เอ้า! เลียมยื่นขวดน้ำหวานมาตรงหน้า
“ดื่มเสียหน่อย” คิมแม้ไม่ชอบใจนักที่เขารู้ทัน แต่ร่างกายของเธอสำคัญกว่า เธอรับขวดน้ำหวานมาดื่ม ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น
“อดทนเดินต่อไปอีกประมาณสามไมล์ จะเจอบ้านพักของนายพราน”
“เคยมาเหรอคะ” คิมที่ได้ดื่มน้ำหวาน ร่างกายดีขึ้นอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นตามมาด้วย จึงเดินคุยกันกับเขาอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ดั่งกับว่าพวกเขาสองคนมาท่องเที่ยวเดินป่ากันก็ไม่ปาน
“ดูจากดาวเทียมเอานะ”
อ่อ และทั้งสองก็เดินหน้าต่อ คุยเรื่องสัพเพเหระฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ระยะทางสามไมล์ ถ้าเป็นเส้นทางราบเรียบความแข็งแรงของพวกเขาก็คงถึงไปนานแล้ว
“อย่าพึ่งพักเลย เดินต่ออีกหน่อยดีกว่า เพราะคิมคงไม่อยากต้องพักในป่าใช่มั้ย” เลียมจู่ๆ ก็ใจดี น้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาเขากลับมองคิมอย่างห่วงใย พร้อมกันนั้นเขาก็เข้ามาพยุงเธอด้วย
คิมมองเลียม ตอนนี้ดูไม่ออกเลยว่าเขาเองก็เป็นผู้ที่บาดเจ็บเช่นเดียวกัน เอาจริงๆ แล้ว เขาสาหัสกว่าเธอมาก
“เราต้องหลบหนีนานแค่ไหน” จู่ๆ คิมก็เอ่ยเข้าเรื่อง
“มันสำคัญด้วยเหรอ”
“ก็ถ้ามาดามชีต้านั้นสามารถเอาชนะคุณได้ ฉันก็จะยินดีมาก” คราวนี้เลียมเลิกคิ้วมองเธอด้วยแววตาที่ค้นหาความจริง
“เพราะเมื่อถึงตอนนั้นคุณที่ไม่หลงเหลืออะไรเลย จะทำให้ฉันยินดีมากแค่ไหน นึกไม่ออกเลยใช่มั้ย” เลียมยิ้มร้ายแต่ดวงตาดำเข้มของเขาเปล่งประกายพราวระยับ
“น่าสนใจดี เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงวันนั้นคิมก็คุ้มครองให้ฉันมีลมหายใจอยู่ให้ถึงตอนนั้น” เลียมตอบกลับเสียงราบเรียบที่เอนเอียงไปทางยินดี
นี่มันคือบรรยากาศการหยอกล้อหรือยังไง
แสงตะวันที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า ในผืนป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี ปิดบังแสงตะวันที่หลงเหลือสาดส่องลงมาเพียงเล็กน้อยเกือบหมดสิ้น
“เลยชายป่านี้ไปก็ถึงแล้ว” เขาเปิดไฟฉายมือหนึ่งถือมันไว้ อีกมือก็จูงมือเธอไว้
“ฉันเดินเองได้”
“ไม่ได้ เราเข้าใกล้ถิ่นนายพราน แถวนี้ต้องมีกับดักสัตว์ เดินช้าลงหน่อย” คิมจึงต้องยอมให้เขาจับจูงไปด้วยเหตุผลดังกล่าว
คำว่าใกล้ ไม่ใช่แค่คำที่ให้กำลังใจ แสงสว่างจากไฟฉายที่ส่องไป คิมเห็นบ้านไม้ที่ค่อนไปทางเก่า บริเวณโดยรอบทั้งมืดและเงียบมาก แสดงว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เลยในบริเวณโดยรอบ
ผลั่ก!! แต่ในวินาทีนั้นเอง คิมที่ไม่ทันระวัง เธอลื่นไถลขาข้างหนึ่งตกลงไปในหลุมที่เธอไม่รู้ว่ามันมีอยู่ แต่ช่างโชคดีที่เลียมไม่ได้ปล่อยมือจากเธอ เขากระชับจับเธอไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะตกลงไป
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เลียมถามกลับพร้อมสำรวจเรือนกายที่ยืนนิ่ง หลังจากที่เขาดึงเธอให้กลับมายืนได้อีกครั้ง
คิมส่ายหน้า แต่เธอรู้สึกว่าผ้าปิดแผลกันเลือดจะกักเลือดที่แผลฉีกเปิดไว้ไม่อยู่แล้ว
“แผลน่าจะปริ” คิมตอบกลับสั้นๆ เลียมไม่สนใจหลุมกับดักสัตว์ เขาก้มหยิบไฟฉายที่ปล่อยทิ้งไปเมื่อครู่ขึ้นมา ส่องไปที่ไหล่บาง
“น่าจะใช่ เข้าไปในบ้านก่อน” เขาคว้าข้อมือบางและพาเธอเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านนายพรานเร็วขึ้น
“ระวังตัว” เลียมเอ่ยเตือนเสียงเบา เมื่อพ้นชายป่า เขาเก็บไฟฉาย เพราะอย่างไรพวกเขาก็ต้องระวังตัว คิมล้วงปืนพกของตัวเองออกมา รวมถึงเลียมด้วยที่ดึงอาวุธของตัวเองออกมาเช่นกัน และทั้งสองค่อยๆ เดิน ไปยังทิศทางประตูบ้าน
สัณชาติญาณบอกทั้งสองว่าที่นี่ไม่มีสิ่งผิดปกติ พวกเขาจึงเก็บอาวุธ และตามคาดที่นี่ไม่มีเจ้าของที่แน่นอนคงมีไว้สำหรับผู้ผ่านทางที่มาพบจริงๆ ประตูจึงไม่ได้ล็อก
พื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ไร้ไฟฟ้าแต่มีปล่องไฟ เลียมเข้าไปจัดการในทันที คิมที่เสียเลือดมาก เธออ่อนเพลียไม่น้อย เมื่อมีแสงสว่างเธอจึงนั่งลงใกล้ๆ ปล่องไฟ รับไออุ่นจากเปลวไฟ
เลียมหยิบผ้านวมในเป้ออกมาปูให้เธอ “จัดการกับแผลก่อน” เขาให้เธอมานั่งบนผ้านวม ทั้งสองนั่งเผชิญหน้า เขาปลดเชือกคล้องแขนเธอออก
อ๊ะ! แต่คิมจับมือเขาทันทีเมื่อเขากำลังจะปลดเสื้อแจ็คเก็ตหนังของเธอออกเช่นกัน
“ไม่ถอดแล้วจะดูแผลยังไง”
คิมเม้มปากแน่น และค่อยๆ ผ่อนมือออกอย่างจำยอม “มีส่วนไหนของร่างกายคิมที่ยังรอดจากฉันอีก หืม?”
แม้จะเป็นความจริงแต่ก็เป็นเวลาที่ผ่านมานานแล้ว ตอนนั้นเธอยังไม่โตเต็มวัยขนาดนี้ และความเป็นจริงที่ผ่านมาแล้วนั้นก็ไม่ได้เป็นประสบการณ์ที่สวยงามนัก
เลียมยกยิ้มมุมปากพร้อมแววตากรุ้มกริ่ม เสื้อแจ็คเก็ตตัวนอกถูกวางไว้ข้างๆ เสื้อยืดสีเดียวกันเปียกชุ่ม แค่วกกก...เสื้อยืดที่ชื้นไปด้วยเหงื่อและเลือดสดๆ ถูกเลียมฉีกขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย
เผยผิวเนียนสีน้ำผึ้งสะท้อนกับแสงของเปลวไฟในปล่องไฟ ความอวบอูมของเต้าเต่งไม่ได้ทำให้เลียมเปลี่ยนสีหน้าและแววตาลงเลยสักนิด สายตาเขาเพ่งไปที่แผล
“แผลฉีกจริงๆ ด้วย” เขาเปรยออกมา และหันมาสบตากับเธอ
“อดทนต่อความเจ็บปวดได้มากแค่ไหน”
“หมายความว่าไง” คิมถามกลับทันที
“สัญญาเลยว่า ฉันต้องชดเชยให้กับเธออย่างเต็มที่คิม...” ผลั่ก! สิ้นเสียงเลียมก็ซัดให้คิมสลบไปทันที เขาจับเธอนอนลง และจัดการเย็บแผลให้เธอทันที ตอนที่เขาบาดเจ็บแม้จะสาหัสแต่เครื่องมือแพทย์และยาต่างๆ พร้อมสรรพ ซึ่งเธอไม่โชคดีแบบนั้น
ในกล่องปฐมพยาบาลไม่มียาชา วันนี้คิมได้รับบทเรียนมามากพอแล้ว การเย็บแผลสดๆ ไร้ยาชามันทารุณเธอมากเกินไป
ผลั่ก! เลียมโยนผ้าขนหนูที่ไม่สะอาดแล้วทิ้งไป เมื่อเช็ดตัวให้คิมจนหมดจด และคราวนี้ก็เป็นเวลารื่นรมย์
ปลายนิ้วหยาบกระด้างไล้ไปเนินเต้าทั้งสอง แวะเวียนมาสะกิดหยอกล้อยอดปทุมถัน จนมันชูชันแดงระเรื่อ