ตอนที่ 9
“เรื่อยเปื่อยหรือไงเอหรือว่า มีอะไรมากกว่านั้นแน่นายกิ้น เพราะฉันรู้จักนายดีว่ะเพื่อนรัก”
ฝ่ายของจามิกรก็หันมาสบตากับเพื่อนอย่างตรงๆ
“เกลียดคนรู้ทันจริงว่ะ” กัลย์กฤษณ์นั้นก็ยอมอุทานออกมา หากแต่เขาก็ไม่ได้บอกรายละเอียดต่อมากมายนัก
“อ้าว แหง๋ล่ะ ก็ฉันมันเป็นเพื่อนซี้ของนายนี่ มีอะไรก็ต้องรู้และสังเกตออกหมดสิวะ” และฝ่ายของข้าราชการสาวอ.บ.ต.นั้นที่รับฟังทั้งคนรักและเพื่อนของเขาคุยกันอย่างสนิทสนมประสาเพื่อนแบบหยอกเย้ากัดหยิกกันเพียงเล็กน้อย เธอเข้าใจดีไม่คิดอะไรมาก
“ดูซิผู้หญิงคนนั้นลุกจากโต๊ะแล้วว่ะไอ้กร”
สายตาคมของหนุ่มหล่ออย่างกัลย์กฤษณ์เห็นก่อนจึงพูดสะกิดเพื่อน หากว่าอีกฝ่ายยังคงทำอะไรไม่ค่อยถูกเนื่องจากมีแฟนสาวอยู่ใกล้จึงได้แต่ขยิบตาส่งให้เท่านั้นหากเป็นเพราะสายตาของกัลย์กฤษณ์ยังคงจับจ้องหล่อนอยู่ตลอดเวลานี่เอง ในอิริยาบถต่างๆของหญิงสาวที่เขาเพิ่งได้พบเจอ ใบหน้าหวานคมและดูท่าทางฉลาดรวมทั้งดูร่าเริง ซึ่งเขาก็ยังไม่มีโอกาสเดินเข้าไปแนะนำตัวกับหล่อนและทักทาย ดังนั้นกัลย์กฤษณ์จึงเฝ้าถามตัวเองด้วยประโยคนี้
นี่นายก่อนที่จะกล้าตัดสินใจในเชิงลูกผู้ชาย ก็ขอคิดดูก่อน เมื่อนึกถึงคำสุภาษิตโบราณที่เอ่ยกล่าวว่าหากดักลอบก็ต้องหมั่นกู้ถ้าริเจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยวจีบ
ฝ่ายอ.บ.ต.สาวสวยอีกคนที่บัดนี้หล่อนพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม เขามีท่าทีอย่างไรกับหญิงสาวที่เพิ่งได้พบเห็นเป็นครั้งแรก เห็นปฏิกิริยาของเพื่อนสนิทหนุ่มมีความสนใจอย่างออกหน้าออกตาอย่างนี้ และหล่อนกำลังจะวางช้อนและส้อมลงเมื่อรู้สึกอิ่ม หันไปหยิบทิชชู่มาเช็ดปากพร้อมกันนั้นสัตวแพทย์หนุ่มอย่างจามิกรก็คอยรินน้ำเย็นส่งให้อย่างเอาใจ เอ่ยถามคนรักสาวเสียงนุ่ม
“ป่านอยากจะกลับบ้านเลยหรือเปล่าจ้ะพี่หมอจะได้ส่งถึงบ้าน”
นิ่งฟังคนรักหนุ่ม ที่เขาเอ่ยเช่นนั้น
จึงเหลือบสายตาไปมองทางกัลย์กฤษณ์ที่มัวแต่เอาสายตาไปจ้องสาวสวยผู้มาใหม่หากมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คาดคิดได้ว่าแบบนี้เพื่อนรักกัลย์กฤษณ์ คงจะปิ้งผู้หญิงคนนี้เข้าเสียแล้วแน่นอน และชื่อเสียงเรียงนามของหล่อนก็ยังไม่ได้รู้จักแม้สักนิดเลย เอาไงดีละเพื่อน
ถึงแม้จะได้ยินชื่อเรียกขานจากกลุ่มที่มาด้วยกันที่คอยเฝ้าเอาอกเอาใจหญิงสาวราวกับเป็นคนสำคัญ แต่ก็ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้พยายามคาดเดาว่าหญิงสาวสวยคงจะต้องเป็นเจ้านายที่มากับลูกน้อง เอ แล้วหล่อนพักอยู่ละแวกไหนของอำเภอนี้
“อ้าว แล้วคุณกิ้นล่ะคะพี่หมอ”
ป่านแก้วหันมาถามพร้อมกับนึกห่วงเพื่อนรักของแฟนหนุ่ม
เพราะว่าลำพังเธอกับหมอจามิกรแฟนหนุ่มนั้นไม่เท่าไหร่หรอกเนื่องจากบ้านพักอยู่ในละแวกนี้ กัลย์กฤษณ์ทิ้งร้างห่างบ้านไปหลายปีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมด ครั้นเมื่อเห็นแฟนสาวเอ่ยถึงเพื่อนสนิทของเขามากกว่าเขานั้น ฝ่ายจามิกรจึงมีทีท่าน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นน้ำเสียงเลยตึงประชดใส่เพื่อนรักที่ออกไปข้างนอก และอีกฝ่ายก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรสักนิดเขาเฝ้าประกบอยู่ใกล้สาวสวย
เพื่อหาจังหวะและโอกาสให้กับตัวเองต่างหาก กัลย์กฤษ์นะหรือ บอกกับตัวเองเพราะเขาก็ยังเหมือนคนที่ตกอยู่ในภวังค์มนต์เสน่ห์ตามลำพังของหญิงสาวที่บอกตัวเองได้ว่าหล่อนสวยประทับใจเขาจริงๆจนอยากเข้าใกล้และจีบให้เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าหญิงสาวรายอื่นๆที่เคยผ่านตาและเมียงมองมาบ้าง แม้แต่อำเภอหนองบัวแดงแห่งนี้ ก็เช่นกันแต่ก็ไม่มีใครน่ารักสะดุดตาเท่าหล่อนอีกทั้งรูปร่างสมส่วนพอดิบพอดีไม่ผอมและอวบ
แต่ครั้นในเวลานี้พอดีกับกัลย์กฤษณ์ได้ยินเข้าเพราะเขาเดินกลับมาพอดี ใบหน้าคมจึงหันกลับมาตอบเพื่อให้ทั้งคู่สบายใจและเขาก็นึกหมั่นไส้เจ้าหมอเพื่อนรักที่เกิดมาขี้หึงใส่เขาในเวลานี้ด้วยเป็นอะไรของมันก็ไม่รู้
“เอ้อ พี่กลับมาแล้วไม่เป็นไรหรอกครับน้องป่าน ขอบคุณที่เป็นห่วงพี่ช่วยเอาไอ้กรกลับไปด้วยเถอะ เร็วๆยิ่งดี พี่ชักรำคาญใหญ่แล้วนะเพราะพี่จะได้อยู่คนเดียวครับไม่ต้องห่วงพี่หรอกเพราะพี่คิดว่ายังไม่รีบร้อนกลับในตอนนี้”
หากว่านัยความหมายประโยคนี้ก็ทำให้ป่านแก้วได้เข้าใจคำตอบ และฝ่ายของจามิกรที่ดูอึ้งไปนิดที่เหมือนถูกเพื่อนแดกดันไปอย่างนี้แต่ก็ยิ้ม “นี่ถ้านายคิดจะจีบสาวนะกิ้นนายต้องดูด้วยนะเพราะฉันกลัวว่าจะเป็นคนมีเจ้าของนี่ฉันห่วงนายนะไอ้กิ้นเพื่อนรัก เออ แค่นี้ละงั้นฉันกลับก่อน รู้สึกเพลียว่ะ จะกลับไปนอนโว้ย”
เมื่อเขาอ้างกับเพื่อนสนิทหนุ่ม ก็ตั้งใจว่า พาป่านแก้วไปส่งถึงบ้านก่อนก็ตรงดิ่งไปยังบ้านของเขา เพื่อที่จะอาบน้ำนอน และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่หมอจามิกรนั้นจะได้ลุกจากโต๊ะ“อือม ขอให้ตามสบายเถอะนะเพื่อน และฉันคงไม่ต้องเดินไปส่งหรอกนะ เอ้อ ลืมไป รถของนายอยู่บนหลังกระบะท้ายของฉัน”
เอ่ยแล้วกัลย์กฤษณ์เพิ่งนึกขึ้นได้ นี่เขาต้องเสียเวลาเดินไปที่ลานจอดรถ เพื่อช่วยเหลือยกเอารถมอเตอร์ไซค์ของลง ต้องเป็นเวลานี้หรือ
แต่ก็คิดว่ากลุ่มของหญิงสาวคนสวยที่มาพร้อมกับลูกน้องหรือคนรับใช้ของหล่อน ก็ยังคงไม่กลับเหมือนกัน เห็นว่านั่งคุยเพลินๆ และทานอาหารก็ดูน่าเอร็ดอร่อยเหลือเกิน เหมือนเขาที่ถูกปากถูกใจในรสชาติพ่อครัวในร้านอาหารบึงดอกรักแห่งนี้
ดังนั้นกัลย์กฤษณ์จึงคิดว่า เขาจะไม่ยอมให้หล่อนคลาดสายตาจากเขาแน่ และยังไงในวันนี้เขาจะต้องได้รู้จักหล่อนมากกว่าแค่เอ่ยทักด้วยคำพูดที่เพียงไม่กี่คำ รั้งรอเวลาและจังหวะเหมาะๆที่เขาจะต้องเข้าไปแสดงตัวเท่านั้น แต่ก็นึกขวางคนรับใช้ของหล่อนที่เข้ามาเป็นตัวแทรกในขณะนี้ด้วย
หากว่าจบคำแล้วกัลย์กฤษณ์ก็ทำท่าจะลุกอีกคนหากแต่หมอจามิกรเบรกเอาไว้ก่อนโดยตบที่บ่าเพื่อนรักเอ่ยเสียงขึ้นเบาๆว่า
“กิ้นฉันว่านายไม่ต้องลุกด้วยหรอกรีบไปเฝ้าสาวน้อยแสนสวยที่นายเกิดปิ๊งหล่อนเข้าให้แล้วเถอะไอ้กิ้นส่วนกุญแจนายแค่ส่งมาให้ฉัน แล้วฉันจะถอยออกมาเพื่อเอาไอ้มอเตอร์ไซค์เพื่อนยากลงจากรถนายง่ายๆก็พอเท่านี้ล่ะ”