ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า เหล่าบุรุษชั้นสูงต่างไปนำตัวไหมมาถวายให้หวงชินหวางกันจนได้ หวงเกาเทียนนำต้นหม่อนไหมมาปลูกจนเต็มที่สวนด้านหลัง จวนพักที่ฝ่าบาทพระราชทานที่ดินให้
หวงเกาเทียนออกประกาศหาสตรีมีฝีมือมาทอผ้าเลี้ยงไหมโดยเฉพาะ ยามป่าวร้องออกไปก็พบว่ามีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งมายืนรับสมัครพร้อมบุตรชายพิการที่หน้าจวน ทั้งสองนั้นมอมแมมไปหมด ผอมแห้งอดอยากหิวโหย
เสี่ยวโซ่วแอบไปมองชมแล้วก็ทำดวงตาลูกสุนัขน้อยๆ ให้หวงชินหวางรับคนเข้ามาในจวน ยามรับมาได้เสี่ยวโซ่วเร่งวิ่งไปในห้องของตนเอง นำผ้าฝ้ายเนื้อหยาบออกมาสองชุดและหมั่นโถวจากโรงครัววิ่งแล่นมาอย่างลืมตน
นางเร่งยื่นสิ่งของให้คนก่อน หวงเกาเทียนมองแล้วก็อมยิ้มออกมาจางๆและผายมือให้คนนั้นรับของจากเจ้าตัวยุ่งไปก่อน
“ก่อนที่จะตัดสินใจรับพวกท่าน เปิ่นหวางนั้นต้องการคนเลี้ยงไหมและทอผ้า มิทราบว่าท่านป้านั้นเคยทอผ้าแบบใดมาบ้างหรือ ท่านพอจะบอกข้าได้บ้างหรือไม่”
หวงเกาเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง หญิงชราค้อมกายลงพร้อมกัดกินหมั่นโถวไปด้วยอย่างหิวโหย เหมือนคนอดอยากยากแค้นขนาดหนัก นางกัดหนึ่งคำดื่มน้ำจากสาวน้อยหนึ่งคำ และเร่งตอบออกมาทั้งที่กายยังสั่นๆเช่นนั้น
“ทูลหวางเย่หม่อมฉันนั้นมีนามว่าเหยียนลี่ฮวา ในสมัยที่ยังมีมิบุตรเคยทอผ้าในวังหลวงมาก่อนเพคะ อยู่ในกองภูษา เช่นนี้จึงสามารถย้อมไหมกำหนดสีและปักผ้าพระราชพิธีได้เพคะ”
หวงเกาเทียนฟังแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นมา เพราะยามนี้แม้แต่ในวังหลวงก็ยังหากองภูษามิพบ วังหลวงนั้นไฟไหม้ต้องสร้างขึ้นมาใหม่จนหมดสิ้น ในวังมีแต่ทหาร เหล่าสตรีที่ลี้ภัยล้วนเพิ่งได้รับการอารักขากลับคืนมา คลังหลวงว่างเปล่ามิมีสตรีชั้นสูงใดๆที่มีผ้างดงามในครอบครองกันทั้งสิ้น เช่นนี้หวงเกาเทียนจึงยิ้มร่าและสั่งคนให้ไปนำรังไหมดิบมาให้สตรีตรงหน้าทดสอบฝีมือให้ดูชมในทันที
ท่านป้าเหยียนในยามที่ได้อาหารและน้ำแล้ว นางขยับกายนั่งลงบนเก้าอี้และให้บุตรชายเดินกระเผลกไปเด็ดดอกไม้และถากเปลือกไม้มาต้มทำน้ำย้อมเส้นไหมในทันที นางเริ่มต้มรังไหมและสาวไหมให้ดูชม
สตรีทั้งหลายที่หวงชินหวางรับมาทอฝ้ายต่างเร่งมาดูชมกันทั้งสิ้น เพราะพวกนางนั้นบ้านแตกเพราะสงครามมาหลายปี จดจำการทอผ้าเลี้ยงไหมกันมิได้แล้ว อีกทั้งพวกนางสวมใส่แต่ผ้าหยาบๆมิมีโอกาสได้ใช้ผ้าไหมกันเช่นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงใส่ใจมาชมกันมากเป็นพิเศษ ท่านป้าเหยียนยิ้มจางๆออกมาคราหนึ่ง และเริ่มสาวรังไหมก่อนจะเริ่มต้มไหมดิบ ในน้ำเปลือกไม้และขี้เถ้าสีน้ำหมึก หวงชินหวางเอนกายจิบชาและมองชมอย่างสนใจ มีเสี่ยวโซ่วบีบนวดบ่าให้อย่างเอาใจเป็นที่สุด
ยามท่านป้าเหยียนสาวไหมขึ้นมาได้ บุตรชายของนางก็เหลาไม้ไผ่เสร็จพอดี ทั้งบุตรชายของนางและทหารช่วยกันต่อวงล้อปั่นเส้นไหม และนำกี่ทอผ้ามาให้ท่านป้าเหยียนทดลองขัดเส้นไหมให้ดูชม โดยใช้เส้นฝ้ายสำเร็จแล้วมาให้นางลองฝีมือก่อน ท่านป้าเหยียนขยับนั่งบนเก้าอี้และเริ่มเดินเส้นด้าย ก่อนจะขัดไหมซ้อนกันไปมาและทอผ้าออกมาเป็นผืนในเวลาอันว่องไว ได้ฝ้ายขาวบริสุทธิ์หนานุ่มขึ้นมาเป็นผ้าพันคอผืนหนึ่ง จึงเร่งดึงออกมาจากกี่ทอผ้าและส่งถวายให้ทันที หวงเกาเทียนหัวเราะออกมาพลัน และยิ้มแย้มขึ้นมาเต็มใบหน้า เอ่ยชื่นชมฝีมือทอผ้าของท่านป้าเหยียนในทันที
“อา ท่านป้าเหยียนท่านเก่งนัก ต่อไปนี้ท่านคอยควบคุมสตรีให้ทอผ้าและฝึกสอนพวกนางเถิด และหากว่าท่านนั้นยังทอผ้าไหว ได้โปรดถักทอฉลองพระองค์ให้ฝ่าบาทเสียก่อนเถิด ยามนี้ในวังหลวงก็ยากแค้นมาก มิมีผืนผ้าดีๆให้สวมใส่กันนอกจากชุดนักรบที่เก่าและมิสง่างามแล้ว วังหลวงและเมืองนี้เสียหายหนัก จนหาสิ่งใดมิพบนอกจากเถ้าถ่าน เปิ่นหวางนั้นต้องการผืนผ้าฝ้ายให้เหล่านักรบเป็นรางวัล และผืนผ้าไหมส่งไปที่วังหลวงถวายฝ่าบาทก่อน จากนั้นสิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็คือ ผืนผ้าแดงสำหรับเจ้าสาว อยากได้ชุดเจ้าสาวที่งดงามที่สุดให้หวางเฟยตัวยุ่งนี้เพียงนั้นเอง”
เอ่ยจบก็ดึงเสี่ยวโซ่วมาหอมแก้มเบาๆ เสี่ยวโซ่วอายจนหน้าแดงก่ำ ท่านป้าเหยียนค้อมกายลงรับคำเบาๆ และหวงชินหวางก็สั่งคนให้จัดที่พักให้ท่านป้าเหยียนกับบุตรชายแยกกันไปคนล่ะฟาก พร้อมกับอาหารอุ่นร้อนด้วย หญิงวัยกลางคนก้มหน้าโขกหัวอย่างตื้นตันใจ เพราะยามนี้พวกนางมิมีหนทางใดแล้ว อาหารในเมืองนี้หายากนัก ผืนดินนั้นก็เพิ่งมีฝนตกลงมา ยังมิอาจพลิกดินทำสิ่งใดได้ อีกทั้งพวกนางนั้นอดอยากเพราะหนีสงครามมาตลอด ยามได้ข่าวว่าผู้คนอพยพกันมาแล้ว ตลอดทางก็เร่งเดินทางกลับมา หวังจะหาหนทางในเมืองหลวงต่อไป แต่ก็มิเป็นดังที่คิด เพราะเมืองหลวงนั้นเสียหายหนัก มีแต่เถ้าถ่านรกร้างไปทั้งเมือง จึงต้องซุกกายอยู่กับซากเรือนเก่าของตนเอง ทนหิวมาหลายวัน
ยามได้ยินการป่าวประกาศจึงให้บุตรชายขาพิการ เร่งรีบพยุงกันมาที่หน้าจวนหวงชินหวางทันที ยามนี้นางคล้ายฟื้นมาจากขุมนรก น้ำตาจึงหลั่งลงมาโดยพลัน
“ขอบพระทัยชินหวางและหวางเฟยเพคะ ชาตินี้หม่อมฉันจะมิลืมเลือนพระองค์เลย”
หวงเกาเทียนพยุงคนขึ้นเบาๆและยิ้มแย้มขึ้นมาพลัน เอ่ยคำออกมาอีกคราหนึ่ง
“นางคือเสี่ยวโซ่วเป็นสตรีกำพร้ามิมีสตรีด้วยกันอบรมนาง อย่างไรท่านเคยอยู่ในวังหลวง สิ่งใดที่สตรีควรทำมิควรทำท่านก็ต้องสั่งสอนนางด้วย หากช่วยฝ่าบาทบูรณะเมืองหลวงแล้ว เปิ่นหวางต้องพานางกลับไปที่ทางเหนือ เป็นหวางเฟยของเมืองเป่ยเหอในวันหน้า เปิ่นหวางฝากท่านด้วยเถิด ตลอดมานางนั้นอยู่ในสงครามมาตลอด จนโตกลางสงคราม เช่นนี้มีแต่บุรุษที่อบรมนาง นางจึงมิใคร่คล้ายสตรีนัก”
ท่านป้าเหยียนตาโต และหันมองสาวน้อยหน้าหวานในทันที ยามมองนางเข้านางก็แลบลิ้นออกมาอย่างทะเล้นนัก จนถูกตีก้นเพี๊ยะไปในทันที ท่านป้าเหยียนหัวเราะเบาๆ และค้อมกายลงอีกครา
“หม่อมฉันจะปรนนิบัติรับใช้พวกท่านเป็นอย่างดีเพคะ”
หวงชินหวางยิ้มจางๆและให้คนออกไปพักได้ ก่อนจะให้ฝุเหรินของเหล่าทหารพาท่านป้าเหยียนไปชมห้องพัก และพาชมโรงครัวกับโรงเลี้ยงไหม พวกนางนั้นพาท่านป้าไปดูรอบๆจวน และกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน
“ยามนี้จวนชั่วคราวของหวงชินหวางกำลังก่อสร้าง ท่านป้าอยากเดินไปทางใดก็ไปเถิด พวกข้านั้นก็มิได้เคร่งเครียดมากนัก เพราะเหล่าทหารนั้นคอยปรนนิบัติรับใช้ชินหวางอยู่ตลอดเจ้าค่ะ แม้แต่งานทำครัวนั้น พวกเราก็เพิ่งมาช่วยหยิบจับกัน เพราะว่าเราหนีสงครามไปนาน กว่าจะกลับมาพบกับบุรุษที่ไปสงคราม ก็พบว่าเหล่าบุรุษนั้นทำกับข้าวอร่อยกว่าพวกเราอีกนะเจ้าคะ เช่นนี้ท่านป้าทำอาหารใดได้ หรืออยากทำครัวก็ทำนะเจ้าคะ หวงชินหวางนั้นมิเคร่งเครียดด้วยยังเยาว์และอ่อนโยนมาก ส่วนว่าที่หวางเฟยนั้นก็ยังเล็ก นางทำสิ่งใดมิได้นัก แต่ทว่าก็มีจิตใจที่ดีเจ้าค่ะ”
“โอว เช่นนั้นในยามเช้าและเย็นนั้น ข้าช่วยพวกเจ้าทำครัวก่อนแล้วค่อยเริ่มทอผ้ากันก็ย่อมได้ อย่างไรนั้นทุกวันเราเหล่าสตรีก็ต้องเข้าครัว”
“เจ้าค่ะ ตามใจท่านป้านะเจ้าคะ ข้ามีนามว่าเสี่ยวโหยวเจ้าค่ะ ฝากตัวกับท่านด้วยนะเจ้าคะ”
ท่านป้าเหยียนพยักหน้าเบาๆ นางน้ำตารื้นขึ้นมาที่โชคดีได้พบคนดีๆในยามยากลำบากแล้ว นางจับมือเด็กสาวรุ่นลูกและเช็ดน้ำตาน้อยๆ เสี่ยวโหยวยื่นผืนผ้าฝ้ายนุ่มๆให้ป้าเหยียนเช็ดน้ำตาและพานางไปพักเสียก่อน ป้าเหยียนและอาเคอบุตรชายขาพิการ ได้เสื่อหนึ่งผืนและหมอนขนไก่นุ่มๆหนึ่งใบ ผ้าฝ้ายกันหนาวหนาๆหนึ่งผืน ทั้งสองนอนหลับอย่างเป็นสุขที่สุดในชีวิต ตั้งแต่เริ่มมีสงครามตลอดมาจนยามนี้เอง