@เพ้นส์เฮ้าส์เฟยต้าน อธิษฐ์โภภาคิน ลีหย่าง
เอิงเอยเดินลงจากรถเพื่อไปหาเฟสต้านในห้องทำงาน เธอเดินยิ้มด้วยความสุขพร้อมกับในมือมีเค้กเนื้อนุ่มก้อนจิ๋วติดไปด้วย ตั้งใจอยากจะให้วันเกิดปีนี้เป็นปีที่หน้าจดจำและมีความสุขที่สุด
ก๊อก~ก๊อก~ก๊อก
"พี่เฟยค่ะ"
เอิงเอยเคาะประตูหน้าห้องเพื่อขออนุญาต มือเล็กผลักบานประตูขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าไม่ใช่แค่เฟยต้านที่นั่งบนโซฟาตัวยาวเพียงผู้เดียวกลับมีหญิงสาวสวยสะดุดตากำลังคร่อมพรมจูบปากของคนที่เธอเพิ่งได้สัมผัสมันเมื่อเช้าอย่างสนุก
เฟยต้านผลักคู่ขาออกเพียงนิดแล้วบอกให้เธอไปรอเค้าที่ห้องข้างล่าง เธอรับคำอย่างไม่มีอิดออดพร้อมเดินออกไปอย่างสง่างามเหมือนผู้ชนะ
"วันนี้เธอไปไหนมา"
เสียงกดต่ำเอ่ยถามแววตาแข็งกร้าวจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างคาดคั้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังก็พอจะรู้ว่าไม่พอใจ มือพลางหยิบส่งสาดน้ำเหล้ากระดกเข้าลงคอด้วยใจที่ฟุ้งซ่าน
"ตอบ"ในเมื่อเด็กสาวเงียบเค้าจึงตวาดเค้นอีกครั้งเพื่อเอาคำตอบ
"นะ…หนูเอยไม่ได้ไปไหนนะคะ หนูเอยเรียนหนังสือทั้งวัน"
"เธอรู้ไหมในชีวิตนี้ฉันเกลียดอะไรมากที่สุด 1.การโกหก 2.การถูกหักหลัง 3.พวกหลอกลวงพวกขี้โกง และมันเป็นสิ่งที่เธอกำลังทำและเป็นอยู่ในตอนนี้"
ในระหว่างที่ปากเอ่ยพูดมือหนาปลดถอดเข็มขัดสายแข็งพันรอบข้อมือเพียงนิดแล้วจับอย่างถนัดแน่น เค้าลองตวัดฟาดมันเข้ากับผนังอย่างสุดแรงจนเกิดเสียงดังก้องภายในห้องกว้าง
เปี๊ยะ~เปี๊ยะ!!
เอิงเอยรีบคว้ากระเป๋าเข้ามากอดจนจมอกอย่างเป็นป้อมปราการด้วยความกลัว เฟยต้านในยามนี้ดูดุดันน่ากลัวยิ่งนักจนใจดวงหวานหวั่นด้วยความสั่นกลัว
"วันนี้ช่วงเช้าที่โรงแรมเธอเข้าไปทำอะไร"
"นะ…หนูเอยไป…"
เปี๊ยะ~เปี๊ยะ
คำอธิบายที่ไม่ได้บอกเล่าจนจบ เข็มขัดหนังสายยาวจ้วงฟาดเข้าที่ลำตัวขาวจนเกิดเสียงดัง มันเหมือนร่างกายถูกไฟฟ้าแรงสูงดูดช็อตย่างแรง เอิงเอยพยายามเดินหนีแต่กลับถูกล็อกไว้สะก่อน ยิ่งเธอดิ้นยิ่งเธอพยายามตัวของเธอเองที่จะได้รับอันตราย เพราะแค่เธอเอ่ยอธิบายนั่นก็เท่ากับว่าเธอยอมรับแล้วว่าเธอกำลังโกหกเค้า นั่นเป็นสิ่งที่เฟสต้านเกลียดและเกลียดคนจำพวกนี้ที่สุด
"พี่เฟยหนูเอยเจ็บ"
"ไปยืนกอดอกแล้วรอรับบทลงโทษของเธอสะยัยเด็กขี้โกหก"
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกไปยืน แรงโมโหมหาศาลบวกกับความเดือดดาลทำให้เฟยต้านฟาดเธอไม่ยั้ง ทั้งก้นทั้งขาอ่อนลำตัวลายพร้อยไปหมดแถมยังมีเลือดซึมซิบออกมาให้เห็นจางๆ น่องขาวที่เคยนวลขาวกลับบวมปูดเป็นทางยาวที่เกิดจากการฟาดด้วยสายเข็มขัด
เอิงเอยแทบล้มทั้งยืนแต่ก็ต้องกอดอกประคองตัวไว้เพื่อไม่ให้ล้ม เธอผิดเองที่คิดโกหกเค้า เธอผิดเองผิดหมดทุกอย่าง ในเมื่อเค้าไม่อยากฟังก็ปล่อยให้เข้าใจผิดกันไปแบบนี้นะดีแล้ว ในเมื่อทุกอย่างไม่มีคำว่าเชื่อใจมากพอก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป
"ฉันพยายามมองข้ามทุกอย่างตั้งวันที่เธอเดินเข้า ฉันพยายามบอกตัวเองเสมอว่าเธอกับมันต่อให้เป็นพ่อลูกกันยังไงสะมันก็คนละคนแต่ฉันคิดผิด ฉันลืมไปว่าเลือดมันย้อมข้น เลือดของพวกสิบแปดมงกุฎมันยังวิ่งพล่านอยู่ในกายของเธอ เพราะฉะนั้นสันดานไอ้พวกคนจัญไรอัปรีย์มันยังมีอยู่ในตัวเธอ กามันก็คือกาต่อให้ฉันเอาสีมาป้ายทา สุดท้ายมันก็คืออิกาตัวดำอยู่ดี"
เปี๊ยะ!!
เอิยเอยล้มกองอยู่ที่พื้นแรงฟาดของเฟสต้านในครั้งนี้ทำให้ร่างของเธอล้มพับไปต่อหน้าต่อตา เค้าไม่แม้แต่จะเข้าไปช่วยในเมื่อทุกอย่างวันนี้เค้าเห็นมันกับตาว่าหญิงโชติชายชั่วเข้าไปในโรงแรมด้วยกัน เอิงเอยไม่เอยร้องไม่เอ่ยขอความเมตตาปรานีจากเค้าเช่นกัน ถ้าใจของเค้าอยากจะฟาดเธอให้ตายคามือเธอก็ไม่อ้อนวอนร้องขอให้เค้าสมเพช
"นายครับพอแล้ว"ย๊งที่ยืนอยู่หน้าประตูเค้าทนไม่ไหวจึงรีบเข้ามาเอ่ยห้ามผู้เป็นนายทั้งๆที่ไม่สมควร
"มึงออกไปไกลๆตีนกูไอ้ย๊ง กูบอกให้ออกไปไงว๊ะ"ความเดือดดาลที่เกิดจากความหึงหวงบันดาลโทสะทำให้เฟยต้านมีสติไม่เต็มร้อย เค้าลงมือฟาดร่างเล็กอย่างไม่สมควร ริ้วรอยบาดแผลในยามนี้สร้างรอยร้าวให้ใจดวงน้อยยิ่งนัก น้ำตาแห่งความเสียใจน้อยใจไหลผสมปนเปไปกับเสียงสะอื้นทำให้ใจคนฟังของใครบางคนแทบขาดเช่นกัน
"งั้นมึงก็เอาอิเด็กใจแตกคนนี้ไปกกกอดนอนเอาได้เลยกูยกให้ ดูท่ามึงน่าจะชอบเห็นดูแลเข้าข้างกันดีนัก"
"นายครับ…"
"อ้อ!!ที่ซุกหัวนอนของพวกเด็กใช้หนี้ขัดดอกห้องเก็บของท้ายสุดมันคงเหมาะและดีกับผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีอย่างเธอเป็นที่สุด อย่าเสนอหน้าหรือโผล่หัวขึ้นมาบนนี้ให้ฉันได้เห็น ในเมื่อไม่รักดีก็ไม่ต้องเรียน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปมึงพายัยซากอ้อยไปทำงานที่คาสิโนทุกวัน ห้ามขาดห้ามลาห้ามมาสาย ถ้ามีใครอยากซื้อก็ขายได้เลยกูอนุญาต"
เอิงเอยปล่อยโฮด้วยความเสียใจ ในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวสิ่งที่เธอหวาดหวั่นเฟยต้านก็เอ่ยอนุญาต เค้าไม่สนใจเธออีกแล้วคงอิ่มคงเบื่อแล้วสินะทุกอย่างถึงออกมาเป็นแบบนี้ เอิงเอยได้แต่น้อมรับคำตัดสินท่าทางอวดดีหยิ่งยโสทำให้เฟยต้านรู้สึกหงุดหงิด จากที่เคยแสนหวานทำไมถึงได้ห้าวหาญในเวลานี้ยิ่งคิดเค้ายิ่งตะหงิดใจ แทนที่เธอจะเอ่ยอ้อนวอนร้องขอกลับไม่มีเสียงสักแอะหรือว่าอยากโดยขายอยากไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นจนตัวสั่น
เอิงเอยเดินมายังบ้านหลังเล็กที่เอาไว้เก็บของ เฟยต้านออกคำสั่งให้เธอมานอนบ้านหลังนี้เค้าจะรู้บ้างไหมว่าพื้นที่ตรงนี้รกและฝุ่นเยอะเหลือเกิน เอิงเอยแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
"ไหวไหมครับคุณหนู"
"ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะพี่ย๊ง ฮึก หนูเอยขอบคุณที่เข้ามาช่วยนะคะขอบคุณที่เอ็นดูหนู" เอิงเอยในยามนี้อ่อนแอเหลือเกิน ใบหน้าเศร้าสร้อยยิ่งหนักเนื้อตัวลายพร้อยอย่างน่าสงสาร เธอเดินเข้าไปในห้องพยายามเก็บขยับของเพื่อปรับพื้นที่พอให้ตัวเองมีที่ซุกหัวนอน เสื่อผืนเล็กตวัดปูลงที่พื้นส่วนหมอนที่เอาไว้หนุนนอนก็คือเสื้อผ้าที่เธอเอาไว้ส่วมใส่นั่นเอง
"คุณหนูครับนี้ผ้าห่มพอใช้ได้ไหมครับ"ลีที่เดินตามมาทีหลังยื่นผ้าห่มผืนนุ่มที่ยังไม่ได้ผ่านการใช้งานให้เอิงเอยสาวน้อยด้วยความสงสาร บทจะหลงก็หลงจนหัวปักหัวปำบทจะไม่ฟังก็ไม่ฟังอย่างหัวรั้นจนลีและย๊งปวดหัวไปกับผู้เป็นเจ้านาย
"ขอบคุณนะคะ หนูเอยขอตัวพักผ่อนก่อน"