เราออกไปถ่ายรูปกับคลื่นและชายหาด จากนั้นก็อัปภาพลงโซเซียลฯ ต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม แต่ไม่วายมีคนบ่น คนที่ทำหน้าที่แท็กเพื่อนๆ นั่นแหละ
“แท็กทุกคนแล้วนะ ยกเว้นไอ้คนไม่เล่นโซเชียลฯ ทั้งหลายแหล่” แล้วมันไปมองไอ้ตรีอย่างหมั่นไส้
“ถ้ากูหล่อเท่ามันนะ จะโพสรูปวันละร้อยรูป จะเป็นยูทูบเบอร์ จะได้มีช่องทางหาเงิน” ไอ้ปีไม่วายบ่น คงเพราะเสียดายความหล่อ เท่ของเพื่อนที่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากความหน้าตาดีของตัวเอง นอกจากโปรยเสน่ห์ใส่สาวๆ ไปวันๆ
“บ่นแต่เรื่องเดิมๆ มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะ” ไอ้ตรีพูดเสียงเนือยๆ เหมือนเบื่อหน่าย เพราะได้ยินไอ้ปีบ่นทำนองนี้มานานแล้ว ตอนแรกทุกคนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา แต่คบกันไปนานๆ ก็รู้นิสัยมันที่ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คนมากมาย นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิท แต่บางครั้งฉันก็สงสัย เพราะตอนเรียนมอต้น ไอ้ตรีมันก็เคยเล่น
เฟซบุ๊ก ปิดบัญชีไปตอนที่มันกลับไปกรุงเทพฯ นั่นอีกเหตุผลที่ฉันกับมันติดต่อกันลำบากในช่วงเวลานั้น เพราะฉันไม่ได้มีเงินมากพอจะโทร. หามันบ่อยๆ
เมื่อเวลาสองทุ่มกว่า คนบนชายหาดแทบไม่มี พวกเราก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน มีแต่เสียงหัวเราะ หยอกเย้า กลั่นแกล้ง ด่ากันขำๆ ทุกอย่างคือความสุข ที่ฉันคิดว่าจะเป็นความทรงจำที่งดงามของชาวแก๊งตลอดไป
หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็กลับที่พัก หอบหิ้วของกินที่เหลืออีกเยอะ รวมทั้งเครื่องดื่มกลับไปด้วย พร้อมตั้งวงไปจนหลับนั่นแหละ
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย เราก็มารวมตัวกันในห้องโถงของบ้านพักทันที อาหารบางอย่างเย็นแล้วก็จัดการอุ่น
เพราะกลับมาถึงบ้านพักแล้ว ฉันเลยกินเบียร์แบบไม่ต้องห่วงเมาเหมือนตอนอยู่ที่ชายหาด รวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย ดูเหมือนไอ้ปีจะเมาก่อนเป็นคนแรก เพราะจู่ๆ มันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเพื่อนๆ ตกใจ มันไม่เคยเมาแล้วร้องไห้มาก่อน มีแต่เมาแล้วร้องเพลงไม่หยุดหรือไม่ก็หลับน็อกคาแก้วเบียร์
“มึงเป็นบ้าอะไรอยู่ๆ ก็ร้องไห้” ไอ้พัทถามพร้อมกับกอดคอ บีบบ่ามันอย่างปลอบๆ
“น้องวิว...บอกเลิกกูก่อนเดินทางมาที่นี่”
“อ้าว ทำไมมึงเพิ่งมาบอก” ยัยนุ่นเอ่ยขึ้น
“ก็กูไม่อยากให้พวกมึงมาเครียดกับกูไง ฮือๆ แต่ตอนนี้กูไม่ไหวแล้ว กูผิดด้วยเหรอที่จน”
“อะไรของมึง”
“ก็น้องเขาอยากไปเที่ยวเกาหลี กูไม่มีเงินพาไปไง แล้วเขาก็บอกเลิกกูเฉยเลย แล้วก็ไปเที่ยวเกาหลีกับผู้ชายคนใหม่ที่หล่อสู้กูไม่ได้ ฟรวยก็น่าจะเล็กกว่า แต่เขามีเงินมากกว่าไง ฮือๆ”
ไอ้คนหล่อ ฟรวยใหญ่ แต่ดันจน ปล่อยโฮออกมาลั่นเลยงานนี้
“ช่างแม่งสิวะ มึงทั้งหล่อ ฟรวยก็ใหญ่ ไม่นานมึงก็หาแฟนใหม่ได้”
“หามาได้ก็ทิ้งกูอีกแหละ ทำไมพวกผู้หญิงถึงเห็นแก่เงินจัง”
“อ้าว ไอ้นี่” ฉันกับยัยนุ่นอุทานออกมาพร้อมๆ กัน
“ก็มึงโง่ไง แทนที่จะหาผู้หญิงที่เขาไม่ได้เห็นแก่เงิน มองแต่ความรักเป็นหลักน่ะ มึงก็มองหาสิ!” ยัยนุ่นแว้ดใส่ไอ้ปี พร้อมทั้งเบิ๊กกะโหลกมันไปหนึ่งที
“กูจะหาเจอมั้ยล่ะ ฮือๆ”
“พอแล้วนุ่นอย่าด่ามันมาก” ฉันปราม แล้วเปิดเบียร์กระป๋องใหม่ให้มัน จะได้เมาหลับไปเลย ไม่อยากให้มันร้องไห้ ฟังแล้วปวดใจ เพราะปกติไอ้ปีมันเป็นคนที่ทะเล้น ช่างพูดและร่าเริงที่สุดในกลุ่ม
“คอยดูนะ ต่อไปนี้กูจะไม่รักใครทั้งนั้น นอกจากพวกมึง”
“อือๆ กินไป” ไอ้พัทยกมือของมันที่ถือกระป๋องเบียร์เปิดใหม่จ่อปากมันทันที
ไอ้ปีกินเบียร์ไปสลับร้องไห้อยู่พักใหญ่ ก่อนจะหลับน็อกบนโซฟา
“พามันไปนอกในห้องก่อนมั้ย” ฉันบอกเพื่อน
ไอ้ตรีกับไอ้พัทจึงพยุงมันไปยังห้องนอน แล้วทั้งสองก็กลับมาร่วมวงกันตามเดิม
“สงสารมันเหมือนกันนะ อุตส่าห์มาเที่ยว ดันมีเรื่องให้เศร้าใจอีก” ยัยนุ่นพึมพำ
“ช่างเถอะ อกหักเป็นเรื่องธรรมดาว่ะ และที่ผ่านมาก็ใช่ว่ามันจะเพิ่งอกหักครั้งแรก
“เออ จริง นี่ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งยันเรียนจบ มันอกหักทุกปีเลยนะโว้ย”
“แถมอกหักแล้วก็ไม่เคยว่างได้เกินสองเดือน มีแฟนใหม่ตลอด”
“ก็อย่างที่รู้ มันหล่อ และฟรวยใหญ่ไง ฮ่าๆ” ไอ้พัทพูดจบก็หัวเราะร่วน ทำให้ยัยนุ่นฟาดฝ่ามือไปที่ไหล่มันเต็มแรง
“มึงหยุดพูดเลย ไอ้ปีแม่ง เมาแล้วก็พูดเพ้อเจ้อจริงๆ”
“ใช่ คนที่หล่อและฟรวยใหญ่ของจริง มันยังไม่ขิงใครเลย” ไอ้พัทว่าแล้วปรายตาไปยังไอ้ตรี ที่นั่งดื่มเงียบๆ มานาน
“อย่ามาพาดพิงกูโว้ย” ไอ้ตรีตอบสั้นๆ แล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม จังหวะนั้นฉันคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ มันปรายตามาทางฉันนิดๆ และมันส่งผลให้แก้มฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“ไอ้เก้าเริ่มเมาเปล่า แก้มแดงเป็นตูดลิงแล้ว” ไอ้พัทหันเป้ามาทางฉันแล้ว
“เออ ก็นิดหน่อย” ฉันตอบรับอย่างไม่ต้องโต้เถียงมัน ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคน
อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดุๆ ให้มัน แต่มันกลับยิ้มหวานตอบ อยากจะปากระป๋องเบียร์ใส่หน้าหล่อๆ ของมันนัก ก็ได้แต่คิดนั่นแหละ
และมันก็เสหยิบกีตาร์มาเล่น ขึ้นอินโทรลก็รู้ว่าเป็นเพลง stay with me ของ Sam Smits ในสไตล์ฟิกเกอร์สไตล์ ฉันมองนิ้วที่ทั้งเกาและสะบัดปลายนิ้วลงบนทั้งหกสายอย่างเพลิดเพลิน
เพลงเพราะ หรือคนเล่นเก่งก็ไม่รู้ แต่อาจทั้งสองอย่าง ไอ้ตรีเป็นคนที่เล่นกีตาร์ได้มีเสน่ห์มาก ฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันสามารถเล่นกีตาร์ได้เก่งขนาดนี้ มันเล่นได้หลายแนว ทั้งเล่นคอร์ดปกติ ฟิกเกอร์สไตล์อย่างที่เล่นอยู่ตอนนี้ และสไตล์คลาสสิกด้วย มันเหมือนคนที่ร่ำเรียนสายดนตรีมา มากกว่าเรียนจบนิเทศฯ
ตอนที่เราอยู่บ้านนอก ตอนนั้นไอ้ตรีมันไม่เคยเล่นกีตาร์ หรือดนตรีใดๆ ให้ฉันเห็น แต่มันเคยบอกว่าพ่อให้มันเรียนเปียโน เรียนภาษาตั้งแต่ยังเรียนอนุบาล อันหลังนี้ฉันจึงไม่แปลกใจเวลาที่ไอ้ตรีมันร้องเพลงสากล สำเนียงมันเหมือนเจ้าของภาษา หรือแม้แต่มันพูดคุยกับชาวต่างชาติที่หลงทางมาเจอเรา
แต่เรื่องดนตรีเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันทึ่งมันจริงๆ หากว่ามันเพิ่งมาเล่นตอนเรียนมอปลาย อย่างที่มันบอกฉัน ในตอนที่ฉันเห็นมันเล่นกีตาร์ครั้งแรก
ตอนนี้ไอ้ตรีมันเล่นเพลง stay with me จนจบ มันก็เล่นต่ออีกเพลง ซึ่งคราวนี้มันร้องด้วย และเพลงนั้นคือเพลง iris ของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกรุ่นเก๋าอย่าง Goo Goo dolls เป็นเพลงที่ไอ้ตรีร้องบ่อยมาก มันบอกว่าเพลงสากลเก่าๆ ที่มันเล่นส่วนใหญ่ได้ยินมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะพ่อมันชอบฟัง
ปกติฉันฟังเพลงสากลน้อยมาก ยิ่งเพลงเก่าๆ ด้วยแล้ว ยังไม่รู้จัก พอฟังไอ้ตรีเล่นบ่อยครั้งก็ทำให้รู้สึกว่าเพลงเก่าๆ ทำนองดี รวมทั้งเนื้อเพลงก็มีความหมายลึกซึ้ง โดยเฉพาะเพลงที่มันร้องอยู่ในตอนนี้ในท่อนฮุก
And I don‘t want the world to see me
‘Cause I don‘t think that they‘d understand
When everything‘s made to be broken
I just want you to know who I am
เป็นเพลงที่ร็อกที่มีทำนองเร้าใจและเนิบนุ่มในบางจังหวะ แต่เนื้อหาเพลงกลับให้ความรู้สึกหม่นๆ
ฉันจำได้ตอนได้ยินเพลงนี้ และรู้ว่าเป็นซาวน์แทร็กหนังเก่าตั้งแต่ปี 1998 ฉันก็ไปหาดู
หนังแฟนตาซีโรแมนติก พระเอกเป็นผู้นำวิญญาณ ที่ตกหลุมรักคุณหมอที่น่ารักคนหนึ่ง ที่คนไข้ที่เธอผ่าตัดเสียชีวิต เพราะความรักจึงอยากรับรู้ได้ทุกอย่างได้ในความเป็นมนุษย์ จึงสละชีวิตเทวดามาเป็นมนุษย์ ได้อยู่กับคุณหมอได้แค่คืนเดียว สุดท้ายนางเอกตายซะงั้น
ตายแบบไหนก็ได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมตายขณะปั่นจักรยานลงเนินเขา กางปีกหลับตา ดื่มด่ำกับความสุขที่มีในชั่วขณะนั้น หลังผ่านค่ำคืนที่แสนพิเศษกับพระเอกมาอีก พอลืมตาขึ้นมาเท่านั้นแหละ มีรถบรรทุกไม้ขับออกมาจากซอย เหมือนตายเพราะความประมาทตัวเอง คงถึงคาด หรือเพราะบทลงโทษของพระเจ้าที่พระเอกยอมทิ้งสถานะเดิมของตัวเองเพื่อมาเป็นมนุษย์ ที่มีทั้งสุข เศร้า พลัดพราก โดยเฉพาะความตายของคนที่รัก
ตอนนั้นฉันตกหลุมรัก เม็ก ไรอัน ทั้งหน้าตา รูปร่าง บุคลิก และเสน่ห์ในการแสดง ฉันตามดูหนังเกือบทุกเรื่องของเธอ แม้ตัวจริงของเม็ก ไรอันจะอายุมากแล้ว แต่ฉันก็ยังตกหลุมรักเสน่ห์ในการแสดงของเธออยู่ดี
“เป็นไรเหม่อ” เสียงกีตาร์หยุดลงแล้ว ได้ยินเสียงห้าวทุ้มของไอ้ตรีถามขึ้น ในขณะที่ไอ้พัทกับยายนุ่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“คิดโน่นนี่ไปตามเรื่อง ว่าแต่ไอ้พัทกับยัยนุ่นไปไหนแล้ว”
“พวกมันไปนอนกันหมดแล้ว” ฉันมองดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ล่วงเลยมาตีสองครึ่งแล้ว
“เหรอ งั้นเราก็ไปนอนบ้างดีกว่า”
“ยังไม่ง่วงก็อย่าเพิ่งสิ”
“พรุ่งนี้ต้องเช็กอินก่อนเที่ยงนะ” พวกเราจะไปกันต่อที่หัวหิน และจะพักอยู่ที่นั่นหลายวัน
“เออน่า ตื่นทันอยู่แล้ว”
“แล้วจะให้นั่งทำซากอะไร”
“นั่นสิ...งั้นเรา...มาจูบกันมั้ย”
“มึงจะบ้าหรือไง!” รู้ว่ามันดึก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสียงดังใส่มัน แถมตอนมันพูดนะ ทำหน้าซีเรียสอีก แถมวางกีตาร์ลงข้างตัว
“นะ ลองจูบกันอีกสักครั้งเถอะ” ตอนนี้มันทำหน้าอ้อนๆ คิดว่าน่ารักตาย อ้อนตีนเสียมากกว่า!
“มึงจะจูบทำเพื่อ!”
“กูอยากเช็กความรู้สึกของตัวเองว่าเราจูบกันแล้ว ความรู้สึกนั้นมันจะเหมือนวันก่อนมั้ย”
“ทำไม วันก่อนมันรู้สึกยังไง” จู่ๆ ฉันก็อยากรู้ขึ้นมาเสียเฉยๆ แถมใจเต้นแรงอีกขณะรอคำตอบ
“มันก็ดี”
“ดีกว่าที่มึงเคยจูบมาเหรอ”
“ไม่รู้สิ กูไม่ค่อยได้จูบใคร”
“บ้าเปล่า มึงมีกิ๊กตั้งหลายคน”
“กูไม่เคยจูบปากนะ”
“แต่จูบอย่างอื่นว่างั้นเหอะ”
“ก็มีบ้าง แต่ตรงนั้นน่ะ กูจูบมึงแค่คนเดียว”
“ไอ้ตรี มึง...กูไปนอนดีกว่า” ฉันผุดลุกขึ้นจากโซฟา เพราะทั้งฉุนและขัดเขินคนพูด แต่ยังไม่ทันเดิน มันก็กระชากแขนฉันไว้ พออ้าปากจะโวยวาย มันก็บดปากลงมาจูบฉันทันที
แม้จะอยากต่อต้านมากแค่ไหน แต่อารมณ์ฉันก็ไม่ได้คล้อยตามความคิด ยิ่งเมื่อลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาในปาก ทั้งวาบหวิวปั่นป่วนจนยากจะควบคุมตัวเองได้ ฉันเปิดปากต้อนรับจูบดูดดื่มของมันอย่างลืมตัว กระทั่งมือของตรีสอดเข้ามาในเสื้อ ลูบไล้บริเวณหน้าท้อง ฉันถึงรู้สึกตัวว่าหากปล่อยให้มันจูบหรือให้มือมันซุกซนต่อไป บางทีเราอาจจบลงเหมือนคืนนั้น
ฉันกลั้นใจผลักมันออกห่าง มองมันอย่างสับสน ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องนอนไป ฉันตกใจเล็กน้อยที่เห็นยัยนุ่นนั่งอยู่บนเตียงนอนของตัวเอง มองมองที่ฉัน แม้ไม่ได้ปริปากถามอะไร แต่ดวงตาของมันก็มีคำถาม ที่ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่า เรื่องของตัวเองกับไอ้ตรีคงไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป
“วันหลังกูจะเล่าให้มึงฟัง ตอนนี้นอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเช็กเอ๊าท์ก่อนเที่ยงนะ”
“อือ...” นุ่นตอบรับแค่นั้นก็ทิ้งตัวนอนลงตามเดิม
ฉันเองก็เช่นกัน แม้จะกังวลในเรื่องตัวเองกับไอ้ตรี แต่ฉันก็ทั้งง่วงและเพลีย จึงหลับไปอย่างง่ายดาย
:::::::::::::::::::