วันต่อมาแพทริคยังคงทำงานของตัวเองที่บริษัทเหมือนเดิม เขากำลังดูเอกสารสำคัญบางอย่างอยู่ และในจังหวะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
Rrrr ! Rrrr !
ชายหนุ่มมองหน้าจอว่าใครโทรมาก่อนจะพบว่าเป็นเพียงหมายเลขที่ไม่ได้เมมชื่อเอาไว้ นั่นแสดงว่าปลายสายไม่ใช่คนที่เขาเคยคุยด้วย
"สวัสดีครับ” เขากดรับสาย
(สวัสดีค่ะ ฉันสเตลล่านะคะ) ทันทีที่ได้รู้ว่าใครโทรมาแพทริคก็เอนตัวลงพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินเสียงของเธอ (เอ่อ... ฉันโทรหาคุณเพื่อให้คำตอบเรื่องข้อเสนอค่ะ) แพทริคยังคงไม่พูดอะไรและรอฟังการตัดสินใจของอีกฝ่าย (ฉันคิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งคืนแล้ว…ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณค่ะ)
ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางนึกดีใจที่เธอยอมรับข้อเสนอของเขา
"ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งคนขับรถไปรับคุณ เขาจะพาคุณไปที่บ้านของผม พวกเราจะเซ็นสัญญากันที่นั่น”
(ตกลงค่ะ ฉันจะเตรียมตัวรอ อ้อ ! เดี๋ยวก่อนค่ะ คือฉันอยากถามว่าคุณจะให้ฉันเริ่มงานเมื่อไหร่ดีคะ)
“วันนี้เลยครับ”
(วันนี้เลยเหรอคะ !) สเตลล่าถามด้วยน้ำเสียงประหม่า
แพทริคเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงได้ถามอย่างกระวนกระวายแบบนี้ มันเป็นเพราะเธอจำเป็นต้องย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเขาซึ่งเป็นคนแปลกหน้า จึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะรู้สึกแบบนั้น
"ใช่ครับ เพราะงั้นเตรียมแค่ของที่ต้องใช้มาก่อน เดี๋ยววันหลังผมจะให้คนขับรถพาคุณไปเก็บของมาเพิ่มอีกที” เขาเอ่ยบอกด้วยเสียงที่นุ่มลึกจนหญิงสาวปลายสายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง
(ตกลงค่ะ)
"งั้นไว้เจอกันครับ"
หลังจากวางสายจากสเตลล่า แพทริคก็โทรเรียกคนขับรถให้มารับที่หน้าบริษัททันทีเพราะเขาต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวรอเธอ จากนั้นก็โทรหาเลขาฯ แล้วสั่งยกเลิกนัดทั้งหมด เวลานี้ในหัวของชายหนุ่มดูเหมือนจะยุ่งเหยิงไปหมด ไหนจะเรื่องที่ต้องแจ้งคนงานในบ้านเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของเขา แล้วไหนจะต้องโทรหานักช็อปส่วนตัว* เพื่อให้เตรียมของใช้จำเป็นสำหรับสเตลล่าอีก เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานโดยไม่ลืมหยิบกระดาษสัญญาที่พรินต์เอาไว้ถือติดมือมาด้วย
นักช็อปส่วนตัว* คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นที่ให้แนวทางและคำปรึกษาแก่ลูกค้า พวกเขาจะทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความเข้าใจในสไตล์ความชื่มชอบของแต่ละบุคคลโดยใช้ความรู้เพื่อเลือกเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับตามความต้องการในงบประมาณของลูกค้าและนักช็อบส่วนตัวจะเลือกเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับโอกาสต่าง ๆ ให้อีกด้วย
ทางฝั่งสเตลล่าเองก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากก่อนโทรหาแพทริค ทว่าพอได้คุยกันไปสักพักหนึ่งเธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงและไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกอย่างมันจะง่ายดายได้ขนาดนี้ หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเลือกเอาบรรดาชุดที่ดูดีและยังใหม่เอี่ยมพับลงในกระเป๋า อีกไม่นานความฝันที่จะมีเงินหลักล้านติดอยู่ในบัญชีก็ใกล้จะเป็นความจริงแล้ว
สเตลล่าไม่ลืมที่จะเลือกชุดชั้นในอย่างพิถีพิถัน เธอถือว่าเรื่องพวกนี้มันสำคัญมากนะเพราะเมื่อได้ใส่ชุดชั้นในสวย ๆ มันจะยิ่งทำให้เธอมั่นใจขึ้น ผู้หญิงน่ะควรจะมั่นใจตั้งแต่ภายในเสียก่อนที่จะมั่นใจที่ภายนอก เมื่อเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางจนครบ เธอก็รีบเข้าไปอาบน้ำและจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกอย่างพึงพอใจพร้อมคิดกับตัวเองว่า
'ต่อไปนี้ฉันคือคู่หมั้นของมหาเศรษฐี… เพราะฉะนั้นฉันจะต้องแต่งตัวให้ดูดีตลอดเวลา’
สเตลล่าปลดผ้าเช็ดตัวลงบนพื้น ก่อนจะบีบครีมบำรุงผิวชโลมลงบนร่างกายอย่างใส่ใจทุกขั้นตอน เธอไม่เคยมีแฟนจึงค่อนข้างตื่นเต้นเพราะแพทริคจะเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอจะได้ใกล้ชิดด้วย เมื่อบำรุงผิวเสร็จก็บรรจงแต่งหน้าให้สวยเป็นพิเศษ สวมชุดชั้นในลูกไม้สีดำแล้วฉีดน้ำหอมราคาแพง หยิบกางเกงยีนสีเข้มมาใส่คู่กับเสื้อแขนกุด คลุมทับด้วยแจ็กเก็ตหนังสีดำและสวมใส่รองเท้าส้นสูงสีเดียวกัน
หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง เธอยิ้มอย่างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ก่อนจะหยิบกระเป๋าสีดำขึ้นมาแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องนอนพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เรียกขวัญกำลังใจไม่ให้ตื่นกลัว ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเคาะที่ประตู เธอจึงตั้งสติและบอกกับตัวเองให้สู้ ๆ แล้วเดินไปที่ประตู เมื่อเปิดดูก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งในชุดสูทยืนอยู่ตรงหน้า
"สวัสดีครับ บอสให้ผมมารับ คุณพร้อมที่จะไปเลยไหมครับ” ผู้ชายคนนั้นถามอย่างสุภาพ สเตลล่าไม่อยากเชื่อว่าคนขับรถของแพทริคจะสุภาพกับเธอได้มากขนาดนี้ มันทำให้เริ่มรู้สึกดีกับข้อตกลงนี้ขึ้นมาแล้วสิ
"ฉันพร้อมแล้วค่ะ พวกเราไปกันเลยดีกว่า”
"ตกลงครับ คุณผู้หญิงส่งกระเป๋ามาสิครับเดี๋ยวผมยกไปให้”