หลังจากคาเซนกลับไปยูมิก็นั่งลงที่ชิงช้าในสวนเพื่อทบทวนเรื่องที่ชายหนุ่มพูด มันเป็นความจริงที่เธอและครอบครัวไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของเขาได้ หากเขาบอกกับคนในองค์กรว่าต้องการแต่งงานกับเธอ คนอื่น ๆ ก็ต้องมากดดันพ่อของเธอให้ยอมรับข้อตกลง ถึงแม้ว่ามาซุดะจะหาทางเพื่อทำตามความต้องการของลูกสาวอย่างถึงที่สุด แต่ยูมิก็ไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น
“คิดมากเรื่องที่เขามาคุยเหรอลูก”
“โอะก้าซัง ยูมิควรตกลงใช่มั้ย?”
“ทำตามที่ลูกเลือกเถอะ พวกเราจะสู้เพื่อความสบายใจของหนู”
“ยูมิไม่เคยรู้จักเขาด้วยซ้ำ แต่ทำไมคนที่เขาเลือก…”
“อย่าคิดมากไปเลย หากถึงวันที่เขามาเอาคำตอบแล้วใจลูกบอกว่าไม่ต้องการแต่ง ก็ไม่มีใครห้ามลูกได้”
“ค่ะ” เธอตอบทั้งที่ในหัวยังคิดเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน
ทางด้านคาเซน เมื่อออกจากบ้านมาซุดะเขาตรงมายังบริษัทบังหน้าของครอบครัวเพื่อทำงาน พลันสมองคิดถึงแต่เรื่องที่ทำไปในช่วงเช้า แท้จริงแล้วเขาไม่ได้อยากบีบใครด้วยตำแหน่งบ้า ๆ นี่เลยสักนิด เพียงแต่บางเรื่องก็ต้องทำ
“ไง คิดมากอะไร”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คิรินทร์?”
“เมื่อคืน”
“แล้วไปพักที่ไหน ทำไมไม่เข้าไปที่บ้าน”
“เซอร์ไพรซ์ นายรู้จักมั้ยจาฟาร์” รามคิรินทร์ลูกชายเพียงคนเดียวของลูคัสนั่งลงตรงข้ามกับคาเซน
“เฮ้อ เล่นไม่รู้จักโต บอกอาคัสไว้มั้ยก่อนมาเดี๋ยวก็โวยวายอีก”
“บอกแล้ว”
“อืม”
“ได้ข่าวว่าจะแต่งงาน”
“ข่าวมาจากไหน ฉันยังไม่ได้รับคำตกลงจากเจ้าสาวเลย”
“ว่าที่เจ้าสาวนายสวยมั้ย?”
“ไม่รู้สิ” จาฟาร์วางปากกาก่อนเอนหลังเพื่อผ่อนคลาย
“อะไรของนาย เลือกเขาให้เป็นเมียแต่กลับตอบไม่รู้ว่าสวยมั้ย”
“ก็ดี”
“เลือกเพราะอะไรคนนี้ สวย แซ่บ เด็ด?”
“ฉันไม่ใช่นายนะคิรินทร์ เดี๋ยวก็ทุบหัวแตก”
“มาสิ ฉันจะเผาบริษัทนี่ให้ดู”
“ลูกพ่อจริง ๆ เลยนะ เผาเก่ง เผายันต้นไม้ตา”
“ปู่ฉันน่ารัก รู้ว่าชอบเผาก็ชอบเอามาลงจัง” รามคิรินทร์ได้นิสัยลูคัสมาเต็ม ๆ จะมามากกว่าหน่อยคือชอบรับบทบาทคนจน
“เขาชอบต้นไม้ ไม่ได้ชอบที่นายเผา”
“กลับมาที่เรื่องว่าที่เจ้าสาวนายก่อน”
“อุตส่าห์เบี่ยงไปเรื่องอื่นแล้ว นายยังวนกลับมาอีกนะ” จาฟาร์ถอนหายใจหนัก ที่เขายังไม่พูดถึงยูมิก็เพราะว่าเธอยังไม่ได้ให้คำตอบเขาเลย
“สรุปเลือกเขาเพราะอะไร?”
“เป็นคนเดียวที่มีค่าและมีสมองมากที่สุด แต่งแล้วไม่ทำเสียหน้าแน่นอน”
“จะบอกปู่เรื่องนี้มั้ย?”
“ก็ต้องบอกนั่นแหละ”
“นายคิดว่าปู่จะยอมให้นายแต่งเหรอหากรู้ว่าแต่งเพื่อองค์กรเฮงซวย”
“ยอมอยู่แล้วแหละ เดี๋ยวคงต้องโทรบอกเหตุผล”
“นายก็ไม่ได้ชอบให้ใครมาบังคับ เรื่องนี้ทำไมถึงยอม?”
“คิดดูนะคิรินทร์ พ่อฉันควรทำตามกฎนี้แต่ไม่ยอมเพราะมีคนสวยแล้ว ถ้าฉันทำอีกคนไม่พ้นคำพูดที่ว่าฉันไม่ให้เกียรติองค์กร เผลอ ๆ ลามไปเรื่องเก่าอีก”
“ทางออกอื่นมีเยอะแยะ”
“ทางนี้นี่แหละดีที่สุด อีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิดจะมีใคร”
“ไม่กลัวว่าวันหนึ่งจะเจอคนที่ใช่หรือไง ถึงวันนั้นนายจะทำยังไงกับเมีย”
“ฉันไม่ใช่คนเจ้าชู้ ถ้าได้แต่งก็พร้อมจะดูแลเขาให้สมฐานะ”
“เหมาะแล้วที่ปู่บอกว่านายได้เลือดความเป็นบราวน์มาเต็มที่”
“คืออะไร?” จาฟาร์ไม่เข้าใจสิ่งที่รามจะสื่อ
“ก็ตระกูลบราวน์ขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์ต่อคนรักไง ขนาดเขายังไม่ตกลงนายก็พร้อมปกป้องแล้ว”
“มันเป็นเรื่องที่ฉันควรทำ เพราะฉันดึงเขามาอยู่ในจุดที่น่าอึดอัดพวกนี้ทั้งที่เขาไม่ชอบ”
“ทำไมไม่เลือกคนอื่น”
“ก็บอกว่าไม่มีใครเหมาะสม”
“เฮ้อ ว่าที่คนคลั่งรักคนต่อไปของบราวน์สินะนายน่ะ”
“เพ้อเจ้อ แต่งเพราะงานมั้ยล่ะ”
“อย่าให้เห็นคนคลั่งรักนะ ฉันจะล้อยันลูกบวชเลย”
“ลูกฉันก็ต้องเป็นโอยะบุนต่อจากฉัน จะบวชได้ยังไง”
“นั่น! คิดถึงตอนมีลูกแล้วเหรอ?” ต้อนเก่งเหมือนพ่อมันจริง ๆ จาฟาร์คิดในใจก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อไม่สนว่ารามจะเพ้อเจ้ออะไรออกมา
กระทั่งเที่ยง สองหนุ่มเตรียมตัวจะกลับคฤหาสน์โนชิมูริ แต่เลขาหน้าห้องเคาะประตูเสียก่อน รามจึงต้องนั่งลงบนโซฟาเช่นเดิม
“มีอะไร?”
“มีคนมาขอพบคุณคาเซนค่ะ”
“ใคร?”
“เธอแจ้งว่าเป็นว่าที่ภรรยาของคุณค่ะ”
“อืม ให้เธอเข้ามา”