คนแรกหัวชี้ขึ้นฟ้า คนที่สองตั้งตระหง่านกับพื้นแต่หัวเอียงขวาและดูน่าตื่นตาตื่นใจ อีกคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ที่สุด เป็นชายผิวขาวจัดราวกับหิมะ และแก่นกายใหญ่โตขนานไปกับพื้น มันมีเส้นเลือดปูดตลอดลำอีกทั้งปลายหัวหยักเชิดขึ้น เป็นท่อนลำที่แม้แต่ศิลปินเอกของแผ่นดินก็มิอาจเก็บความงามเอาไว้ได้หมด
สตรีทั้งแปดต่างนิ่งค้าง พวกนางล้วนเป็นหญิงสาวที่มาจากสกุลมีหน้ามีตาและถูกอบรมมาอย่างดี ไฉนจะเคยเห็นบุรุษเปลือยกายต่อหน้า!
“สาวใช้ของคุณชายจ้าว... คือสตรีที่ต้องเรียนรู้อดกลั้นต่อร่างกายของบุรุษหุ่นกำยำเหล่านี้ ยามรับใช้คุณชาย จะหลั่งน้ำหวานออกมาก่อน ไม่ได้ จงเก็บความร่านเอาไว้แต่ในใจ หากคุณชายไม่สั่ง ห้ามแสดงความแพศยาเด็ดขาด!” เหม่ยหลานประกาศเรื่องน่าอับอายอย่างไม่กระดากปาก
“แต่ เรื่องนี้ มันอุจาดตา ข้าไม่อาจทนดูได้”
หญิงสาวในกลุ่มเอ่ยขึ้น นางพยายามยกมือปิดตา ทว่าในตอนนั้น เหม่ยหลานสั่งให้บ่าวผู้หนึ่งนำถุงหอมไปให้นางดม ซึ่งพอได้กลิ่นสมุนไพร สตรีที่โวยวายเมื่อครู่กลับมีท่าทางเปลี่ยนไป ทั้งนี้เป็นเพราะพวกนางทุกคนต่างถูกป้อนยากระตุ้นอารมณ์เอาไว้ เมื่อได้กลิ่นหอมและกลิ่นธูปราคะที่จุดอยู่ในบริเวณเรือนทานตะวัน หญิงสาวทั้งหมดจึงมีอาการเสียวซ่าน!
สตรีคนเมื่อครู่จ้องมองบุรุษทั้งสามคนที่ลูบไล้เรือนกายตัวเองพร้อมชักรูดท่อนเอ็นอย่างเชิญชวน และตัวนางไม่อาจหยุดความต้องการได้ จึงใช้นิ้วชี้แทงลึกเข้าไปในกลีบบุปผา จากนั้นก็ส่งเสียงครางราวสุนัขตัวเมียแข่งกับบุรุษบนพื้นไม้ยกสูง
ม่านซือซือตกใจ แม้ตัวนางจะรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าชวนสยิวใจ แต่นางข่มสติอย่างที่สุด เพื่อไม่ให้เคลิ้มตามผู้ชายพวกนั้น
เพียงชั่วหนึ่งก้านธูปดับ ลานทานตะวันก็มีภาพของสตรีที่ลงไปนอนบนพื้น และดิ้นพล่านราวกับถูกปีศาจราคะเล่นงาน บางนางเข้าไปคลอเคลียกันและถึงขั้นเลยเถิดด้วยการจูบ บ้างก็ใช้นิ้วช่วยอีกฝ่าย มีแต่ม่านซือซือที่ถอยห่างจากทุกคน นางอดกลั้นความหวิวไหวที่จู่โจมร่างกายอย่างหนัก และกลิ่นธูปหอมที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศได้เพิ่มกำหนัดให้นางอยู่ตลอด
เสียงร้องประหลาดๆ สลับเสียงครางทุ้มต่ำดังอยู่ในลานโล่งไม่นานสตรีนางหนึ่งก็ปีนขึ้นไปยังพื้นไม้ นางเข้าไปสัมผัสร่างกายบุรุษคนที่หนึ่ง
ภาพต่อมาทำให้ม่านซือซือต้องรีบหลับตาลงทันที ซึ่งถึงแม้จะหลับตา แต่เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงอื้ออ้ากลับดังราวกับคลื่นทะเลอันบ้าคลั่ง
“อร๊าย... หลั่งในตัวข้า โอ๊ย... แรงกว่านี้ เจ้าทาสชั้นต่ำเอาไม่เป็นหรืออย่างไร แทงงูของเจ้าเข้ามาในตัวข้า!”
นอกจากสตรีใจร่านแหกปากร้องด้วยความกระสัน ยังมีอีกหนึ่งนางที่เกิดความริษยา จึงโผก้าวอย่างเร็วรี่ แล้วปีนขึ้นไปบนพื้นไม้ยกสูงอีกคน นางดึงแขนชายคนที่สามที่มีผิวขาวจัด
และม่านซือซือเห็นว่าเป็นหลิวฟ่าน!
หญิงสาวอยากร้องห้ามอีกฝ่าย ทว่าแม้แต่ตัวนางก็แทบจะอดกลั้นไม่ไหว
ชายคนที่สามมีร่างสูงใหญ่และกล้ามเนื้องาม เขาโดดเด่นกว่าใคร ยามเขาออกแรงเคลื่อนไหวกายแกร่ง หน้าอกเขาและบ่าทั้งสองข้างแต้มสีชมพูเข้มทำให้น่ามองจนไม่อาจละสายตา และแก่นกายเขาก็ใหญ่โตกว่าผู้ใด
“ทำรักกับข้า ได้โปรด ทำรักกับข้า!” หลิวฟ่านร้องขอชายคนที่สาม แต่เขาไม่ได้ยอมตามใจนาง เป็นตอนนั้นที่สายตาคมกริบใต้หน้ากากหันมามองม่านซือซือเข้าพอดี
ดวงตาเขาดูลึกลับเย้ายวน แต่แฝงด้วยความต้องการบางอย่าง และคล้ายมีพลังสะกดม่านซือซือเอาไว้
ม่านซือซือรู้สึกร้อนรุ่ม กลีบสวาทนางเต้นตุบๆ ยิ่งเขาจ้องมาทางนางมากเท่าใด ม่านซือซือก็คล้ายเกิดความคิดอยากก้าวไปหาชายคนนั้น
สะกดจิตรึ...
เมื่อคำนี้ผุดเข้ามาในหัว นางจึงหวาดหวั่น อีกทั้งเหมือนนางจะได้ยินเสียงเขา เสียงแปลกประหลาดที่ครางต่ำๆ แหบพร่า เป็นเสียงที่นางเคยได้ยินมาก่อน
“ข้าจะขึ้นขย่มมังกรท่านให้หักเลย อิ๊ๆๆ”
หลิวฟ่านที่ปีนขึ้นไปบนพื้นไม้เอ่ยจบก็หัวเราะอย่างคนเสียสติจากนั้นจึงพยายามปลุกปล้ำชายคนที่สาม มือเรียวลูบไล้หน้าอกและจับท่อนเอ็นงามใหญ่อย่างคลั่งไคล้
“หัวบานเบ่งเหลือเกิน พวกเจ้าเห็นหรือไม่ เขาเป็นของข้าแล้ว มนุษย์หน้ากากเป็นของข้า ทำสิ เจ้าไม่อยากเอาคุณหนูสกุลหลิวรึ!”
แม้นางจะพล่ามเพ้อไม่หยุด แต่ชายคนที่สามหาได้สนใจนางไม่ เขายังมองมาทางม่านซือซือราวกับอยากสานสัมพันธ์ด้วย
หลิวฟ่านไม่ยอมแพ้ นางผลักหน้าอกแกร่งก่อนลงไปนั่งทับแท่งเอ็นร้อนๆ ที่หัวหยักบาน พร้อมทะลวงแอ่งเนื้อร้อนฉ่า
หัวใจม่านซือซือเต้นระรัวแรง และนางปฏิเสธที่จะมองเหตุการณ์เบื้องหน้า ทว่ากลับมีคำสั่งของเหม่ยหลาน ซึ่งนางให้ทาสหญิงสองคนเข้ามาหาม่านซือซือ แล้วบังคับถ่างตานางเพื่อมองการร่วมรักอย่างเร่าร้อน
“ดู... เจ้าต้องดูให้เต็มตา นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องปรนนิบัติคุณชายจ้าว”
เหม่ยหลานออกคำสั่ง ม่านซือซือแม้จะรังเกียจอย่างไร แต่นางต้องฝืนดูภาพพิศวาสนั้น
สามบุรุษกับสองสตรีระเริงรักบนพื้นไม้อย่างชวนให้ตกตะลึง และพวกเขายังถูกสาดน้ำมันหอมระเหยใส่ร่าง
ท่อนเนื้อร้อนบุกทะลวงทั้งทางปากและแอ่งเนื้อนิ่ม พลอยให้ม่านซือซือถึงกับทนไม่ไหว นางเกือบพุ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขา ทว่าเมื่อคิดถึงคืนลอยโคมไฟนางก็อดหวาดผวาไม่ได้ เอี๊ยะถังคิดข่มเหงนาง ความเศร้าใจก่อเกิดขึ้นมา กระนั้นในซอกหลืบลึกๆ นางยังโหยหาเขา หากย้อนเวลากลับไปได้ นางคงยอมที่จะตกเป็นของอีกฝ่าย เพราะนางอาจไม่ต้องโชคร้ายถูกบิดาขายมายังคฤหาสน์วิปริตแห่งนี้