บทนำ
“รับอะไรดีคะ คุณครูนางฟ้า” แม่ค้าร้านเบเกอรี่เอ่ยถามหญิงสาวร่างเล็กในชุดแซกสีฟ้าผู้เป็นลูกค้าประจำของร้าน
อัจฉรายิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะมองหาสิ่งที่ต้องการ “เอาเค้กช็อคโกแลตก้อนนี้จ้ะ”
เมื่อได้ของมาแล้วก็ตรงไปยังคอนโดของสามีทันที อัจฉรายิ้มกว้างออกมายามคิดถึงใบหน้าชายหนุ่มที่ได้เห็นเธอไปเซอร์ไพรส์เขา
‘อัจฉรา’ หรืออีกชื่อก็คือ ‘ฉิงเฟยเซียน’ ที่เพื่อนๆ ในกลุ่มติ่งซีรีส์จีนและเพื่อนสมัยเรียนชอบเรียกกัน เพราะเป็นลูกเสี้ยวจีนที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มแบบหมวยตาโตจึงทำให้ได้รับชื่อนี้มา แต่เด็กนักเรียนจะเรียกเธอว่า ‘คุณครูนางฟ้า’ ทว่าชื่อเล่นจริงๆ ของเธอคือ ‘ฟ้าใส’
อัจฉราเป็นครูอนุบาลอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตปริมณฑล หญิงสาวเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุได้หกขวบเท่านั้น พ่อแม่ของเธอแยกทางกันด้วยเหตุผลที่ว่า แม่ไม่สามารถส่งเสริมในสิ่งที่พ่อต้องการได้ เขาจึงทิ้งเธอกับแม่ไป และไปแต่งงานใหม่กับคนที่ให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้
เธอเสียมารดาไปตอนอายุสิบสาม หลังจากแม่ตายไป พ่อซึ่งตอนนั้นเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในจังหวัดทางทิศตะวันออกของประเทศ ก็กลัวจะถูกคู่แข่งนำเรื่องของเธอและแม่มาใช้โจมตีให้เสียคะแนนนิยมว่าไม่สนใจไยดีลูกของภรรยาเก่า เขาจึงจำเป็นต้องรับเธอมาเลี้ยงดูในฐานะบุตรนอกสมรส เนื่องจากแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับพ่อ เธอถูกผู้คนตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย ฟังแล้วอยากจะหัวเราะดังๆ มีลูกเมียน้อยที่ไหนบ้างอายุมากกว่าลูกเมียหลวงถึงเจ็ดปี
อัจฉราย้ายออกจากบ้านแม่เลี้ยงตอนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และได้พบกับนพชัยตอนไปฝึกสอน เขาบังเอิญเก็บเอกสารสำคัญของเธอได้แล้วนำมาส่ง นับจากนั้น เธอกับชายหนุ่มก็สานสัมพันธ์กันเรื่อยมา จนเมื่ออัจฉราอายุได้ยี่สิบห้าปีเขาจึงขอเธอแต่งงาน
เธอและนพชัยแต่งงานกันมาได้สองปีแล้ว เขามีธุรกิจโรงแรมอยู่ในตัวกรุงเทพ ส่วนเธอก็รักในงานของตัวเองจึงอาศัยอยู่บ้านที่ชานเมือง ทุกเสาร์อาทิตย์สามีจึงจะกลับมาอยู่ด้วย แต่วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน เธอจึงตัดสินใจว่าจะแอบไปทำให้เขาตกใจเล่นเสียหน่อย อัจฉราใช้เวลาขับรถประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็สามารถไปถึงคอนโดใจกลางกรุงของสามีได้แล้ว
หญิงสาวตัวเล็กผิวสีน้ำผึ้ง หอบหิ้วช่อดอกไม้และกล่องใส่เค้กขึ้นไปยังคอนโด ตอนนี้เวลาเพิ่งจะหกโมงเย็น กว่าชายหนุ่มจะกลับมาถึงที่พักก็เกือบสองทุ่ม..อัจฉราเก็บของทุกอย่างเข้าไปซ่อนไว้ในห้องแต่งตัวเพื่อเซอร์ไพรส์เขา เธอเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องแต่กลับพบว่า ไม่มีรูปแต่งงานแขวนไว้บนผนังเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคยเห็น พาให้แปลกใจไม่น้อยทว่าก็ไม่ได้คิดติดใจอะไร เธอปัดความสงสัยเหล่านั้นทิ้งไปแล้วล้มตัวลงบนเตียงนอน ข้างนอกสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา
ร่างแน่งน้อยที่เผลอหลับไปก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา มือบางหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาทันที ใบหน้าจิ้มลิ้มเผยยิ้มหวานเมื่อพบว่าสามียังไม่กลับมา แต่เพียงไม่นานเสียงปลดล็อกประตูก็ดังขึ้น อัจฉรารีบไปซ่อนในห้องแต่งตัว เธอเตรียมจะเซอร์ไพรส์สามีแต่ก็ต้องหยุดขาที่กำลังจะก้าวออกไปไว้เสียก่อน เมื่อเขาไม่ได้เข้ามาภายในห้องเพียงลำพัง เธอจึงทำได้เพียงยืนนิ่งงันอยู่เช่นนั้นเพื่อฟังการสนทนาของคนทั้งคู่
“นพคะ เมื่อไหร่คุณจะหย่ากับนังนั่นซะที วิทนไม่ไหวแล้วนะ”
“ใจเย็นๆ น่าที่รัก รอผมสร้างโรงแรมที่ระยองเสร็จเมื่อไหร่ ผมก็ไม่ทนอยู่แล้วล่ะ คุณก็รู้ว่าพ่อของฟ้าใสเขาเป็นนักการเมืองใหญ่ ผมยังต้องพึ่งเขาในการขยายธุรกิจอีก และที่สำคัญ หากโรงแรมสร้างเสร็จที่ดินผืนนั้นของฟ้าใสก็จะกลายเป็นของผมครึ่งหนึ่ง”
“คุณจะให้วิใจเย็นได้ยังไง วิเป็นเมียคุณนะ หากไม่ใช่เพราะที่ดินผืนนั้น วิคงไม่ยอมให้คุณไปแต่งงานกับนังนั่นหรอก ไหนคุณบอกว่าเพียงไม่นานก็ได้มาแล้วไง แต่นี่มันสองปีแล้ว ท้องวิก็โตขึ้นทุกวันด้วย วิไม่อยากเป็นเมียน้อยหรอกนะ”
อัจฉราได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นอย่างชัดเจน ศีรษะคล้ายกับโดนค้อนทุบ สมองสับสนมึนงงไปหมด เธอไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน จึงแง้มประตูออกดูเผื่อว่าจะเข้าใจผิดไปเอง ทว่าภาพที่ได้เห็นคือ สามีของเธอกำลังกอดจูบอยู่กับผู้หญิงอื่น
ดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา อัจฉราเคยคิดว่านพชัยจะแตกต่างจากพ่อของเธอ แต่เขากลับแต่งงานกับเธอเพื่อหวังที่ดินมูลค่าหลายร้อยล้านผืนนั้นซึ่งเป็นที่ดินมรดกจากยาย อัจฉราเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีมันตอนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว และเขายังหวังจะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของพ่อเธออีกด้วย
‘ตลอดมาที่เขาทำดีกับฉันก็เพื่อสิ่งนี้เองเหรอ ฉันนี่โง่จริงๆ สุดท้ายก็โดนหลอกจนได้ ผู้ชายมันก็เฮงซวยเหมือนกันหมด’ หญิงสาวได้แต่ยิ้มเย้ยหยันให้แก่ตนเอง
ปัง!
ร่างบางเปิดประตูห้องแต่งตัวอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง หนุ่มสาวที่กำลังนัวเนียกันอยู่ถึงกับผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว อัจฉราเดินตรงไปหาคนทั้งคู่ นัยน์ตากลมโตมองชายหนุ่มด้วยสายตารวดร้าว
“ฟ้า มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นพชัยถามอย่างลนลาน
“ฮึ! ฉันก็มาเซอร์ไพรส์วันครบรอบแต่งงานของเรายังไงล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นฉันเองที่ถูกคุณเซอร์ไพรส์แบบนี้”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะฟ้า คุณไม่ได้ยินอะไรใช่ไหม”
“ฉันได้ยินทุกอย่าง คุณรู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นลูกใคร คุณถึงได้เข้ามาตีสนิทด้วยตั้งแต่แรก คุณหมายตาที่ดินของฉันมานานเท่าไหร่แล้ว เพราะที่ดินผืนนั้นคุณถึงกับต้องหลอกให้ฉันแต่งงานกับคุณอย่างนั้นเหรอ คุณใจร้ายมากเลยนะนพชัย ที่ผ่านมาคุณเคยรักฉันจริงๆ บ้างไหม” อัจฉราตะโกนใส่หน้าเขา พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร พลางหอบหายใจอย่างหนัก ดูเหมือนว่าโรคประจำตัวของเธอจะกำเริบอีกแล้ว
“ฟ้า ใจเย็นๆ สงบสติอารมณ์ก่อน” เขารีบเข้าไปประคองคนไว้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหอบหายใจหนักขึ้น “ยาล่ะฟ้า คุณได้เอามาด้วยไหม”
นพชัยถามอย่างลนลาน รีบมองดูรอบตัวภรรยาเพื่อหากระเป๋า “ฟ้าตั้งสติก่อน คุณเอากระเป๋าไว้ไหน ยาอยู่ในนั้นใช่ไหม”
อัจฉรารวบรวมเรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดชี้ไปยังห้องแต่งตัว ตอนนี้เธอทรมานมาก โรคหอบหืดของเธอกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ซ้ำยังรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ มันหายใจไม่ออกเจ็บหน้าอกไปหมด
นพชัยรีบอุ้มร่างแน่งน้อยไปนอนที่โซฟา แล้วเร่งรุดไปหายาพ่นจากกระเป๋าของหญิงสาวทันที
“คุณจะทำอะไรคะนพ ปล่อยให้มันตายไปซะสิ หากมันตายที่ดินผืนนั้นก็จะเป็นของคุณ”
“หลีกไปวิ ผมไม่มีเวลามาทะเลาะกับคุณ ฟ้าเขาต้องการยา”
อัจฉราปรือตามองสามีที่กำลังยื้อยุดกันอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้เธอไม่ไหวแล้ว เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจที่แผ่วเบาลงไป