เป็นฉันมันแย่จังเลย

1200 คำ
กว่าจะผ่านไปแต่ละวันยากเย็นเหลือเกิน ฉันต้องถูกล้อเรื่องรูปร่าง ถูกแกล้งจากคนรอบตัว ร้องไห้ น้อยใจ ไม่พอใจก็ไม่ได้ “พูดเล่นแค่นี้จะอะไรวะ!!” กลับเป็นฉันที่ผิดไปเสียได้ สังคมมันก็อย่างนี้แหละ ยิ่งฉันเข้าสังคมไม่เก่ง ก็ยิ่งอยู่ยาก ฉันเดินทางกลับบ้านอย่างเหนื่อยล้า ตลอดทางกลับเต็มไปด้วยของกินแสนโอชะ นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันลดน้ำหนักไม่ได้ มันง่ายนักเหรอ? คุมอาหาร + ออกกำลังกาย คือวิธีที่ถูกต้องและดีที่สุดจากที่ฉันเคยลองศึกษานะ แต่คุณคิดดูสิข้าวขาหมูเจ้าดัง ข้าวมันไก่ ไข่พะโล้ ขนมหวาน เค้ก ชานมไข่มุก น้ำอัดลม ของพวกนี้มันอร่อยแค่ไหนล่ะ ให้ตายยังไงก็เลิกกินไม่ได้หรอก อาหารตลีนก็ใช่ว่าจะอร่อย คนเคยกินเบคอน หมูสามชั้น จะให้ไปกินอกไก่ไร้รสชาตินั่นแทน จะบ้าเหรอ คนละเรื่องเลย ออกกำลังกายยิ่งแล้วใหญ่แค่เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองฉันก็จะขาดใจตายแล้ว เดินจากตึกเรียนออกมารอรถนี่ก็นั่งหอบจะขาดใจแล้ว ฉันล้วงเอายาดมขึ้นมาสูดจนฉ่ำปอด เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะตายซะแล้ว อ้วนนี่แย่จริงๆ นั่นแหละ ต่อให้ตัดเรื่องรูปลักษณ์ไปก็เถอะ สุขภาพเอย โรคภัยไข้เจ็บเอย ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย ร้อนง่าย ขยับนิดหน่อยเหงื่อท่วม จุดอับของร่างกายก็ส่งกลิ่นเปรี้ยว จากที่คนเหยียดรูปร่างอยู่แล้ว ต่องมาโดนรังเกียจกลิ่นตัวอีก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจนะ ฉันพยายามอาบน้ำ ใช้สารดับกลิ่น ใส่น้ำหอม แต่มันเอาไม่อยู่จริงๆ เหงื่อมันเยอะมากดับกลิ่นสารหอมไปจนหมด ฉันกลับถึงบ้านก็ตรงเข้าห้องนอนเลย ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เงียบๆ คนเดียว เบือๆ ก็เปิดซีรี่ย์ดูบ้าง บางทีก็อ่านนิยาย อะไรก็ได้ที่เป็นโลกของจินตนาการ ฉันไม่เคยมีเพื่อนสนิทเลย ไม่เคยรู้เลยว่าความรู้สึกของเพื่อนสนิทมันเป็นแบบไหน เหงาก็ทีแค่ลูกเพจ หนังสือนิยาย ซีรี่ย์จากเว็บซับไทย เพลงในยูทูป เฮ้อ...แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่มีเวลาให้เลย Rrrrr~ เอ๊ะ!! ฉันตกใจสะดุ้งในขณะที่กำลังนอนเคลิ้มจะหลับ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปกติก็มีแค่แม่นี่แหละที่โทรเข้ามา ตะ...แต่นี่มัน...อะไรเนี่ย -$#¥#*<€฿@/8#*¥- เบอร์มัน...แปลกๆ แฮะ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันตัดสินใจกดรับ ก็อยากรู้ว่านอกจากแม่จะมีใครอีกที่จะโทรหาฉันได้ พ่อก็ไม่ใช่เพราะเบอร์พ่อฉันก็เมมไว้ว่าพ่อ “...จื๊ดด แซ่...จึ๊ดดดด...ฟู่ววว” พอกดรับก็เป็นเสียงอะไรไม่รู้แสบแก้วหูมาก “ฮัลโหล...นี่...โอ้ย...ฮัลโหล” ฉันพยายามสื่อสารกับปลายสาย แต่ยังคงเต็มไปด้วยเสียงอะไรก็ไม่รู้เหมือนไมค์ช็อต “นี่!! ขออนุญาตวางนะคะ” “จึ๊ดดด...เดี๋ยว...ฟื้อออ อย่างวาง...ฟู่ว...อย่างวางนะ” ฉันได้ยินเสียงแว่ว ดังมาจากโทรศัพท์มันฟังดูแปลกๆ ยังไงชอบกล “ไม่ทราบว่าจะคุยกับใครคะ” ฉันตัดสินใจถามออกไป “ที่นั่นดาวโลกใช่ไหม” เอ่อ...นี่ฉันโดนคุกคามขนาดนี้เลยเหรอ ใครต้องโทรมาแกล้งฉันแน่ “เฮ้!! คุณได้ยินหรือเปล่า นี่...” เสียงคลื่นแทรกเหมือนไมค์ช็อตอะไรนั่นหายไปแล้ว มีแต่เสียง...เอ่อเสียงเด็กที่กำลังจะแตกหนุ่มเหรอ ดังโวยวายอยู่ในสาย ฉันไม่รู้ว่าควรจะคุยต่อหรือควรวางดี “นี่คุณได้ยินผมไหม...หรือว่าเครื่องแปลภาษามันจะเสียนะ...แกรกกก...” “ได้ยิน ตุณต้องการอะไร จะโทรมาแกล้งฉันเหรอ...” “เฮ้!!! มันใช้ได้ล่ะ ฉันทำสำเร็จแล้ว ฉันโทรไปดาวโลกได้แล้ว สุดยอดไปเลยวู้ววว” เสียงเด็กนั่นโห่ร้องอย่างดีใจ ฉันยังคงถือสายฟังต่อไป ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ “สรุปที่นั่นใช่ดาวโลกใช่ไหม” เขาย้อนกลับมาที่คำถามเดิม “ใช่...ถ้าไม่ใช่โลกแล้วจะเป็นที่ไหนได้อีกล่ะ ดาวอังคารหรือไง” “จากที่อ่านผลสำรวจเหมือนในระบบสุริยะนั้นดาวอังคารจะยังไม่มีมนุษย์นะ” เด็กนะ้นอธิบายเสียงเรียบ “นี่จริงจังเหรอ ถ้าจะโทรมาแกล้งกันแบบนี้ฉันวางนะ!!” ฉันเริ่มจะไม่สนใจเจ้าเด็กนี่แล้ว พูดจาเพ้อเจ้อเสียเวลานอนชะมัด!! “อย่าวางนะขอร้องล่ะ ฉันสนใจดาวโลกมากๆ ฉันอยากมีเพื่อน” เจ้าเด็กนี่ต้องไม่ใช่เด็กปกติแน่ๆ น่าจะขาดๆ เกินๆ ไม่เต็มบาทถึงได้พูดแบบนี้ แต่นั่นแหละเหตุผลที่ทำให้ฉันอยากคุยกับเขาต่อ เขาก็คงจะเหงาไม่ต่างกันกับฉัน ก็เลยสุ่มเบอร์มั่วๆ หาคนคุยเป็นเพื่อน ฉันคิดๆ ดูแล้ววันนี้คงเป็นวันเดียวล่ะมั้งที่จะได้คุยกับหมอนี่ วันพรุ่งนี้คงสุ่มเจอคนอื่น “อยากคุยอะไรก็ว่ามา” ฉันนอนลงแล้วตั้งใจว่าจะคุยกับเด็กนี่จริงๆ จังๆ “ที่นั่นประเทศอะไร” “ไทย” “อืม...ไม่คุ้นเลยแฮะ ใกล้กับสหรัฐ หรือจีนไหม” เขาถามต่อ “ไม่นะ ติดกับลาวพม่า กัมพูชาแล้วก็...เอ่อ...มาเลเซีย” ฉันเหมือนต้อวค้นวิชาภูมิศาสตร์มาใช้ยังไงยังงั้น “อืม...ขอจดแป้บนะ เดี๋ยวจะหาข้อมูลเพิ่ม” “แล้วนายล่ะอยู่ที่ไหน” ฉันเลยลองถามบ้าง “ดาวไฮเรยามู ไกลจากโลกมากคนละกาแล็กซีเลยล่ะ แต่ดาวของเราเจริญกว่าโลกมากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เราส่งคนไม่สำรวจดาวอื่นๆ ที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่...” ฉันว่าเด็กนี่อาจจะเป็นประสาทก็ได้นะ ดูพูดจามีหลักมีการ แต่เพ้อฝันไปหน่อย “อืมๆ แล้วทำไมถึงพูดภาษาไทยล่ะ อยู่ดาวอื่นพูดภาษามนุษย์แล้วเป็นภาษาเฉพาะกลุ่มอีก” “เรามีเครื่องแปลภาษาน่ะ มันจะจับสัญญาณคลื่นเสียงที่ส่งผ่านมาจากอุปกรณ์สื่อสารของเธอก็คงเป็น...โทรศัพท์ใช่ไหม” “โทรข้ามกาแล็กซีเนี่ยนะ ไม่เวอร์ไปหน่อยหรือไง” ฉันก็พูดไปตามที่คิด “นี่อย่ามาดูถูกนะ ฉันคิดค้นประดิษฐ์เครื่องนี้เองกับมือดัดแปลงจากโทรศัพท์โทรทางไกลของพอเอามาต่อกับเครื่องแปลภาษาที่พ่อฉันวิจัย....” เฮ้อยิ่งฟังยิ่งปวดหัววางดีไหมแบบนี้ “สรุปก็คือนายเป็นมนุษย์ต่างดาว?” “จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ พวกเธอก็คงเรียกเราว่าแบบนั้น” เฮ้อ...มีคนโทรหาทั้งทีทำไมต้องเป็นคนบ้าด้วยนะ ฉันกับหมอนี่คุยกันมาเรื่อยๆ เขาก็ยังคงยืนยันว่าตังเองเป็นมนุษย์จากดาวไฮเรยามูอะไรนั่นแหละ พยายามโน้มน้าวให้ฉันเชื่อ แต่ใครจะบ้าไปกับมันล่ะ ฉันก็ฟังๆ อย่างเดียว เอาวะอย่างน้อยก็ได้บุญ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังประสบภัยความเหงาเหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม