บทที่ 2 เจ้าดูแลคุณชายน้อยก็แล้วกัน

1915 คำ
“เก็บข้าวของ อีกไม่ถึงหนึ่งเค่อจะถึงจวนท่านแม่ทัพแล้ว” เสียงเข้มดึงสติคนที่กำลังนั่งรำลึกความหลังให้ตื่นขึ้น ตื่นขึ้นมาเผชิญกับโลกปัจจุบัน โลกที่ไม่รู้ว่าตนเป็นใคร มาจากไหน กำลังจะไปไหน ตอนนี้ที่ไหน ราชวงศ์อะไร ปีพุทธศักราชที่เท่าไหร่ หรือโลกไหนกันแน่ “เจ้าค่ะ” เหล่าหญิงสาวภายในรถม้าซอมซ่อเร่งรีบตรวจสอบข้าวของอันน้อยนิดของตนเองให้พร้อมสำหรับการไปอยู่ในจวนที่จะเป็นชีวิตใหม่ให้แก่พวกนาง จะดีหรือไม่ดีล้วนตามใจผู้เป็นนายจะมอบให้ทาสผู้ต่ำต้อย นี่คือความจริงอันโหดร้าย หัวใจของเฟิ่งเจี๋ยสั่นรัวด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เหมือนนางกำลังผจญภัยอยู่ที่ไหนสักที่บนโลก หรืออาจจะเป็นเพียงโลกความฝัน โลกของนิยายก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เอาเถอะ อย่างไรเสียก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้หัวกลมๆ คิดเรื่องที่ต้องทำหัวข้อใหญ่ๆ เอาไว้อยู่บ้างสำหรับชีวิตใหม่ในโลกใบนี้ หนึ่งคือต้องปรับตัวเรื่องการพูด นางต้องฝึกคิดเป็นภาษาโบราณเพื่อให้เกิดความเคยชิน คนที่นี่พูดภาษาจีนโบราณกันซึ่งนางมีทักษะอยู่มากพอสมควรแต่ไม่เคยต้องใช้เป็นภาษาหลักเช่นนี้ อาจจะรวมกับความเคยชินของเจ้าของร่างด้วยกระมังจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร อย่างที่สองคือการลดน้ำหนักและดูแลตัวเองให้สวยสะพรั่งตามบิวตี้สแตนดาร์ดของโลกนี้ แม้ว่าเธอไม่ได้อยากผอมแต่ยามที่เห็นคนถอยหนีตีห่างมันก็อดรู้สึกไม่ดีไม่ได้ อย่างน้อยก็เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหลบหลีกสายตาแบบนี้จากใครอีก มันน่ารำคาญ อย่างที่สามคือการหารายได้เสริม ซึ่งรายได้หลักตอนนี้คือเป็นคนใช้ เป็นทาส เป็นบ่าวของจวน นางไม่รู้ว่าการไถ่ตัวเองออกนั้นต้องใช้เงินมากน้อยเท่าใด แต่นี่คือเป้าหมายที่นางต้องทำให้ได้ อย่างที่สี่คือการใช้ชีวิตหลังจากที่ไถ่ถอนตัวเองไปแล้ว นางต้องมีบ้านเล็กๆ สักหลัง ปลูกผักเข้าป่าหาของกิน มีงานที่ทำชิ้นเดียวอยู่ได้เป็นปี เช่นวาดภาพ หรือหาโสมเจอสักหัวเหมือนในนิยายหลายเรื่อง แค่นี้ก็สบายแล้วอีเฟิ่งเอ๋ย และอย่างที่ห้าที่ขาดไม่ได้เลยคือ นางจะปิดหน้าปิดตาอยู่แบบนี้เวลาไปไหนมาไหน เพราะนางนั้น สวยมาก งานล่มเมือง สวยแซบ สวยไม่เผื่อใคร ดังนั้นเพื่อป้องกันตนเองจากพวกขุนนางหลายเมีย หรือกลายเป็นบ่าวอุ่นเตียงของพวกคนใหญ่คนโตไม่อาบน้ำ สาวใช้ข้างห้อง นางต้องรอดจากคนพวกนี้ให้จงได้ ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มาถึงจวนใหญ่โตมโหฬาร แม้ในเมืองหลวงจะมีแต่จวนขุนนางพ่อค้าร่ำรวยหากแต่เมื่อเทียบกับจวนตรงหน้าพวกนางแล้วนับว่าที่แห่งนี้ใหญ่กว่าเกือบสองส่วน หญิงสาวทั้งหลายต่างเหม่อมองสำรวจความใหญ่โตอย่างไม่เคยพบเห็น บ้านที่พวกนางอยู่ล้วนเป็นบ้านไม้เก่าผุพัง ไหนเลยจะเคยอยู่เคยสัมผัสจวนใหญ่โตเช่นนี้กัน “ลงมาตรงนี้ ข้าจะพาไปส่งพ่อบ้าน” เสียงของพ่อค้าทาสเรียกพวกนางให้เดินตามหลังไป เบื้องหน้าหลังจากเดินเข้ามาภายในจวนมีพ่อบ้านชราผู้หนึ่งยืนทำหน้าถมึงทึงมองสำรวจเหล่าทาสใหม่ที่กำลังเดินมาด้วยท่าทีของคนแก่ประสบการณ์ที่นางเคยเห็นในโลกเดิม ยืนนิ่งๆ ก็รู้สึกอยากไหว้แล้ว ไหว้ได้ไหว้ไปแล้วมากกว่า “คารวะท่านพ่อบ้านเจ้าค่ะ” เหล่าสาวใช้คนใหม่ยอบกายคารวะผู้อาวุโสทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกนางด้วยท่าทางชวนขบขัน จะมีก็แต่หญิงอวบอ้วนที่อยู่ท้ายสุดเพียงเท่านั้นที่มีกริยาดั่งคุณหนูในจวนจนน่าแปลกใจ สองสายตาจดจ้องนางเพียงครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาออกไป สภาพเช่นนางไม่น่าจะเป็นคุณหนูคุณนายที่ใดหรอก “ท่านพ่อบ้าน ข้ามีงานต่อ ต้องเร่งเดินทางแล้วขอรับ นี่สัญญาทาสขอรับ” เสียงพ่อค้าทาสเอ่ยบอกพ่อบ้านด้วยความนอบน้อมหลายส่วน กระดาษหลายแผ่นถูกยื่นให้ชายชราก่อนอีกฝ่ายจะรับมันไปตรวจตราดู “อืม เดินดีๆ ข้าไม่ไปส่ง” “ยายเฒ่าจิน มาจัดการพวกนางตามใจเจ้า” “ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าสามคนไปอยู่ห้องครัว เจ้าสามคนไปอยู่ฝ่ายทำงานบนเรือน แล้วเจ้าทำไมถึงต้องปิดหน้าปิดตา” บ่าวชราท่าทางองอาจมองสำรวจบ่าวที่มาใหม่ก่อนเลือกแล้วแบ่งงานให้พวกนาง ใบหน้าเหี่ยวย่นหันมองบ่าวผู้หนึ่งอยู่เสียนาน นางสะดุดตากับบ่าวที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด อ้วนฉุปิดหน้าปิดตาไม่น่าไว้ใจ หากแต่ไม่นานนักก็มีบ่าวสาวผู้หนึ่งเอ่ยแจ้งให้กระจ่างด้วยท่าทีประจบประแจง “บ่าวได้ยินบิดาของนางบอกว่านางอัปลักษณ์เจ้าค่ะ” “อืม ข้าเพียงนึกว่าเจ้าเป็นโรค จะได้เชิญหมอมาดูเจ้าเสียก่อน ว่าแต่ข้าจะให้เจ้าทำอันใดดี งานอื่นก็มีคนครบแล้ว” จิงฉงไม่รู้จะนำนางไปที่ส่วนใดของจวนดี อ้วนฉุอัปลักษณ์เช่นนี้คงไม่แคล้วโดยบ่าวนิสัยไม่ดีในจวนกลั่นแกล้งเอาได้ “ไปดูแลคุณชายน้อยดีหรือไม่ อนุหวังพึ่งป่วยตายไปเมื่อเดือนก่อน บ่าวที่มีเพียงผู้เดียวก็ตายตามไปอีก ทั้งยังไม่มีผู้ใดอยากรับลูกของนางมารร้ายมาเลี้ยงดู เจ้าว่าอย่างไร” เสียงพ่อบ้านเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ว่ายังมีอีกหนึ่งงานที่ว่างอยู่ “งั้นให้เจ้าดูแลคุณชายน้อย จะให้บ่าวพาเจ้าไป” “เจ้าค่ะ” เฟิ่งเจี๋ยเออออขานรับหญิงชราก่อนจะเดินตามบ่าวผู้หนึ่งไป นางรู้สึกว่าแม่เฒ่าจินนั้นเหมือนจะช่วยเหลือนางอยู่กลายๆ สายตาไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์นางสักนิดเดียว นับว่าดียิ่ง เฟิ่งเจี๋ยยิ้มกว้างภายใต้ผ้าคลุมอย่างอารมณ์ดีเดินตามพี่สาวไปติดๆ สายตาก็พลันสอดส่องไปทั่วทุกเรือนที่ตนเดินผ่านมา จวนใหญ่โตมีหลายสิบเรือน หากแต่ภายในจวนกลับค่อนข้างเงียบสงบ ว่าแต่ทำไมพี่สาวคนนี้จึงพานางเดินมาไกลขนาดนี้กัน จวนจะถึงกำแพงหลังจวนอยู่แล้ว “พี่สาว จวนอยู่หลังกำแพงหรือเจ้าคะ” “ก็ใช่น่ะสิ เจ้าน่ะลำบากกว่าบ่าวสวยๆ พวกนั้นมากโข ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน เมื่อหลายปีก่อนท่านแม่ทัพโดนนางมารหวังใส่ยาปลุกกำหนัดลงในสุราขณะกำลังพาฮูหยินไปเที่ยวเทศกาลลี่ชุนเมื่อหลายปีก่อน สุดท้ายนางก็ตั้งครรภ์จึงต้องรับเข้ามาเป็นอนุในจวน หลังจากนั้นจวนก็ไม่สงบอย่างที่เจ้าเห็นอยู่ในตอนนี้ นางนั่นทั้งยโสโอหัง หาเรื่องทั้งฮูหยิน ทั้งอนุคนอื่น ทุบตีบ่าวไพร่ไปทั่ว จนท่านแม่ทัพและฮูหยินผู้เฒ่าไล่ตะเพิดนางมาอยู่ท้ายจวนเพราะนางเป็นภัยต่อผู้อื่น ถึงอย่างนั้นนางก็ยังเข้าไประรานคนในจวนอยู่เป็นประจำ ถึงขนาดวางยาพิษฮูหยินจนเกือบแท้งบุตรเชียว แต่เป็นนางเองที่วิ่งหนีกลับเรือนหลังจากวางยาเสร็จจนหกล้ม ต้องคลอดก่อนกำหนดออกมาเป็นคุณชายตัวเล็กนิดเดียว เพียงเพราะไม่ไว้ใจบ่าวข้างกาย กลัวจะเป็นคนของฮูหยิน ตั้งแต่นางคลอดนางก็ป่วยออด ๆ แอด ๆ มาตลอด ทั้งฮูหยินทั้งท่านแม่ทัพมาเยี่ยมเยียนคุณชายน้อยนางก็ไล่ตะเพิดกลับไป บ้างก็ใส่ยาพิษลงในน้ำชามาให้แขกดื่ม จนกระทั่งไม่มีผู้ใดอยากมาที่เรือนนี้อีกเลย สุดท้ายนางก็สิ้นใจเมื่อเดือนก่อน คุณชายน้อยตอนนั้นมีบ่าวดูแลอยู่ผู้หนึ่ง แต่นางพึ่งเสียไปเพราะโดนยาพิษของนางมารร้ายทุกวันๆ กว่าจะรู้ตัวก็ตายตามนางไปเสียแล้ว หวังว่าเจ้าจะดูแลคุณชายน้อยอย่างดี” หญิงสาวฟังไปก็อดอึ้งไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน แล้วเด็กน้อยผู้นั้นมิใช่โดนวางยาพิษไปด้วยหรือ ความโหดร้ายแรกของโลกใหม่ที่ได้รับนั้นค่อนข้าง ทำนางหดหู่ มิใช่เพราะสงสารใครอื่น แต่เป็นเด็กน้อยที่นางกำลังจะไปหาต่างหาก เกิดก็เกิดจากการกระทำผิดของมารดา คลอดก็คลอดจากการกระทำผิดของมารดา ไม่มีคนมาเยี่ยมเยียนเพราะมารดา บิดาไม่ให้ความสนใจเพราะมารดา ทั้งตอนนี้ยังกำพร้ามารดาเพราะการกระทำของมารดาเอง “ข้าทำได้เจ้าค่ะพี่สาว ข้าเคยเลี้ยงดูเด็กมาก่อน” “ดี เจ้าดูแลคุณชายที่เรือนนี้ไปก่อน อีกหน่อยคงได้ย้ายกลับไปที่เรือนเดิมแล้วกระมัง เรือนนี้มีครัว ห้องน้ำ ห้องนอนสามห้อง ทุกๆ สามวันจะมีบ่าวนำของมาให้เจ้า เจ้าต้องทำอาหารให้คุณชายน้อยเอง มียามเฝ้าอยู่ตรงกำแพงด้านนั้น มีอะไรเรียกใช้พวกเขาได้ เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องเข้าไปรับใช้เรือนใหญ่ ข้านับว่าเป็นสิ่งที่ดีเจ้าว่าหรือไม่ อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ถูกกลั่นแกล้งเพราะเป็นบ่าวมาใหม่ ลำบากสักหน่อยคงไม่เป็นไร” “เจ้าค่ะ ว่าแต่พี่สาวมีนามว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ” เฟิ่งเฟิ่งพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับนาง อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปเก็บโถอึอย่างในนิยาย ดูแลเด็กมันจะไปยากอันใด เลี้ยงแมวยากกว่าอีก ก่อนนางจะเอ่ยถามนามของพี่สาวเอาไว้ คนใจดีหนึ่งคนแรกในชีวิตนี้ของนางเชียว “ข้าชื่อ ฟางหลวน เจ้าล่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกบ่าวคนใหม่ด้วยรอยยิ้มจริงใจ “ข้า โจวเฟิ่งเจี๋ย เจ้าค่ะ พี่สาวเรียกข้า เฟิ่งเฟิ่ง ก็ได้เจ้าค่ะ” เมื่อจำชื่อตนเองไม่ได้ก็เอาชื่อเดิมของนางเลยก็แล้วกัน แถมยังมีชื่อเรียกน่ารัก ๆ อีกด้วย ปกติเพื่อนเรียกแต่อีเฟิ่ง วันนี้เป็นเฟิ่งเฟิ่ง นางพอใจกับชื่อนี้พอสมควร “ชื่อดี ข้าจะมาหาเจ้าบ่อย ๆ ถึงแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะไปคุยกับพ่อบ้านเรื่องเบี้ยหวัดคุณชายน้อยให้ นี่ก็ครบเดือนพอดี” ฟางหลวนเอ่ยบอกนางก่อนผลักประตูไม้เข้ามาด้านใน ตากลมมองบ้านสภาพดีตรงหน้าอย่างสำรวจ ก็ไม่ได้แย่อย่างที่นางคิดเอาไว้ เดิมทีนางคิดว่าจะเป็นบ้านเก่าผุพัง เป็นนางเอกพระเอกถูกรังแกท้ายจวนเสียอีก จริงๆ กลับเป็นบ้านดีๆ หลังหนึ่งนี่แหละ เดินเข้าไปตามหลังพี่สาวชาวเกาะอกก็เจอเข้ากับห้องครัวเล็กๆ มีห้องน้ำ มีห้องโถงรับแขก และมีห้องนอนสองห้อง ห้องว่างเปล่าอีกหนึ่งห้อง เฟิ่งเจี๋ยยิ้มกว้างออกมาทันที สบายตูดแล้วเรา ไม่ต้องทำงานหนัก มีข้าวให้กิน นี่มันชีวิตที่นางใฝ่ฝันโดยแท้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม