เผลอริมฝีปากออกมาเพียงเท่านั้น ก็ถูกเขาประกบ
“อุ๊ย!”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พี่คุยกับหัวหน้าแล้ว วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไรไม่ใช่เหรอ”
“หน้าใหญ่จังนะคะ”
“ทำไมพูดงั้นล่ะ”
“ก็มันจริงไหมล่ะ มายุ่งกับหนูทำไม เอาเรื่องของตัวเองกับพี่ใหญ่ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าไหม”
“ก็จะคุยเรื่องนี้แหละ” สีหน้าของแทนเคร่งเครียด
หญิงสาวนิ่งคิด สุดท้ายก็ยินยอมขึ้นรถไปกับแทนจนได้ เพราะเธอยังอยากจะคุยกับเขาเรื่องของพี่สาว ที่เริ่มเห็นชัดว่า ท้องกำลังโต
วลีวาดอาจจะแสดงออกว่าเปลี่ยนแปลงตัวเสียใหม่แล้ว การงานของเธอที่เพิ่งเริ่มต้นก็ดูจะไปได้ดี แต่ลึก ๆ วาดวลีแอบเห็นพี่สาวมีอาการเศร้าสร้อยเหมือนกัน
แม่เองก็ต้องการคำตอบโดยเร็ว เพราะไม่ได้ต้องการให้ลูกสาวท้องโตโดยไม่มีพ่อ อย่างน้อยที่สุดควรจะได้แต่งงานแต่งการให้เรียบร้อย
ความเคร่งเครียดไมได้มีเฉพาะกับวลีวาดเพียงคนเดียว วาดวลีเองก็พลอยเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย
“พี่คุยได้เลย รีบ ๆ ด้วย”
“แหม เพิ่งขึ้นรถมาเอง จะรีบร้อนไปไหน หาอะไรทานกันก่อน ใจเย็น ๆ”
“พี่ทำให้ครอบครัวของหนูเดือดร้อน”
“พี่เข้าใจ แต่ก็ต้องคุยกันก่อน” แทนพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง เวลานี้...เขาไม่สู้มั่นใจนักหรอกว่า มันจะเป็นไปอย่างที่ใคร ๆ คาดคิด
เขายังรักวลีวาด เพียงแต่ต้องขอเวลา เพราะสถานการณ์ในชีวิตของตัวเขาเองยังไม่สู้ดีมากนัก
เมื่อไม่มีเงิน เขาจึงคิดว่าสู้นิ่งเฉยดีกว่า
เพราะขืนเข้าไปสู้หน้าพ่อแม่ของวลีวาด รังแต่จะถูกคาดคั้นให้เคร่งเครียดเสียเปล่า ๆ
“ทำไมไม่ไปคุยกับพี่ใหญ่”
“เราคุยกันอยู่”
แทนตอบพลางเบาเครื่องลง และเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารเล็ก ๆ ที่หมายตาเอาไว้แต่แรก
“คุยกัน”
“ครับผม คุยกันอยู่ มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ว่าเราคุยกัน”
“ไม่เห็นไปบ้านเลย” เสียงอ่อนลง
“อยากเห็นหน้าพี่เหรอ”
“บ้า ไม่ใช่หนูซักหน่อย พี่ใหญ่โน่น”
วาดวลีหน้าแดงขึ้นมาเอง หัวใจพลันเต้นรัวขึ้นมาเอง นั่นเป็นเพราะแววตาของเขา เพียงแค่หันมาสบเพียงนิดเดียวเท่านั้น ก็ให้อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้เสียทุกครั้ง นี่คือผู้ชายที่หล่อนรู้สึกพึงใจหรือชิงชังตั้งแต่แรกเห็นหรือไม่ แม้แต่ในความคิดของหล่อนเองก็ยังไม่อาจตอบได้อย่างจริงจัง
และที่แน่ ๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายของหล่อน แต่เป็นของพี่สาวของหล่อนต่างหาก!
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว วาดวลีรู้สึกชังตัวเอง หล่อนไม่น่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาจนมากเกินไป
มันกลายเป็นบทเรียนราคาแพง โดยเฉพาะเมื่อตัวหล่อนเองไม่สามารถหักห้ามหัวใจไม่ให้หวามไหว
“ทานข้าวเสร็จก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
เขาตัดบทดื้อ ๆ แล้วเปิดประตูก้าวออกจากรถ
วาดวลีจำเป็นต้องก้าวตามออกไป
“พี่เลี้ยงเอง”
แทนว่า ท่าทางเหมือนกุมชัยชนะบางอย่างเอาไว้
แม้ว่าไม่อยากจะคุย ไม่อยากจะสบตากับเขาดี ๆ นัก ทว่าส่วนลึกของวาดวลีกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
ไม่เคยมีสักครั้งที่จะมีชายหนุ่มนั่งทานข้าวกับหล่อน นี่คืออารมณ์ของคนมีแฟนชัด ๆ แต่ก็ต้องคอยเตือนตัวเองว่าเป็นไปไม่ได้เหมือนเดิม เพราะภาพของวลีวาดผุดขึ้นมาเตือนอยู่เนือง ๆ
หลังทานแล้ว ระหว่างทางนั่งรถกลับออฟฟิศต่างหากล่ะที่มีปัญหา
เพราะแทนจอดรถ ชิดข้างทาง และก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดอะไรออกมา เขาก็คว้าร่างของหล่อนเข้าหา