ตอนที่ 17
หากว่ามีเอกสารสำคัญที่หล่อนลืมไว้ข้างเบาะจึงต้องกลับมาค้นหาและหยิบไปอีกรอบจากนั้นก็ตั้งใจจะผลักประตูเพื่อก้าวเข้าไปข้างในตึก หากว่าสายตาของหล่อนจำต้องเบิกกว้างก่อน เมื่อเห็นรถก็จำได้ รถกระบะสีน้ำตาล นี่เขาตามหล่อนมาถึงข้างในได้ นับถือด้วยความฉลาดที่สามารถปดพนักงานรักษาความปลอดภัยของหล่อนผ่านมาได้ แบบนี้ท้าทายเพียงปัทม์ดีเหลือเกิน
และเขานั้นก็เหลียวหันมาพอดีเห็นว่าเป็นร่างระหงของหล่อน จึงพุ่งสายตามาทางหล่อน ขยับฝีเท้าตรงมาอีกและยิ้มให้อีกครั้งทัก
“สวัสดีครับคุณพาวน์ ขอโทษด้วย ที่ผมใช้ฝีมือส่วนตัว ตามคุณเข้ามาในเขตรีสอร์ตแห่งนี้ หวังว่าคุณคงไม่โกรธนะครับ ผมมีเจตนาดี และผมแค่อยากพิสูจน์ความจริง ว่าที่คุณพูดนั้นมันจริงหรือเท็จ”
เพียงปัทม์ก็หันหน้าเพื่อประจันกับเขา เมื่อฟังจบหล่อนก็ไม่ได้ยิ้มให้เขาสักนิดหากแต่สีหน้าจริงจังเอ่ย
“ความจริง? หรือ ค่ะ งั้นในเวลานี้คุณได้ทราบความจริงแล้วสิ”
ชายหนุ่มพยักหน้ายิ่งเข้าใกล้มองเห็นความสวยผุดผาดโดยเฉพาะใบหน้าหวานดวงตาดำกลมโตรับกับขนคิ้วแพขนตาเรียวจมูกโด่ง กับริมฝีปากบางอิ่มน่าจูบ ซึ่งเขานั้นตะลึงกับความสวยของสาวตรงหน้าอีกครั้ง บริเวณที่เพียงปัทม์ยืนเป็นโรงจอดรถมีหลังคากันแดด
เพียงปัทม์ก็มีท่าทางไว้ตัวกับคนที่หล่อนไม่เคยรู้จักเขามาก่อนก็คนแปลกหน้าและยอมรับว่าตัวเขานั้นแสนกล้าหาญชาญฉลาดมาก สามารถใช้วิธีในการตบตาเจ้าหน้าที่ของหล่อนได้
“คุณต้องการมาสำรวจอย่างเดียวหรือเปล่าค่ะหรือต้องการใช้บริการด้วย”
“เอ้อ ผมแค่มาดูสถานที่ก่อนถ้าเกิดเผื่ออยากจะมาใช้บริการก็คงเป็นในวันหลังนะครับ” และกัลย์กฤษณ์ก็ตอบกลับโดยหัวสมองที่ว่องไวเช่นกัน
สาวสวยผู้จัดการนั้นก็พยักหน้าและเปลี่ยนท่าทีใหม่เป็นอ่อนลงเท่าที่ดูแล้วเขานั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายกาจเลยที่ทำให้หล่อนหวาดระแวดระวังไปเองต่างหากและถ้าหากว่าเขาจะมาอย่างมิตรก็ตามหากแต่ถ้าซ่อนนัยความเป็นศัตรูแบบนี้เพียงปัทม์ไม่อาจจะยินยอมได้เช่นกัน
“ต้องการจะขอทราบรายละเอียดอะไรหรือเปล่าล่ะคะ”
กัลย์กฤษณ์เลิกคิ้วสูง
“ที่นี่มีโบรชัวร์เกี่ยวกับค่าบริการและมีพิเศษสำหรับแขกจองห้องพักวีไอพีที่ทางโรงแรมให้สิทธิแก่ลูกค้าที่เข้ามาจองก่อนสิบท่านแรกคือลดให้สิบเปอร์เซ็นแล้วไม่ทราบว่าคุณกัลย์กฤษณ์สนใจไหมคะ” หล่อนทำหน้าที่ผู้บริหารและฝ่ายขายเองโดยเสร็จสรรพแบบไม่เคอะเขินและการพูดจาก็คล่องแคล่วปรับตัวไว และหล่อนมองเห็นชายหนุ่มตรงหน้าเป็นลูกค้า หากเพียงปัทม์เชื่อว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่หุ่นดีมีฐานะสังเกตจากเครื่องแต่งกายแล้ว ฝ่ายเขานั้นกัลย์กฤษณ์ฟังจบแล้วก็ยิ้มให้น้อย ก่อนตัดสินใจ
“ขอบคุณในคำแนะนำของคุณพาวน์ครับสนใจเหมือนกันแต่ว่าเอาไว้ช่วงที่ผมว่างจากงานคงดีกว่าครับและช่วงนี้หนักและเหนื่อย ผมคงปลีกเวลามาไม่ได้แต่ให้สัญญาว่าจะต้องเข้ามาใช้บริการที่ภูเพียงฟ้าอย่างแน่นอน” ได้เห็นคำเอ่ยของเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างนี้ หญิงสาวคลี่ยิ้มให้เขาโดยอัตโนมัติเป็นครั้งแรก โดยไม่กักและสงวนเก็บท่าทีเหมือนก่อน เพราะคิดในใจว่า หากถ้าเขามาอย่างมิตร หล่อนต้องตอบด้วยมิตรและมีความยินดีในมิตรภาพกับเขา
“งั้นพาวน์ก็ยินดีนะคะที่คุณกัลย์กฤษณ์รับปากว่าจะมาเป็นแขกวีไอพีของที่นี่ แต่ถ้าสนใจอย่างมาก เอ้อ สามารถจองล่วงหน้าก่อนก็ได้ค่ะ เอ้อยินดีต้อนรับนะคะ คุณกัลย์กฤษณ์ในฐานะลูกค้าและดิฉันก็ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นกัน”
ซึ่งทำให้ชายหนุ่มก็แทบอ้าปากค้างเช่นกันที่หญิงสาวนั้นพูดถูกใจเขาและหล่อนไม่มีท่าทีแง่งอนหรือกึ่งตั้งท่ารังเกียจเขาแบบเดิม นั่นมันหายวับไปกับตาเลยทีเดียวไม่มีสายตาที่ถลึงดุบึ้งของหล่อนที่จริงมันเปลี่ยนไปพร้อมกับมิตรภาพที่มาเยือนและธุรกิจที่มีเงินเป็นตัวเชื่อมเวลานี้
เพราะว่าหล่อนก็ต้องการลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่รีสอร์ตและต้องการให้เขาเป็นลูกค้าคนหนึ่ง จึงแนะนำและเป็นการประชาสัมพันธ์ปากต่อปาก นี่เป็นช่องทางหรือการตลาดเชิงรุกหรือไง รู้ว่าหล่อนฉลาดและคมไม่น้อย กัลย์กฤษณ์ก็ยิ้มให้น้อยๆพร้อมกับพยักหน้า
“ครับ ก็ตกลงรับปากไว้ว่า จะไม่บิดพลิ้วแน่นอน”
“ค่ะดิฉันก็เชื่อมั่นในตัวของคุณกัลย์กฤษณ์เช่นกันว่าที่ลูกค้ารายใหม่ของรีสอร์ตเราค่ะ” ซึ่งหล่อนก็โปรยยิ้มหวานให้ ผิดไปจากใบหน้าที่บึ้งตึงเมื่อคราวแรกซึ่งแทรกซึมความประทับใจเข้าหาตัวกัลย์กฤษณ์มากกว่าเดิม เพิ่มพูน เพราะประทับใจ
“งั้นพอดีเลยที่คุณถือโอกาสแวะมาดิฉันจะพาเข้าไปชมห้องตัวอย่างมีทั้งแบบคอนโดเรามีกึ่งสไตล์บาหลีด้วยนะคะมีชื่อว่า การะบุหนิง ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ใหม่เอี่ยม แล้วแบบบังกะโลเดี่ยว ทรงไทย”
หญิงสาวทำหน้าที่ผู้ให้บริการที่ดีแนะนำลูกค้าในเมื่อมีโอกาสหล่อนต้องฉวยเอาไว้ เพราะอยากจะต้อนเขาให้เป็นลูกค้าให้ได้ เพราะในเมื่อเขาเสี่ยงกล้ามาอย่างนี้แล้ว ตัวเพียงปัทม์คิดว่าหล่อนก็ควรพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยเช่นกันในมิตรภาพ
น้ำเสียงของหล่อนคล่องแคล่วและมีท่าทางกระฉับกระเฉงเหมือนคนตื่นตัวตลอดเวลา
“รบกวนคุณพาวน์มานานแล้ว เอ้อ ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ แล้วคราวหลังอย่าลืมแวะมาให้ได้นะคะคุณกัลย์กฤษณ์”
น้ำเสียงตอบมีไมตรี ค่อยดูน่าฟังหน่อย ทำให้หนุ่มอาคันตุกะนั้นส่งรอยยิ้มหวานก่อนเปิดประตูรถเพื่อจะสตาร์ทกลับออกไป พร้อมลดกระจกลง และมองหล่อนจนลับสายตาไปจากเขา
และเมื่อกัลย์กฤษณ์นั้นกลับไปบ้านอย่างสุขใจอย่างที่สุด ดังนั้นนายสัตวแพทย์เพื่อนรักจึงทัก
“เฮ้ยกิ้น นี่นายออกไปทำธุระอะไรวะมันนานตั้งเกือบสองชั่วโมง ก็ไหนว่าแค่ไปถ่ายรูป” จามิกรนั้นก็จับเวลาไว้เช่นกัน หากเขาเพื่อนผู้เพิ่งมาถึงก็มองหน้าอย่างไม่แปลกใจ
“อ้าว เฮ้ยถึงขนาดนั้นเลยหรือ”
“ก็ใช่สิวะ นี่ฉันยังจับเวลาตอนที่นายออกไปเลย นึกว่านายจะกลับก่อนเสียอีก จะได้ชวนออกไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน”
หากแต่กัลย์กฤษณ์ยิ้มออกมาเป็นรอยยิ้มที่เพื่อนรักดูแล้วช่างสุขประหลาด นี่นายกิ้นเหมือนคล้ายกับคนอารมณ์ดีที่สุด
“ไปทำอะไรมาวะ นี่นายถึงอารมณ์ดีแบบนี้กิ้นเพื่อนรัก นายยิ้มแย้มตลอดเวลาอย่างนี้ ทั้งๆที่แดดก็เปรี้ยง”
จามิกรนั้นสัพยอกเพื่อน