เนื่องจากหวงเกาเทียนนั้น มีทหารใต้บัญชาการอยู่มากมาย การสร้างจวนของหวงชินหวางจึงลุล่วงไปด้วยดี มีการนำทาสมาก่อสร้างกำแพงรอบเมือง และใช้แรงงานทำฝายกับคูน้ำไปทั้งเมือง
หวงเกาเทียนสั่งทหารให้สร้างบ้านเรือนให้ทหารใต้บัญชาของตนก่อน จากนั้นจึงสร้างจวนให้เหล่าเสนาบดีและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ทำเพียงคร่าวๆ แล้วให้ผู้อื่นนั้นสร้างเรือนต่อไปเอง เช่นนี้แล้ว เมืองหลวงของเทียนหลิงจึงมีรูปร่างเค้าโครงขึ้นมาแล้ว มีการสร้างยุ้งฉางกลางก่อน เพื่อควบคุมเสบียง ผู้ใดทำนาได้ต้องนำมาส่งที่ยุ้งฉางกลาง จากนั้นจึงจะนำไปเก็บในเรือนของตนได้
หวงเกาเทียนมิได้รีดเร้นผู้คนนัก เพราะยามนี้คนมีแรงทำนาก็มิพ้นทหาร และสตรีบางนางเท่านั้นเอง
ยามสร้างเมืองขึ้นมาได้เหล่าทหารคึกคัก ไปสู่ขอสตรีของตนที่ชื่นชอบ และตบแต่งแบบไร้พิธีรีตองไปเสีย มีเพียงการร้องรำ และไร้ซึ่งสุราเพราะยังมิมีผลิตผลเหลือมากเพียงพอในปีนี้ หวงเกาเทียนสั่งทหารให้ไปค้นหาตัวไหมและพันธุ์ฝ้ายมาทำเครื่องนุ่งห่มของสตรีและบุรุษชนชั้นสูงก่อน ทั้งยังล่าสัตว์ในป่าออกมาทำเครื่องนุ่งห่มกันหนาวชั้นดีเป็นจำนวนมาก เหล่าทหารต้องช่วยกันปลูกฝ้าย เพื่อรอให้หญิงสาวมาเก็บไปปั่นเป็นเส้นใยอีกคราหนึ่ง
ส่วนเสี่ยวโซ่วนั้นนางเลือกหว่านเมล็ดข้าวโพดเอาไว้เลี้ยงไก่ นางชอบกินไก่จึงสนใจแต่อาหารไก่และเป็ดเป็นสิ่งแรก หวงเกาเทียนหัวเราะนางจนท้องแข็ง ในความแปลกพิลึกของนาง แล้วก็สั่งสร้างโรงเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ที่นอกเมือง มิให้มีกลิ่นรบกวนผู้คนนัก
ทุกๆเช้าร่างแกร่งจะนั่งรถม้าไปประชุมในท้องพระโรง และกลับออกมายืนแอบดูว่า เสี่ยวโซ่วนั้นนางทำสิ่งใดบ้างในวันหนึ่ง บางคราก็ทรงปีนขึ้นไปบนต้นไม้และแอบดูนางทุกๆวัน ทำให้ทหารยามนั้นตกใจในคราแรกๆ ต่างนึกว่ามีผู้บุกรุกกันทั้งสิ้น แต่พอเห็นผืนผ้าลวดลายก้อนเมฆ ก็เร่งยืนนิ่งและมิกล้าส่งเสียงใดออกมาอีก
เสี่ยวโซ่วนั้นชอบเลี้ยงปลา นางจะมาคุยกับปลาในอุทยานทุกๆวัน เป็นที่น่าขำต่อหวงเกาเทียนนัก ร่างหนานอนเอนกายบนกิ่งไม้ ทนตากลมบนต้นไม้ฟังนางคุยเจื้อยแจ้วกับเหล่าปลา แล้วจึงค่อยกระโดดลงข้างกำแพงเดินกลับมาที่หน้าประตูจวน ยามเสี่ยวโซ่วได้ยินเสียงคนขานการเสด็จ นางจะวิ่งไปอย่างดีใจในทุกๆวัน คนทั้งจวนต่างหัวเราะคิก ต่อท่าทีของทั้งสองคน ซรื่อหมินบุตรชายสกุลซรื่อ หัวเราะทุกคราที่มองสองคนนั้นมีความรักให้กัน
“หวงชินหวางช่างมีพระทัยที่อ่อนโยนเสียจริงๆ หากข้าเป็นสตรีนะ ข้าจะปีนเตียงหวงต้าเกอให้จงได้เลยล่ะ ฮิฮิฮิ”
บุคคลที่เหลือนั้นต่างถองศอกใส่คุณชายซรื่อ และตบหัวกันอย่างว่องไว ที่คุณชายซรื่อเอ่ยวาจามิเข้าท่าขึ้นมา ทำให้หวงชินหวางภาพพจน์มิดีนัก เสี่ยวโซ่วหัวเราะเบาๆและอมยิ้มน้อยๆ หวงเกาเทียนยิ้มจางๆ และดึงเสื้อคลุมตัวหนาห่มตัวนางลงใต้รักแร้ของตนอย่างเคยชิน เอ่ยกระซิบข้างหูนางเบาๆ
“ยามที่นั้นข้ามิอยู่ที่จวนคิดถึงกันบ้างหรือไม่ หืม”
ใบหน้าหวานพยักหน้าหงึกๆ และเอ่ยคำหวานรักขึ้นมา ทำดวงตาวิบวับใส่
“ยามที่หวางเย่มิอยู่ที่จวน หม่อมฉันคิดถึงทุกคราเลยเพคะ คิดว่าเมื่อใดจะทรงกลับมาเสียที อยู่ในจวนนี้มิใคร่เหมือนอยู่ในเมืองฝูหลิง ที่เมืองฝูหลิงนั้นวุ่นวายและมีเหตุการณ์มากมายนักเพคะ”
“หึ หึ เช่นนั้นแล้ว เปิ่นหวางจะให้เจ้าไปช่วยคุณชายเล่อและคุณชายเมิ่งสร้างฝายและระบบวิดน้ำดีหรือไม่เล่า ยามนี้ทั้งสองนั้นกำลังวุ่นวายกับการทำกังหันลมและรางไม้ไผ่วิดน้ำอยู่”
เสี่ยวโซ่วได้ยินเรื่องน่าสนุก ก็โผล่หัวออกมาใต้รักแร้คนในทันที ทำดวงตาลูกสุนัขน้อยๆ และพยักหน้าหงึกๆออกมาพลัน
“หม่อมฉันอยากไปช่วยเล่อเกอและเมิ่งเกอเพคะ แบบแผนกลไกของทั้งสองนั้น ศึกษาแล้วสนุกที่สุดเพคะ หม่อมฉันจะได้เรียนวาดภาพและอักษรต่อไปด้วยเพคะ”
ใบหน้าคมยิ้มให้นางและรัดนางเข้าในเอวตน พากันเดินไปตามทางเข้าในจวนอย่างรื่นรมย์ ตลอดทางเดินนั้นก็ตรัสเอ่ยถามนางไปตลอดทาง
“วันนี้เจ้าทำสิ่งใดบ้างในยามที่อยู่เรือนผู้เดียวหรือ”
“หม่อมฉันให้อาหารปลาและปล่อยเต่าลงไปในสระเพคะ”
“หึ หึ ปล่อยเต่าน้ำลงไปกินปลาหรือ เต่าน้ำมันกินปลานะ มีเพียงเต่าบกที่กินผักเจ้ารู้หรือไม่เล่า”
เสี่ยวโซ่วฟังแล้วก็ตื่นตกใจขึ้นมา เพราะนางจะเลี้ยงปลาไว้ทำอาหารในยามหน้า มิใช่ปล่อยปลาให้เต่ากินเฉกเช่นนี้ ร่างบางจะหันหลังกลับไป มือหนาก็ดึงนางไว้ และหันไปบอกผู้คนด้านหลังตนในทันที
“พวกเจ้าหน่ะหิวแล้วมิใช่หรือ ไปจับเต่าในสระที่หลังจวนไปทำซุปเต่าบำรุงกำลังเสีย และหาเต่าบกมาให้เสี่ยวโซ่วเลี้ยงเล่นๆซักคู่หนึ่งก็พอ ต่อไปมันคงมีลูกมากเดินยั้วเยี้ยเต็มไปหมด”
เสี่ยวโซ่วทำหน้าเบ้ดึงชายฉลองพระองค์เบาๆ ส่ายหัวไปมาทันที ที่ได้ยินว่าคนข้างกายของนางจะให้คนไปจับเต่าของนางไปกินแล้ว ร่างหนาหันมาจับมือนางและกอดรัดนางในอกตน หอมแก้มนางและหัวเราะขึ้นมาเบาๆ เอ่ยปลอบขวัญนางขึ้นมา
“มิเอาน่าเต่าน้ำมีมากมายหาได้ทั่วไป หากเจ้าอยากจะเลี้ยงปลาให้ดี ก็ต้องรอให้ปลามีมากเสียก่อน ค่อยปล่อยเต่าลงไปได้ เช่นนี้นำมาแล้วก็ให้คนนำไปตุ๋นเถิด เต่าน้ำอร่อยนักมิใช่หาได้ง่ายๆเลยนะ กระดูกของมันยังเอาไปทำยาแก้ไข้ได้อีกด้วย อบอุ่นกายได้ดีเลยล่ะ”
เอ่ยจบแล้วก็ทำหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมา เสี่ยวโซ่วใบหน้าเบี้ยววิ่งหนีไปร้องไห้โฮ ใบหน้าคมแย้มรอยยิ้มขึ้นมาพลัน และให้คนนำเต่าน้ำออกจากบ่อไปปล่อยลงที่หลังเรือนเสีย เพราะว่าเต่าน้ำนั้นยามนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอยู่มิน้อยเลย
ผู้คนหัวเราะคิกขึ้นมาและพยักเพยิดใบหน้าให้หวงชินหวางมองกลับไปที่ด้านหลังตน ยามหันกลับไปก็พบว่าเจ้าตัวยุ่งน้ำตาคลอและโผล่หัวมาข้างเสา มารอคอยฟังว่าเต่าน้ำของนางนั้นจะต้องตายไปหรือไม่ ยามได้ฟังแน่ชัดแล้วว่าเจ้าเต่ารอดตาย นางก็เช็ดน้ำตาลงและวิ่งหนีไปในทันที
หวงเกาเทียนหัวเราะลั่นและเดินตามนางไปอย่างมิเร่งร้อน ในกายนั้นเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาแล้ว ยามที่เห็นน้ำตาของนางเช่นนั้น ใบหน้ายามร่ำไห้ของนางน่ารักเสียจริงๆ
“อร่า แกล้งเสี่ยวโซ่วนั้นน่าสนุกอยู่มิน้อยเลยจริงๆ ให้ตายเถิด”