เมื่อมีเสียงรบกวนถึงจะแผ่วเบาแต่อย่างไรก็ไม่อาจข่มตาหลับได้อีก ขยับตัวลุกขึ้นนั่งได้ก็เห็นเสี่ยวหลิงเร่งฝีเท้าเข้ามา
รินน้ำชาอุ่นร้อนให้จึงบอกเล่า “คุณหนูแต่งกายเถิด หลิวซูบอกว่าองค์ชายห้าส่งพ่อบ้านใหญ่จากจวนจิ้นฝูมา”
“องค์ชายส่งพ่อบ้านใหญ่มาที่นี่ทำไม” จิบชาไปอึกหนึ่งถึงได้รู้สึกว่าตนเองตื่นเต็มตา “พระองค์คงไม่ส่งพ่อบ้านใหญ่มาอยู่ที่นี่ถาวรกระมัง”
คำคาดการณ์นี้ทำเอาเป่าหลิงเบิกตา “องค์ชายคงไม่ย้ายที่พำนักใช่ไหมเจ้าคะ”
คราวนี้เฉินหว่านอิงรีบส่ายหน้า เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่นางกับองค์ชายตกลงกันไว้ ดังนั้นจีบรีบหยิบเสื้อคลุมตัวนอกมาสวมใส่แล้วเร่งฝีเท้าออกไปยังห้องโถงชั้นนอกทันที และสิ่งที่ปรากฏต่อครรลองสายตานอกจากพ่อบ้านใหญ่วัยห้าสิบต้นๆ จากจวนจิ้นฝูแล้วยังมีหีบไม้อีกสิบสองหีบวางอยู่ ส่วนของมีค่าที่สุดคงอยู่ในมือพ่อบ้านผู้นั้น
พอนางนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้องโถง พ่อบ้านใหญ่พลันคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ หลังจากนั้นก็ร่ายยาวถึงคำสั่งการของ องค์ชายห้า บอกว่าให้ตนกับองครักษ์กลุ่มหนึ่งนำข้าวของเหล่านี้มามอบให้พระชายา แสดงท่าทีว่าองค์ชายห้าทรงโปรดปราน พระชายายิ่งนัก ไม่ว่าในเมืองหลวง หรือในจวนจิ้นฝูมีของล้ำค่าใดล้วนรวบรวมมาทั้งหมด หวังว่าพระชายาคงพอพระทัยกับน้ำใจของ องค์ชายห้าในครั้งนี้
เดิมทีในใจของเฉินหว่านอิงยังขุ่นเคืองเรื่องที่เขาส่งหมัวมัวอาวุโสมาควบคุมพฤติกรรมของตน แต่พอได้เห็นสมบัติกองใหญ่สีหน้าแววตาพลันอ่อนลงไม่น้อย ดูท่าองค์ชายห้าจดจำได้แล้วว่าพระชายาจากต่างแคว้นอย่างนางชื่นชอบสมบัติของมีค่าแค่ไหน ในเมื่อเขาจดจำภาพนางที่เป็นเช่นนี้ได้แล้ว ภายภาคหน้านางกับเป่าหลิงคงไม่ลำบากกายเฉกเช่นที่แล้วมาอีก ส่วนลำบากใจนั้นช่างมันเถิด เพราะชีวิตมีให้เลือกเดินเพียงเส้นทางนี้
เห็นสีหน้าพระชายาผ่อนคลาย พ่อบ้านใหญ่พลันลอบพรูลมหายใจอย่างโล่งอก หลังจากนั้นจึงมอบกล่องไม้จันทน์หอมที่แกะสลักลายดอกโบตั๋นให้ พอรับมาแล้วหัวคิ้วของเฉินหว่านอิงพลันขมวดมุ่น
“กำไลหยกนี้เป็นของติดตัวเพียงชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ของพระมารดาสกุลหู องค์ชายหวังว่าพระชายาจะยอมรับไว้”
มือที่จับกล่องไม้จันทน์เยียบเย็นยิ่งนัก ของสำคัญเพียงนี้เหตุใดเขาถึงตัดใจมอบให้นางได้เล่า หากทำกำไลหายมิใช่ต้องรับโทษทัณฑ์ร้ายแรงหรอกหรือ
เงยหน้าขึ้นก็เห็นเซิ่งหมัวมัวก้าวเข้ามา สายตาของผู้อาวุโสเอาแต่จับจ้องกำไลหยกด้วยตาแดงก่ำ
“บ่าวเฒ่าจำได้ว่านับตั้งแต่พระสนมจากไป องค์ชายก็นำกำไลชิ้นนี้วางไว้ข้างหมอนมาโดยตลอด ครั้งนี้ตัดใจมอบให้ พระชายาย่อมหมายความว่าองค์ชายปรารถนาให้พระชายาอยู่เคียงข้างตลอดไป” ว่าพลางหยิบกำไลวงนั้นสวมใส่ให้ ลูบหลังมือเนียนด้วยดวงตาเอ่อคลอด้วยวาวน้ำจางๆ
“กำไลหยกเขียวชิ้นนี้เป็นชิ้นที่พระสนมรักมากที่สุด พระชายาได้โปรดสวมใส่ติดกายไว้เถิด คงมีเพียงทำเช่นนี้จึงสามารถทำให้องค์ชายรู้สึกว่าชีวิตของพระองค์ยังเหลือคนอยู่เคียงข้าง หาใช่โดดเดี่ยวไม่”
“ของที่มีค่าสำหรับองค์ชายเช่นนี้มิใช่ว่าควรเก็บรักษาไว้ให้ดีหรอกหรือ”
“บ่าวเชื่อว่าองค์ชายคงไม่ปรารถนาเช่นนั้น หาไม่คงไม่มอบให้พระชายาเป็นแน่”
เฉินหว่านอิงได้แต่เม้มปาก พอเห็นสีหน้าคาดหวังและอ้อนวอนของทุกคนในห้องโถงนางก็ไม่สามารถถอดกำไลข้อมือที่ เซิ่งหมัวมัวสวมให้ได้ ถ้าหากคุณหนูสามตระกูลเฉินรู้ว่าหลังจากสวมกำไลวงนี้แล้วชีวิตของตนต้องถูกยึดติบไว้กับองค์ชายห้าอู่ซีเจิ้งแห่งแคว้นเหลียงละก็ ไม่รู้ยังยินดีที่จะสวมกำไลหยกติดกายอยู่หรือไม่ น่าเสียดายที่ต่อให้นางรับรู้ก็คงไม่อาจถอนตัวจากการผูกมัดได้ เพราะครั้งนี้อู่ซีเจิ้งมิเพียงส่งพ่อบ้านใหญ่กับของมีค่ามา ยังมีหมอหลวงชราผู้หนึ่งติดตามขบวนมาด้วย
เห็นท่านหมอชราอายุหกสิบกว่าผู้นี้แล้วความสงสัยยิ่งปรากฏอยู่ในใจมากมาย ดังนั้นพ่อบ้านใหญ่จึงรีบบอกกล่าวทันที
“องค์ชายมีรับสั่งว่านับแต่พระชายาจากบ้านเดิมมาร่างกายเจ็บป่วยไม่น้อย จึงส่งท่านหมอฉือมาคอยรับใช้ หนึ่งปีนับจากนี้ให้ท่านหมอรับผิดชอบดูแลพระวรกายของพระชายา มิให้เจ็บป่วยอีก”
ได้ยินแล้วเฉินหว่านอิงสบตากับสาวใช้คนสนิท เดิมทีคิดไว้ว่าจะให้เสี่ยวหลิงออกไปหาท่านหมอตามหมู่บ้านมาต้มยาบำรุงให้ เมื่อร่างกายของนางแข็งแรงคงพร้อมมีองค์ชายน้อยให้องค์ชายห้า ในเมื่ออีกฝ่ายไตร่ตรองไว้แล้วนางคงทำได้เพียงรับไว้
“เสี่ยวหลิง พาท่านหมอไปเรือนพักเถิด”
เมื่อสาวใช้พาท่านหมอฉือออกไป องครักษ์หลิวก็เร่งฝีเท้าตามไปด้วย
ที่เหลืออยู่มีเพียงพ่อบ้านใหญ่กับหมัวมัวอาวุโส เมื่อไม่มีผู้อื่นอยู่อีก เฉินหว่านอิงจึงไม่ต้องเก็บงำความสงสัยของตน
“พ่อบ้านใหญ่ องค์ชายมีรับสั่งใดอีกหรือไม่”
พ่อบ้านใหญ่หม่าเติงเหอสบตากับเซิ่งหมัวมัวทีหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าจึงเอ่ยปาก
“องค์ชายตรัสว่า แม้หนึ่งปีมานี้คุณหนูสามจะมีฐานะเป็นพระชายาเอกของพระองค์ แต่องค์ชายก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อคุณหนูในฐานะพระชายาเอก พระองค์รู้สึกผิดไม่น้อย หวังว่าข้าวของเหล่านี้จะสามารถปลอบโยนพระชายาได้บ้าง และยังรับสั่งอีกว่า เซิ่งหมัวมัวไว้ใจได้ ขอให้พระชายาใช้งานหมัวมัวเถิด นับจากนี้คุณหนูสามจะเป็นพระชายาเอกขององค์ชายอย่างแท้จริง”
เฉินหว่านอิงจึงมองเซิ่งหมัวมัว เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าแล้วพลันโล่งใจยิ่งนัก ต่อให้คำกล่าวนี้จะเท็จจริงอย่างไรคงทำได้เพียงปล่อยให้เวลาในวันข้างหน้าตัดสิน แน่นอนว่าเมื่อองค์ชายแสดงความจริงใจ นางย่อมไม่ทำลายน้ำใจของเขา
“ถ้าเช่นนั้น ข้ามีคำพูดหนึ่งรบกวนพ่อบ้านหม่าทูลองค์ชายแทนข้าด้วย”
“พระชายามีสิ่งใด โปรดรับสั่งมาเถิด อย่าได้เกรงใจบ่าวเลย”
“ข้าจะใส่กำไลที่องค์ชายมอบให้ ตลอดชีวิตนี้ไม่ถอดออกเด็ดขาด”
หม่าเติงเหอกับเซิ่งหมัวมัวคุกเข่าลงแล้วเอ่ยเรียกพระชายาออกมาพร้อมๆ กัน สีหน้าแต่ละคนล้วนแสดงความซาบซึ้งออกมาถึงเจ็ดแปดส่วน เฉินหว่านอิงจึงได้แต่หลุบตามองกำไลหยกบนข้อมือ ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่ากำไลหยกวงนี้มิต่างจากโซ่ตรวนที่ผูกติดนางไว้กับองค์ชายห้าแห่งแคว้นเหลียง ต่อให้ดิ้นรนหลีกหนีเพียงใดล้วนไม่อาจหลุดพ้นเงื้อมมือของเขา