“รู้สึกว่าเจ้าหญิงไนย์ดาจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองมีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ในบัลลังก์ที่ไม่ใช่ของเจ้า”
เจ้าชายคาริมตรัสเป็นนัยๆ และคำพูดของพระองค์ กอปรกับสุรเสียงและดวงเนตรที่จ้องมองมาอย่างเย็นชา ได้สร้างความขัดเคือง สะกิดให้ความโกรธเคืองปะทุเดือดขึ้นในตัวเจ้าหญิงไนย์ดาทีละองศา
“ทำไมหม่อมฉันจะไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ไบลาร์ เมื่อสักครู่เจ้าชายคงฟังไม่ถนัดตามที่หม่อมฉันบอกไปว่าเจ้าหน้าที่สภาทุกคนได้ยกมือสนับสนุนให้หม่อมฉันเป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐไบลาร์แล้ว”
“เราไม่ได้หูหนวกหรือฟังไม่เข้าใจ” เจ้าชายคาริมถากถาง ก่อนจะตรัสต่อโดยไม่ลืมหันไปจ้องมองเขม็งยังเจ้าชายฮัสซันผู้เป็นท่านลุง
“ผู้ที่จะเป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐไบลาร์ได้ ต้องมีเลือดของราชสกุลอัลมาส ไคยล์ อย่างสมบูรณ์เท่านั้น”
“แน่นอน! ผู้ปกครองรัฐไบลาร์ต้องมีเลือดของราชสกุลอัลมาส ไคยล์ อย่างสมบูรณ์เท่านั้น” เจ้าหญิงไนย์ดาทวนคำกลับเสียงแข็ง แล้วตรัสออกมาอย่างเย่อหยิ่งทะนงองค์
“และหม่อมฉันก็มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เจ้าชายตรัสออกมา ราษฎรทั่วทั้งแผ่นดินทะเลทราย เจ้าหน้าที่สภาทุกคนต่างก็เห็นพ้องว่าหม่อมฉัน เจ้าหญิงไนย์ดา เหมาะสมกับการขึ้นครองราชย์มากกว่าเจ้าชายคาริม ผู้ไม่เคยอยู่ในแผ่นดินผืนนี้เป็นเวลานานนับแรมปี”
“ฟังดูเจ้ามั่นใจเหลือเกินนะว่าตัวเองมีสิทธิ์ตามที่ว่าอย่างเต็มที่”
ขณะตรัสเยาะ เจ้าชายคาริมสืบเท้าเข้ามาหยุดยืนใกล้ร่างบางอรชรของเจ้าหญิงไนย์ดา ยิ่งได้อยู่ใกล้แค่เพียงไม่กี่ปลายนิ้วสัมผัส ก็ทรงยอมรับว่าเจ้าหญิงผู้นี้มีสิริโฉมงดงามซะยิ่งนางแบบดาราที่พระองค์เคยมีไว้บำเรอรัก
“ใช่สิเพคะ หม่อมฉันมั่นใจและรู้ว่าตนเองมีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ ราษฎรทุกคนสนับสนุนให้รัฐไบลาร์มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว”
“ราษฎรเต็มใจสนับสนุนหรือถูกบังคับกันแน่น”
“ทำไมต้องบังคับ ราษฎรทุกคนรักหม่อมฉันด้วยกันทั้งนั้น” เจ้าหญิงไนย์ดาเถียงกลับ พร้อมกับขยับกายถอยหลังไปหลายก้าว ตอนเจ้าชายคาริมสืบเท้าเข้ามาใกล้
“ทำไมต้องบังคับ ทำไมต้องขู่เข็ญ ทำไมต้องทำร้ายยังงั้นหรือ นี่เจ้าโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ว่า การกระทำตามที่เราพูดมานั้น ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่าสนับสนุนตามที่เจ้าประกาศป่าวๆ อยู่นี่ยังไงล่ะ”
เมื่อเจ้าหญิงไนย์ดาก้าวถอยหนี เจ้าชายคาริมก็สืบเท้าตามเข้าไปประชิด และก่อนเจ้าหญิงไนย์ดาจะทันระวังตัว ก็ถูกพระหัตถ์ใหญ่คว้าต้นแขนไว้มั่น ก่อนจะกระชากร่างบางเข้ามาปะทะกับอกกว้าง
“เจ้าคิดเสมอหรือเจ้าหญิงไนย์ดา คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ในบัลลังก์แห่งนี้ยังงั้นหรือ”
“ปล่อยหม่อมฉันนะเจ้าชาย”
เจ้าหญิงไนย์ดาตวาดลั่น ยกพระหัตถ์เล็กทั้งสองดันอกกว้างไว้ไม่ให้แนบชิดมากับปทุมถันของพระองค์
ขณะเจ้าหญิงไนย์ดาดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของเจ้าชายคาริม เจ้าชายฮัสซันกลับเฝ้ามองดูโดยไม่คิดช่วยเหลือธิดาแม้แต่น้อย
“ทำไมไม่ตอบคำถามของเราล่ะเจ้าหญิงไนย์ดา”
เจ้าชายคาริมลดพระพักตร์ลงต่ำ ขณะเค้นสุรเสียงถามห้วนๆ โอษฐ์ร้อนรุ่มอยู่ห่างจากโอษฐ์อวบอิ่มสีกุหลาบไม่ถึงนิ้ว ทำเอาพระองค์หายใจติดขัดอีกครา เมื่อได้กลิ่นกายอันหอมรัญจวนของกายสาว
“ใช่ หม่อมฉันมีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ และตอนนี้ราษฎรทั่วทั้งแผ่นดินทะเลทรายต่างก็รู้ดีว่าใครกันที่เป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐไบลาร์ เจ้าชายคาริมต้องสละบัลลังก์ให้กับหม่อมฉัน และหากพระองค์ทรงทำตามที่หม่อมฉันต้องการอย่างง่ายๆ หม่อมฉันก็จะอนุญาตให้พระองค์อยู่ในตำหนักหรูหราแห่งนี้ต่อไป”
สิ้นข้อเสนอของเจ้าหญิงไนย์ดา เจ้าชายคาริมก็แหงนพระพักตร์หัวเราะร่วนราวกับกำลังได้ฟังเรื่องตลกขบขันก็ไม่ปาน
“ฮ่าๆๆๆ เจ้ากำลังจะไล่เราออกจากแผ่นดินที่เป็นของเรายังงั้นหรือไนย์ดา”
“ก็บอกว่าแผ่นดินแห่งนี้หม่อมฉันเป็นเจ้าผู้ปกครองแล้ว เจ้าชายคาริมฟังไม่เข้าใจหรืออย่างไร”
เจ้าหญิงไนย์ดาตวาดกลับเสียงดัง ใบหน้าแดงซ่านเพราะความโกรธจัดอันเกิดจากการถูกเจ้าชายคาริมหัวเราะเยาะหยัน
เจ้าชายคาริมกระตุกยิ้มเยาะตรงมุมโอษฐ์ คราวนี้หันพระพักตร์เรียบเฉย ทว่าดวงเนตรวาวโรจน์ด้วยไฟแค้นไปมองผู้เป็นท่านลุง ก่อนจะตรัสถามเสียงเย็นไม่แพ้กัน
“กระหม่อมรู้สึกว่าท่านลุงที่เคารพ จะพลาดเรื่องการบอกความจริง ในบางสิ่งบางอย่างให้เจ้าหญิงไนย์ดาได้ล่วงรู้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ความจริงก็คือราษฎรและเจ้าหน้าที่สภาทุกคน ได้ยกมือเลือกให้เจ้าหญิงไนย์ดาเป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐไบลาร์แล้ว”
เจ้าชายฮัสซันตอบสุรเสียงแข็ง ไม่กล้ามองสบดวงเนตรกับเจ้าชายคาริม ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะเห็นความกระหายเลือดที่พระองค์แทบกักเก็บไว้ไม่มิด
“รู้สึกว่าท่านลุงจะเป็นใจไปกับการปกปิดความจริง ไม่ให้เจ้าหญิงไนย์ดารู้ความจริงบางอย่างนะพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายคาริมย้ำคำ รู้สึกสนุกไปกับการเล่นสงครามประสาทกับเจ้าฮัสซัน และสะใจทุกครั้งที่เห็นเจ้าชายฮัสซันเผยอาการโกรธขึงให้เห็น
“ลุงไม่มีอะไรต้องปิดบัง”
เจ้าชายฮัสซันกระชากสุรเสียงตอบ พระพักตร์และดวงเนตรแดงก่ำเพราะความโกรธจัด เกิดอาการร้อนตัวอยู่ไม่เป็นสุข ด้วยเกรงว่าเจ้าชายคาริมจะล่วงรู้ความลับที่ทรงซุกซ่อนไว้นานนับยี่สิบปี
“ท่านลุงจะโกหกตัวเองและเจ้าหญิงนอกสายเลือดผู้นี้อย่างไรก็ได้ แต่ท่านลุงไม่มีทางโกหกหลานและราษฎรทั่วทั้งแผ่นดินทะเลทรายได้แน่”
นาทีนี้ เจ้าชายคาริมทรงรู้แล้วว่าพระองค์กำลังถือไพ่เหนือกว่าเจ้าชายฮัสซัน เพราะพระองค์กำลังกุมความลับสำคัญของเจ้าหญิงไนย์ดาไว้ในมือ
“เจ้าชายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
ในขณะเจ้าหญิงไนย์ดาตีสีพระพักตร์อย่างงุนงง เจ้าชายฮัสซันกลับกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ ไม่นึกว่าเจ้าชายคาริมจะล่วงรู้ความลับที่ทรงเก็บงำไว้
“ถ้าอยากรู้ความจริง ว่างๆ ก็ถามท่านพ่อของเจ้าเอาเองสิเจ้าหญิงไนย์ดา”
เจ้าชายคาริมตรัสเยาะ พร้อมกับผลักร่างบางระหงของเจ้าหญิงไนย์ดาให้ถอยห่าง โดยไม่สนใจว่าเจ้าหญิงผู้งดงามจะเซถลาตามแรงผลักจนเกือบล้มลงกับพื้น
เจ้าหญิงไนย์ดากัดเม้มโอษฐ์แน่นเพราะโกรธจัด เมื่อถูกเจ้าชายคาริมปฏิบัติต่อพระองค์ด้วยกริยาอันแสนหยาบคาย
“หม่อมฉันต้องการให้เจ้าชายอธิบายถึงเรื่องที่เจ้าชายพูดเมื่อสักครู่”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งเรา!”
เจ้าชายคาริมตวาดกลับสุรเสียงดังลั่นห้อง จากนั้นก็ชี้นิ้วไปลงโลงศพของพระบิดา แล้วเค้นสุรเสียงตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น