ตลอดทั้งวันเสี่ยวโซ่วกรอด้ายมิหยุดพัก นางยังทอผ้าได้ช้าจึงขยับมากรอด้ายโดยการใช้เท้าเหยียบคันโยกให้หมุนไป เป็นสิ่งที่ป้าเหยียนนำมาเผยแพร่ สิ่งนี้นั้นคนคิดช่างฉลาดมาก ช่วยทุ่นแรงไปได้มากเลย เสี่ยวโซ่วหัวเราะคิกขึ้นมา กลับกลายเป็นว่าวันนี้นั้น ได้กระสวยเส้นฝ้ายมานับร้อยม้วน ด้วยมีคนมากและมีเครื่องทุ่นแรงเป็นอย่างดี
ป้าเหยียนกล่าวออกมาว่า
“ในวังหลวงนั้นมีพระราชพิธีต่างๆบ่อยครั้ง ความรีบเร่งนั้นทำให้กองภูษาต้องคิดค้นสิ่งต่างๆมาช่วยทุ่นแรงมากมาย หากพวกเจ้าทำได้ดี ผืนผ้าในมือของพวกเจ้าก็ดีที่สุดในแคว้นนี้แล้ว”
เสี่ยวโซ่วยิ้มขึ้นมาและปั่นกรอด้ายไปเรื่อยๆ ยามจบวันแล้วร่างบางก็ลุกมิขึ้น ร้อนถึงหวางเย่ต้องมาอุ้มนางไป เสี่ยวโซ่วหาวออกมาเบาๆ ใบหน้าคมหอมแก้มนางและพานางไปอาบน้ำ และโอบเอวของนางเข้านอนเสีย
“ฝันดีนะเพคะหวางเย่”
นางครางออกมาเบาๆ และซุกลงในอกแกร่งทันที ร่างหนาก็เหนื่อยล้ามิต่างกัน จึงกอดนางในอกแน่น อุ่นกายกันและกันไปตลอดจนรุ่งสาง
ในยามเฉิน อาซานมาเคาะประตูเบาๆและนำน้ำร้อนเข้ามาให้ทรงล้างพระพักตร์ และนำน้ำชามาให้บ้วนปาก ก่อนจะช่วยผลัดผ้าและนำทางเสด็จไปวังหลวงในทันที ในท้องพระโรงยามเช้า หวงชินหวางแจ้งฝ่าบาทเรื่องการรับคนทอผ้าเข้ามาในจวน และแจ้งเรื่องป้าเหยียนที่เคยเป็นสตรีของกองภูษามาก่อน องค์ฮ่องเต้ทรงแย้มรอยยิ้มจางๆ และเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนนัก
“ได้ข่าวว่าเจ้าหาคนมาปลูกฝ้าย และเริ่มเลี้ยงตัวไหมแล้ว ความจริงสิ่งนี้นั้นนับเป็นงานสตรี แต่ยามนี้สงครามทำให้สตรีชั้นสูงมีผลกระทบไปทั่ว สตรีต่างยังกลับมามิถึงเมืองหลวง บ้างก็ถูกฉุดคร่าไปเพราะความงดงาม จะเรียกหาผู้ใดก็มิพร้อม เช่นนี้เจิ้นต้องฝากเจ้าแล้วเกาเทียน”
ร่างแกร่งโค้งกายเบาๆ และรายงานการสร้างเมือง การเก็บผลผลิต และการสร้างฝาย กับการเกณฑ์ทาสมาซ่อมกำแพงเมือง ทูลรายงานว่ามีทาสก่อการจราจลน้อยๆ จึงสังหารไปบางส่วน เหล่าทหารถอนหายใจเฮือก ด้วยขาดแรงงานคนอยู่มาก เพราะเมืองเสียหายหนัก
“ในยามนี้เจิ้นจะยังมิรับสตรีเข้ามาในวังหลวงมากนัก การคัดสนมนั้นจะผ่านเลยไป จะรับเพียงขันทีเก่าและนางกำนัลหลวงที่เคยคุ้นเพื่อให้มิสิ้นเปลือง เพราะวังหลวงเสียหายทั้งหมด กว่าจะสร้างกลับมาใหม่ย่อมต้องใช้เวลา เช่นนี้การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย คงยังมิเหมาะนัก เพราะเหล่าสนมต้องมีเบี้ยหวัดมาก ยังมิเหมาะสมในยามนี้”
เหล่าขุนนางในชุดมอซอเก่าๆ ต่างคุกเข่ากันอย่างพร้อมเพรียง ยามประชุมจบแล้ว หวงเกาเทียนนำผ้าฝ้ายมาทูลถวาย และแจกเหล่าขุนนางกันไปก่อนคนล่ะห้าชุด เหล่าขุนนางถอนหายใจออกมาพลัน และเอ่ยขอบพระทัยพร้อมๆกัน
“ขอบพระทัยหวงชินหวางพะยะค่ะ”
“คนกันเองทั้งนั้น พวกท่านมิต้องมากพิธีหรอก ยามนี้เมืองนี้ยากแค้นเช่นนี้ ช่วงแรกพวกท่านคงลำบากกันมากหน่อย แต่ต่อไปยามที่ช่วยเหลือและฟื้นฟูเมืองขึ้นมาได้ พวกท่านก็จะผ่อนคลายลงได้บ้าง เปิ่นหวางนำพันธุ์ไหมเข้ามาแล้ว กำลังเพาะเลี้ยงอยู่มินานคงแจกจ่ายได้ ให้สตรีทุกเรือนนั้นได้ตัวไหมไปเท่าๆกัน”
“ขอหวงชินหวางอายุยืนพันๆปีพันๆปีพะยะค่ะ”
ใบหน้าคมยิ้มออกมาจางๆ และกล่าวขึ้นต่อมาอีก
“ยามนี้อยากให้ทหารป่าวร้องเรียกหาคนในเมืองหลวงกลับคืนมา ทั้งขุนนางเก่าๆและประกาศสอบคัดเลือกบัณฑิตใหม่ด้วย ยามแรกนั้นอาจมิมีเบี้ยหวัดไปจนหนึ่งปี มีที่ดินและสัดส่วนของไร่นา ผืนผ้าแพรพรรณและสัดส่วนของธัญพืชและเมล็ดพันธุ์แบ่งไปให้ หากว่าสามารถเก็บภาษีได้ในปีหน้า อย่างไรแล้วระบบเก่าคงกลับคืนมาเอง”
“กระหม่อมรับบัญชาพะยะค่ะ”
องค์ฮ่องเต้ฟังแล้วค่อยถอนหายใจช้าๆ และโบกพระหัตถ์ให้ร่างหนาขยับเข้ามาใกล้ๆ ทรงประทานป้ายหยกเนื้อดีให้ กับฝ่ามือของหวงชินหวาง และลูบเรือนผมของหวงเกาเทียนเบาๆ
“แคว้นนี้ต้องพึ่งพาเจ้าแล้วเกาเทียน หากว่าขาดเจ้าแล้วแคว้นนี้คงแตกเป็นเสี่ยงๆ คนรุ่นใหม่เช่นเจ้าทำให้ประชาชนมิเป็นทาสฉีอัน และมีความหวังขึ้นมา สงครามทำให้ผู้คนเกิดบาดแผลมากมายนัก แม้แต่เจิ้นเองนั้น ยังมิอาจทำใจยอมรับวันที่ผ่านมาได้เลย หากมิมีพวกเจ้าแล้วเจิ้นคงอ่อนแอจนมิสามารถทำสิ่งใดได้เลย”
หวงเกาเทียนยิ้มจางๆ และกอดพระบาทของพระปิตุลาแน่นๆ เอ่ยปลอบพระทัยพระองค์ขึ้นมา
“หลานนั้น หากมิมีเหล่าบุตรขุนนางทั้งหลายและเสี่ยวโซ่ว ก็คงมิมีแรงใจในการมีชีวิตแล้ว ผู้คนจากเมืองฝูหลิง ต่างเสียสละตนเองกันมาก ความเฉลียวฉลาดของคุณชายเล่อและคุณชายเมิ่ง ก็ทำให้หลานรอดพ้นความตายมาได้ในหลายครา พระปิตุลาอย่าทรงเศร้าเสียใจไปเลย ผู้จากเราไปย่อมยินยอมเสียสละตนเพื่อปกป้องแผ่นดินนี้เพื่อลูกหลานสืบไปพะยะค่ะ”
องค์ฮ่องเต้ทรงสูญเสียรัชทายาทของตนเองไปในสงครามถึงห้าพระองค์ เป็นคืนวันที่โหดร้าย และทรงยังทำใจมิได้มาจนถึงยามนี้ เช่นนี้หวงเกาเทียนจึงคล้ายความหวังสูงที่สุดของราชวงศ์ในยามนี้ เพราะหวงเกาเทียนคือบุตรชายของอนุชาแท้ๆของพระองค์ ทรงกอดรัดหลานของพระองค์แน่นๆ และค่อยคลายออก ก่อนจะยิ้มอ่อนจางขึ้นมา
“หากว่าภายหน้าเจิ้นมิมีบุตรชายกำเนิดขึ้นมา อาจต้องลำบากเจ้าแล้วเกาเทียน”
หวงเกาเทียนส่ายใบหน้าไปมาและกอดรัดเอาใจอย่างยิ่งยวด
“หลานมิหวังสูงค่าเช่นนั้นพะยะค่ะฝ่าบาท เช่นนี้ขอให้ทรงมีราชโอรสในเร็ววัน หลานจะคอยปกป้ององค์รัชทายาทให้ดี มิให้ต้องประสบเหตุร้ายใดๆได้อีกเลยพะยะค่ะ”
องค์ฮ่องเต้สรวลเบาๆ และลูบผมของหวงเกาเทียนอย่างรักใคร่ ต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงนั้น ขุนนางเฒ่าต่างยิ้มจางๆขึ้นมาอย่างชื่นชมในตัวของหวงเกาเทียน ที่อายุยังน้อย อีกทั้งทายาทของขุนนางในวันนี้ ทั้งชีวิตของแม่ทัพหลายนายยังได้หวงเกาเทียนนั้นดึงขึ้นมาจากขุมนรกกันทั้งสิ้น จึงภักดีกับหวงเกาเทียนมากกว่าผู้ใดในยามนี้
หัตถ์หนาโบกอีกครา และเอ่ยเลิกประชุมได้ เหล่าขุนนางต่างกล่าวถวายพระพร และออกมารอคอยรายงานหานไท่เว่ยที่ยืนเคียงคู่กับหวงชินหวาง ทั้งหมดปรึกษากันในเรื่องการเปิดเส้นทางการค้า และอัตราการเก็บภาษีผ่านทาง สนทนากันอยู่นานจึงค่อยแยกย้ายกันกลับจวน