกรธเขามากจริงๆ
“กูยืมโทรศัพท์มึงหน่อยดิ ใช้เบอร์กูโทรแล้วเดียไม่รับว่ะ”
“ไม่อ่ะ มึงสร้างปัญหาขึ้นมาเองมึงก็ต้องเป็นฝ่ายแก้ไหมวะ” บาสไหวไหล่ เขาไม่สนับสนุนให้เพื่อนผิดสัญญาหรือทำอะไรที่ทำให้คนรักไม่โอเคอยู่แล้ว เรื่องนี้ทั้งพายุและยักษ์รู้ดี
“กูว่าตอนนี้มึงใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า ให้อารมณ์เย็นกว่านี้ทั้งสองคนแล้วค่อยปรับความเข้าใจกัน ขืนดันทุรังที่จะคุยกันตอนนี้กูกลัวว่าพวกมึงจะทะเลาะกันใหญ่โต” ยักษ์ตัดปัญหาในขณะที่ฝ่ามือใหญ่กุมทับโทรศัพท์ที่สั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ซ้ำๆ มันนานเกินไปจนอยากตัดความรำคาญให้มันรู้เรื่องสักที
“เดี๋ยวกูมา ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” ยักษ์ไม่ได้รอคำตอบจากใครแล้วเลือกที่จะเดินออกมาจากโซนวีไอพีทันที
มือหนาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า และเบอร์โทรที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอในตอนนี้ทำให้ยักษ์นึกถึงใครอีกคนทันที
“ฮัลโหล...”
(กูอยากได้เบอร์ของพายุอ่ะ)
“แทนไท!” ยักษ์ถึงกับละโทรศัพท์ออกจากหูและดูเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอซ้ำอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังเป็นเบอร์โทรคนของเขาที่อยู่สนามแข่งรถ ตอนแรกก็แอบคิดว่าเจ้าของโทรศัพท์จะโทรมาคุยเรื่องของแทนไท ไม่คิดว่าจะเป็นแทนไทเองที่เป็นฝ่ายคุย
“มึงจะคุยอะไรกับเพื่อนกู”
(ไม่เห็นต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้นเลย หรือเจ็บแทนเพื่อนที่เห็นเพื่อนแพ้วะ)
“มึงบอกมาเลยดีกว่าว่ามึงโทรมาทำไม เล่นลิ้นอยู่ได้มันน่ารำคาญ”
(กูอยากได้เบอร์ของไอ้พายุ)
“กูไม่ให้!”
(กูแค่จะให้โอกาสมันได้แก้มือใหม่ เผื่อว่ามันจะอยากได้ของของมันคืน)
“มึงคิดจะทำอะไรของมึงกันแน่ ในเมื่อมึงได้ในสิ่งที่มึงต้องการแล้ว มึงก็ให้ทุกอย่างมันจบดิวะ มึงจะกลับมายุ่งกับเพื่อนกูทำไมอีก”
(อย่าคิดแทนเพื่อนดิวะ กูว่ามึงให้โอกาสเพื่อนมึงได้ตัดสินใจเองก่อนดีไหม บางทีมันอาจจะไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับมึงก็ได้)
“ไม่อ่ะ พวกกูไม่จำเป็นต้องคิดหาเหตุผลอื่น เพราะเหตุผลเดียวที่กูไม่อยากให้เพื่อนกูไปยุ่งกับคนอย่างมึงอีกเพราะคนอย่างมึงมันไม่ควรเข้าใกล้แค่นั้นเอง” ยักษ์ตัดจบและตัดสายทิ้งทันที
“ไอ้เวรเอ๊ย!” เจ้าของเสียงสบถหยาบพร้อมกับยกมือขึ้นสางเส้นผมของตัวเองลวกๆ เป็นจังหวะเดียวกับฝ่ามือใหญ่ของใครอีกคนที่กระแทกลงบนบ่ากว้างอย่างแรง
“ไอ้เหี้ยบาส กูแม่งตกใจหมด”
“กูแค่จะเดินตามเพราะความเป็นห่วง มึงบอกจะมาเข้าห้องน้ำแต่เสือกเดินมาคนละฝั่งกับห้องน้ำ ไม่คิดว่าจะมาได้ยินมึงคุยกับไอ้แทนไท” บาสเคาะมวลบุหรี่ออกจากซองประกอบคำพูดอย่างใจเย็น
“ช่างแม่งเถอะ อย่าไปใส่ใจไอ้เวรนั่นเลยดีกว่า”
“มันโทรหามึงทำไม”
“กูบอกแล้วไงว่าอย่าใส่ใจ”
“ไม่ใส่ใจไม่ได้โว้ย มึงก็รู้เหมือนที่กูรู้ว่าไอ้เวรนั่นแม่งมันฉลาดแกมโกง กูไม่เชื่อแน่ๆ ว่าชัยชนะแค่นั้นจะทำให้มันยอมจบทุกอย่างจริงๆ” ยักษ์ยกมือขึ้นยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่ปฏิเสธว่าเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกับบาสเหมือนกัน
“กูว่ามันยังมีอะไรบางอย่างของพายุที่ไอ้แทนไทอยากได้”
“อย่าบอกนะว่ามึงหมายถึง...”
“กูคิดว่าไอ้เวรแทนไทมันอยากได้ลิเดีย!”
@คอนโดปลายฟ้า
5PM
ปิ๊งป่อง~ ปิ๊งป่อง~ ปิ๊งป่อง~
“…อย่าบอกนะว่าพายุมา” ปลายฟ้าตั้งคำถามผ่านความเงียบและความมืดเมื่อเสียงสัญญาณหน้าห้องดังขึ้น หลังจากที่แสงไฟจากโทรศัพท์ของลิเดียแจ้งเตือนเพราะมีสายเรียกเข้าเป็นสิบๆ รอบ
“ปล่อยเขาเถอะ ถ้าไม่มีคนออกไปเปิดประตูเดี๋ยวก็คงกลับไป”
“จะเอาแบบนี้จริงๆ เหรอเดีย”
“ขืนคุยกันตอนนี้ก็คงจะมีแต่ปัญหา ฉันขี้เกียจทะเลาะ” ลิเดียแนบแก้มกับหมอนใบใหญ่ ต่อให้วันนี้จะเหนื่อยแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้อยู่ดี
ครืด~ ครืด~
“นั่นไงพอแกไม่รับสายพายุก็จะโทรเข้าเครื่องฉัน” ปลายฟ้าชูโทรศัพท์ของตัวเองที่มีสายเรียกเข้า พอมองหน้าเพื่อนแล้วรู้สึกว่าเพื่อนต้องมาลำบากลิเดียจึงยอมดันตัวลุกจากเตียงแต่โดยดี
“ขอโทษที่มารบกวนแกแบบนี้นะฟ้า”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า สรุปแกจะออกไปเจอพายุไหม”
“อือ เท่าที่ดูแล้วถ้าฉันไม่ยอมออกไปพายุคงไม่ยอมจบเหมือนกัน”
“อือ คุยกันดีๆ นะแก อย่าใช้อารมณ์ล่ะ” ลิเดียพยักหน้ารับจากนั้นก็ลุกจากเตียงเงียบๆ ยอมเดินไปเปิดประตูให้คนที่รออยู่แต่โดยดี
แกร๊ก~
“เดีย”
“ทำไมยังจะมาที่นี่อีกมันดึกแล้วนะ”
“ไปผับไอ้บาสมาอ่ะ” พายุมองคนตรงหน้าตาละห้อย เขาแน่ใจว่าลิเดียยังไม่หลับ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รับสายหรือตอบข้อความใดๆ ของเขาเลย แต่เขามั่นใจว่าเธอยังไม่นอน
“มาที่นี่ทำไม เมาแล้วทำไมถึงไม่กลับไปนอน”
“เพราะรู้ไงว่ากลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี”
“…”
“ขอกอดทีได้ไหม คืนแรกที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย” ลิเดียมองคนตรงหน้านิ่ง ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมพายุถึงไม่สามารถกลับไปนอนคนเดียวได้ ระหว่างเธอและเขาที่ผ่านมาแทบไม่เคยแยกและห่างกันเลย
“ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ”
“มันไม่ใช่เรื่องของความสบายใจหรือไม่สบายใจหรอกพายุ แต่เราแค่กลัวว่าจะเสียนายไปมากกว่า”
“…”
“อุบัติเหตุบนสนามแข่งเมื่อหลายปีก่อนมันยังทำให้เรากลัวอยู่เลยนะ การที่นายหลับไปตั้งหลายวันครั้งนั้นมันทำให้ฉันกลัวที่จะเสียนายไป กลัวนายหลับไม่ตื่น กลัวทุกอย่าง” พายุพ่นลมอุ่นๆ ผสานกลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากปาก หยาดน้ำใสๆ จากตาของลิเดียกระตุ้นก้อนแข็งๆ ให้จุกตันที่ลำคอ
“เรารู้ เราคิดน้อยไป เราเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ”พายุสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวเล็กเบื้องหน้า รั้งร่างบอบบางของผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจเข้าสู่อ้อมกอดทันที
“เรารักเดียมากนะ และรู้ด้วยว่าเดียเองก็รักเราที่สุดเหมือนกัน”
“ถ้ารู้แบบนั้นนายก็ช่วยทำให้เราสบายใจได้ไหม เรื่องอื่นเราไม่ห้าม แต่เราขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แค่เรื่องนี้นะพายุ”
“ตกลงครับ เราจะไม่แข่งรถอีก สัญญาว่าจะไม่ทำให้เดียต้องเสียน้ำตาและคิดมากกับเรื่องนี้อีกเลย”
“อือ สัญญาแล้วนะ” น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะขณะที่แขนเรียวตวัดขึ้นเกี่ยวกอดที่ลำคอหนา เช่นเดียวกับพายุที่ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเล็ก กดปลายจมูกโด่งคมฝังลงบนผมหอมหนักๆ สูดดมกลิ่นหอมจากกายของคนรักเข้าจนเต็มปอด
ไม่ใช่แค่ลิเดียที่จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ถ้าชีวิตเขาขาดลิเดียไป เขาก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน
**********