ตอนที่1

3142 คำ
    กวิสรายืนสอบถามอาการของคุณแม่ลูกแฝดที่สภาพร่างกายตอนนี้เรียกได้ว่าแข็งแรงพอที่จะกลับไปพักที่บ้านต่อได้แล้ว เมื่อเหลือบมองไปเห็นคนที่สาละวนเลี้ยงหลานแฝดที่ตอนนี้เหมือนจะงอแงส่งเสียงร้องขึ้นมาพร้อมกันเรียวปากสีชมพูเรื่อก็อดยิ้มขำออกมาไม่ได้ไหนจะอุ้มคนพี่ ไหนมืออีกข้างจะประคองขวดนมเล็กใส่ปากคนน้อง "โอ๋ๆไม่ร้องๆนะคะหลานป้าหิวนมใช่ไหมคะ หือ กินนมปั้มไปก่อนนะลูกคุณแม่ยังตรวจไม่เสร็จเลยค่ะ  โอ๋ๆน้องรินคนเก่งก็หิวเหมือนกันเหรอคะอ่ะๆ นี่ค่ะอร่อยมั้ยคะ หืม ดูดใหญ่เลยนะเรา" ปัณสิตานั่งอุ้มหลานตัวน้อยที่คลอดออกมาได้ห้าวันนี้ เวลาที่เจ้าตัวเล็กเกิดงอแงขึ้นมาพร้อมกันแบบนี้ก็เล่นเอาวุ่นวายดีเหมือนกัน ตอนนี้ณัฐวรินทร์ป่ะป๊าของหนูน้อยลงไปซื้อของจำเป็นบางอย่าง จึงกลายเป็นเธอที่คอยนั่งเฝ้าหลานสาวฝาแฝดที่ตอนนั้นหลับอยู่ แต่พอคนเป็นป่ะป๊าหายไปยังไม่ถึงสิบนาทีดีหลานสาวคนโตก็ร้องขึ้นมาเลย เหมือนพากันส่งสัญญาณหากันหรือยังไงไม่รู้พอคนพี่ตื่นคนน้องก็ตื่นตามกันมาติดๆพอได้ทานนมแล้วก็พากันเงียบเชียวนะ "ปากเล็กๆพุงน้อยๆนี่กินเก่งไม่เบาเลยนะเนี่ยดูสิจะหมดขวดกันแล้ว หลานป้าคงจะโตวันโตคืน รีบโตกันนะเดี๋ยวป้าปัณจะพาไปเที่ยว" คุณป้าคนสวยยังพูดคุยกับหลานไปด้วย ไอ้อาการเห่อหลานนี่ไม่แพ้ผู้ให้กำเนิดตัวจริงเลย นี่ถ้าย้ายมาอยู่ใกล้ๆกันก็คงจะได้ขลุกอยู่กับเจ้าตัวน้อยนี่ทุกวันแน่ๆ กวิสราเมื่อตรวจร่างกายทั่วไปของปรายฟ้าเสร็จเรียบร้อยก็เอ่ยบอกคุณแม่ลูกแฝด "ร่างกายน้องปรายฟื้นตัวเร็วเหมือนกันนะ แผลคลอดก็ไม่มีอาการอักเสบอะไรแล้ว ถ้าจะกลับไปพักต่อที่บ้านก็กลับพรุ่งนี้ได้เลยนะคะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงรอแค่แผลหายสนิทเท่านั้นเอง" "ค่ะพี่หมอ นอนหลายวันชักจะสงสารพี่ณัฐที่มาเฝ้าปรายต้องหอบงานมาทำที่นี่แทนบริษัทไปแล้ว" "ค่ะถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะได้เซ็นต์เอกสารไว้ให้ ไว้ถ้าว่างเดี๋ยวพี่จะชวนหมอวิเข้าไปเยี่ยมที่บ้านนะคะ" "ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะพี่หมอว่างเมื่อไหร่ก็เข้าไปนะคะ " "จ๊ะงั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะจะได้ไปตรวจคนไข้ต่อ" "ขอบคุณค่ะพี่หมอ"กวิสรายิ้มให้คุณแม่คนสวยก่อนจะเดินออกไปแต่ก็ต้องเหลียวไปมองคนที่กำลังเลี้ยงหลานอยู่เมื่ออีกฝ่ายเรียกเธอ "คุณหมอจะไปแล้วเหรอคะ" ปัณสิตาที่ยังอุ้มหลานตัวน้อยอยู่ก็เอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นคุณหมอเป้าหมายอนาคตแม่ของลูกเดินออกมาจากเตียงน้องสาว "ค่ะ คุณปัณมีอะไรหรือเปล่าคะ?" กวิสราหยุดถามคนที่ส่งยิ้มหวานหยดมาให้เธอ "คิดถึงค่ะ แล้วปัณจะหาเวลานัดคุณหมอตรวจภายในกันนะคะ" "อ่ะ เอ่อคุณปัณว่าอะไรนะคะตะกี้?" ฮึๆเสียงหัวเราะขำมีเลศนัยแฝงของสาวสวยทำให้คุณหมอยิ่งขมวดคิ้วสวยเข้าหากัน เธอเกือบจะเขินกับคำว่าคิดถึงของอีกคนแล้วล่ะถ้าไม่ได้ยินคนสวยแสนห่ามชวนเธอไปตรวจภายใน ไม่ใช่จะมาให้เธอตรวจอย่างที่คนไข้ทั่วไปทำกัน "ปัณบอกว่าคิดถึงหมอ และจะชวนหมอตรวจภายในค่ะ ก็ปกติสาวโสดอายุสามสิบที่ยังไม่เคยมีสามีเขาต้องตรวจกันไม่ใช่เหรอคะ" นั่นไงพูดยังไงก็ตีความหมายว่าอีกฝ่ายชวนเธอไปตรวจ ไม่ใช่มาให้เธอตรวจ โอ๊ย กวิสราเธอจะเอาตัวรอดจากคนแสนห่ามแบบนี้ไปได้ไหมเนี่ย ก็พอจะดูออกอยู่หรอกว่าอีกคนน่ะพูดจีบเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากัน แต่ไม่คิดว่าหายไปสี่วันกลับมาก็ยังมารุกต่ออีกไม่รู้ว่าแค่เล่นหรือเจ้าตัวคิดอะไรกันอยู่  "ถ้าหากคุณปัณสนใจจะตรวจจริงๆก็มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ หมอขอตัวก่อนนะคะ" ด้วยมารยาทแล้วแม้อีกฝ่ายจะพูดจากับเธอในทางไหน เธอก็ยังต้องตอบออกไปตามหน้าที่ของหมอนั่นแหล่ะ "ค่ะ ไว้ปัณจะมารับหมอไปทานข้าวด้วยกันนะคะ" คำพูดจริงจังที่อีกคนเอ่ยบอกก็ทำเอาคุณหมอคนสวยอดที่จะหันไปส่งยิ้มให้ไม่ได้ เอาจริงเหรอนี่ "ถ้าคุณปัณมาจริงและก็ถ้าหมอว่างไปด้วยนะคะ" ก็ลองดูเธอก็อยากจะรู้ว่าอีกคนจะพูดจริงหรือเปล่า ถ้ากล้ามาเธอก็คงต้องคิดหาวิธีรับมือสาวสวยคนนี้เอาไว้บ้างแล้วล่ะ ถ้าจะเล่นรุกกันหนักขนาดนี้ก็ชักจะกลัวใจอยู่เหมือนกัน    ร่างสูงเพรียวของสาวสวยหน้าตาดีบวกกับบุคลิกที่ดูสง่ามาดมั่นสะดุดตาซึ่งกำลังเดินคุยกันมากับผู้ชายสูงวัยเรียกสายตาคนที่มาใช้บริการในธนาคารแห่งนี้หันไปมองอย่างสนใจ "ปัณขอบคุณมากนะคะคุณวุฑที่อยู่ช่วยเทรนแล้วก็ช่วยวางงานไว้ให้อย่างเป็นระบบแบบนี้ "ปัณสิตาเอ่ยขอบคุณผู้จัดการอาวุโสที่มาช่วยดูแลสาขานี้ชั่วคราวขณะที่พากันเดินออกมาจากห้องประชุม เธอเพิ่งมารับตำแหน่งผู้จัดการสาขานี้อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง และได้คฑาวุฑผู้ใหญ่ใจดีท่านนี้คอยเทรนงานและแจกแจงรายละเอียดงานส่วนที่เธอต้องสานต่อจากที่เขาได้ทำไว้ "ไม่เป็นไรครับ ช่วยๆกันมันก็เป็นหน้าที่พี่เลี้ยงอย่างผมที่ต้องคอยเทรนงานรุ่นน้องอยู่แล้ว ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับคุณปัณอีกครั้งนะครับกับการเลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้ สวยเก่งสมกับที่เป็นมือขวาของคุณนิธิจริงๆ" คฑาวุฑกล่าวชื่นชมหญิงสาวเกือบจะรุ่นลูกเขาเลยทีเดียว เขาเคยเจอกับปัณสิตาหลายครั้งเวลาที่สาวสวยคนนี้ต้องติดตามหัวหน้าอย่างนิธิเข้าประชุมกับสำนักงานใหญ่ ก็พอจะได้คุยทักทายกันมาบ้างก่อนหน้านี้  เท่าที่รู้หญิงสาวรุ่นลูกคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่เธอมีความสามารถแถมยังเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างน่าทึ่งอย่างมาก ปัณสิตาทั้งทำงานเก่งและเป็นนักลงทุนที่มีมูลค่าทรัพย์สินเยอะจนไม่น่าเชื่อสำหรับผู้หญิงอายุเท่านี้ "คุณวุฑก็ชมเกินไปค่ะปัณก็เป็นมนุษย์เดินดินกินเงินเดือนเหมือนกันนั่นแหล่ะ" สาวสวยยังเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี "ไม่ชมได้ยังไงครับขนาดผมแก่จนจะเกษียณอีกไม่กี่ปียังมีทรัพย์สินไม่ได้ครึ่งคุณเลย นี่ถ้าผมมีลูกชายนะจะให้รีบมาจีบคุณปัณเอามาเป็นลูกสะใภ้เลยสวยแถมยังหาเงินเก่งแบบนี้ใครได้ไปเป็นคู่ชีวิตคงโชคดีน่าดู" คฑาวุฑเอ่ยเย้าสาวรุ่นลูกด้วยรอยยิ้มเอ็นดูและชื่นชมอีกคนอย่างจริงใจ "ฮ่าๆต่อให้คุณวุฑมีลูกชายมาจีบจริงก็คงไม่ทันแล้วละคะ ตอนนี้ปัณหัวใจไม่ว่างแล้วค่ะ" สาวสวยบอกกับผู้ใหญ่ที่เธอออกจะนับถือเขาและชื่นชมในการทำงานพอๆกับหัวหน้าคนเดิมอย่างนิธิด้วยรอยยิ้มกริ่มมีเลศนัย "แหมน่าอิจฉาคนๆนั้นนะครับเนี่ยได้คนแบบคุณปัณไปนี่เหมือนได้มือเทรดของประเทศไปเลยฮ่าๆ" คำพูดแซวเล่นของผู้ใหญ่ก็ทำให้ปัณสิตาอดยิ้มขำไปด้วยไม่ได้คนที่ทำงานมักจะชอบตั้งฉายาให้เธอว่ามือเทรด เธอก็แค่ชอบอะไรที่ท้าทายและได้เงินแค่นั้นเอง  ปัณสิตาเลิกงานแล้วก็ตรงดิ่งกลับที่พักที่ตอนนี้เธอได้ย้ายเข้ามาอยู่คอนโดของน้องเขยหน้าคมอย่างณัฐวรินทร์แล้วเรียบร้อย และมันก็ค่อนข้างจะสะดวกและใกล้ที่ทำงานแถมยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดใช้บริการได้ไม่นานนี่ด้วย เธอเลยหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าแทนการขับรถไปทำงานซึ่งใช้เวลาเพียงสิบนาทีในการเดินทางเท่านั้น พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเดี๋ยวแวะไปดูที่ดินที่ซื้อทิ้งไว้สักหน่อยก็ดี สงสัยคงจะได้ลงมือทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจังแล้วละมั้ง คนหน้าหวานตาคมอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง เธอซื้อที่ดินเปล่าทิ้งไว้แปลงหนึ่งเมื่อสี่ปีก่อนทำเลมันก็บังเอิญอยู่ในโซนนี้นั่นล่ะตอนนั้นเธอกับน้องสาวนั่งรถไปหาร้านอาหารทานกันแล้วบังเอิญที่ดินแปลงนั้นติดป้ายประกาศขายพอดี ที่ดินเนื้อที่ไร่เศษที่อยู่ริมถนนใกล้กับโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่ง แน่นอนทำเลมันถูกใจเธอถึงขนาดจดเอาเบอร์โทรและสืบหาเจ้าของที่จนเจอและพอเช็คข้อมูลจริงๆกลายเป็นว่าที่แปลงนี้กำลังจะถูกยึดจากนายทุนเนื่องจากเอาไปจำนองไว้แล้วมีปัญหาเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ เธอจึงจัดการต่อรองกับเจ้าของที่ในราคาที่พอรับกันได้ทั้งสองฝ่ายและสุดท้ายที่ดินแปลงนั้นก็ตกมาอยู่ในมือเธอ ซึ่งตอนนั้นโครงการบ้านจัดสรรใกล้ๆยังไม่ขึ้นโครงการด้วยซ้ำ ตอนนี้ที่ของเธอเลยกลายเป็นที่ดินเปล่าติดถนนแปลงเดียวที่มีคนสนใจมาเสนอราคาซื้อไปหลายราย แต่เธอก็ไม่ยอมขายจนกระทั่งตอนนี้ **** ที่โต๊ะอาหารในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเกียรติรัตนกุลที่ตอนนี้กำลังนั่งทานอาหารมื้อค่ำอย่างพร้อมหน้า ซึ่งไม่ได้มีแบบนี้ทุกวันส่วนมากก็จะเป็นลูกสาวอย่างกวิสราที่เวลาในการทำงานมักจะเลิกไม่เป็นเวลาซึ่งตรงนี้ทุกคนในครอบครัวรู้กันดีโดยเฉพาะคนเป็นพ่ออย่างกิติภพที่เคยเป็นหมอมาจนอายุห้าสิบกว่าจึงได้ตัดสินใจออกมาอยู่บ้านช่วยธุรกิจของครอบครัวฝั่งภรรยา "แก้มพรุ่งนี้วันเสาร์ทำงานหรือเปล่าลูก" กรนิกาเอ่ยถามลูกสาวคนโต "พรุ่งนี้แก้มยังเข้าเวรอีกวันค่ะหยุดวันอาทิตย์สลับกันกับหมอภา คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ" "แม่ว่าจะชวนไปทำบุญกันที่วัดนั่นล่ะไม่มีอะไรหรอก แล้วตากริชล่ะลูกมีธุระไปไหนหรือเปล่าวันหยุดนี้" คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายขึ้นมาบ้างกฤษณะที่อายุห่างกันกับกวิสราสองปีกว่าตอนนี้ทำงานที่บริษัทกับบรรดาพี่ๆน้องๆในบริษัทของครอบครัวเธอเอง ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างและออกแบบตกแต่งภายในครบวงจร ครอบครัวเธอมีลูกสาวลูกชายที่เหมือนจะเรียนมาได้อย่างที่พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกๆเป็น นั่นคืออีกคนเป็นหมอ อีกคนก็จบวิศวะ "พรุ่งนี้ผมก็ว่าจะเข้าไปดูที่ไซต์งานที่กำลังขึ้นคอนโดอยู่น่ะครับคุณแม่ ไว้วันอาทิตย์หยุดพร้อมพี่แก้มเราค่อยไปทำบุญกันก็ได้ครับ" "จ๊ะ ถ้าอย่างนั้นแม่จะได้เตรียมของไว้ไปทำบุญและอาหารที่จะไปถวายเพลพระท่านด้วย ไม่ได้ไปเป็นเดือนแล้วจะได้ไปทำความสะอาดที่เก็บกระดูกคุณตาคุณยายด้วย"  วัดที่ครอบครัวจะไปกันก็คือวัดที่ใช้เก็บกระดูกหรืออัฐิของญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้วนั่นเอง ซึ่งหากถ้ามีเวลาว่างพร้อมกันทั้งครอบครัวก็จะไปทำบุญกันเป็นประจำ เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ขับรถเพียงยี่สิบนาทีก็ถึง "แล้วงานที่โรงพยาบาลเป็นยังไงบ้างล่ะลูกคนไข้ยังเยอะเหมือนเดิมน่ะสิ" กิติภพเอ่ยถึงที่ทำงานเก่าของตัวเองสมัยที่ยังเป็นหมอและอาจารย์หมออยู่ที่นั่นตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงพยาบาลใหม่ๆ ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกับหมออธิวัฒน์พอจบแพทย์มาพร้อมกันหลังใช้ทุนเสร็จเขาก็ถูกเพื่อนชวนมาทำงานที่โรงพยาบาลของครอบครัวที่เปิดใหม่เป็นแห่งที่สอง แต่ใช้ชื่อต่างจากโรงพยาบาลแรกที่เป็นของครอบครัวฝ่ายภรรยาบริหารกันอยู่ "ถ้าเป็นแผนกของแก้มก็ถือว่าไม่ได้เยอะมากค่ะคุณพ่อ ก็พอรับมือกันไหว แต่แผนกทั่วไปก็อย่างที่คุณพ่อเคยเห็นนั่นละคะบางทีแก้มก็มีเข้าไปช่วยตรวจบ้างเหมือนกัน" กวิสราเล่าถึงสภาพการทำงานของตัวเองด้วยรอยยิ้มเหมือนการเป็นหมอมันอยู่ในสายเลือดยังงั้นล่ะ ถึงบางวันจะมีคนไข้เยอะให้ทำการตรวจรักษาเหนื่อยบ้างแต่ก็มีความสุขที่ได้ช่วยให้เขาเหล่านั้นหายจากโรคภัยที่เป็นอยู่ "ป่านนี้เจ้าวัฒมันก็คงจะหัวหมุนอยู่กับนักศึกษาแพทย์เหมือนเดิมสินะหึหึ พ่อลาออกมาแบบนี้ก็เท่ากับมันทำงานเป็นอาจารย์หมอใหญ่คนเดียว" กิติภพเอ่ยถึงเพื่อนรักเจ้าของโรงพยาบาลที่บางวันก็มีโทรมาพูดคุยปรึกษากันแถมยังมีการบ่นว่าให้เขาว่าทิ้งเพื่อนให้เหนื่อยกว่าเดิมอีก "ลุงหมอก็เหนื่อยเหมือนเดิมนั่นละคะ แต่ตอนนี้ก็ได้พี่หมอกฤษแฟนยัยวิขึ้นไปช่วยสอนอีกคนส่วนงานบริหารก็มีหมอนนท์กับยัยวิช่วยแบ่งเบากันไปค่ะ อ่อคุณพ่อคุณแม่แก้มลืมบอก น้องณัฐที่แก้มบอกว่าแฟนเขาท้องแฝดตอนนี้คลอดแล้วนะคะเมื่อต้นเดือนนี่เองแก้มเป็นคนทำคลอดเองหน้าตาน่าชังมากๆเลยค่ะ" "เหรอลูก เด็กแฝดผู้หญิงคงจะน่ารักน่าชังจริงนั่นล่ะ" กรนิกาก็อดที่จะยินดีตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้เพราะถึงณัฐวรินทร์จะไม่ได้สนิทกับครอบครัวเธอมากเหมือนกับครอบครัวของหมอวิที่รุ่นพ่อกับรุ่นลูกสาวต่างก็เป็นเพื่อนกัน ก็ถือว่ารู้จักกันบ้างพอสมควร "อืม หนูณัฐนี่เชื้อดีจริงฮ่าๆ" กิติภพพูดถึงหญิงสาวหลานของเพื่อนรักที่บังเอิญเกิดมาแล้วมีความพิเศษไม่เหมือนสาวๆทั่วไป นั่นก็คือมียีนส์เพศชายในตัวแม้กระทั่งสารคัดหลั่งหรือน้ำรักที่เหมือนน้ำอสุจิของเพศชาย ซึ่งเรื่องนี้เขากับเพื่อนเคยหาข้อมูลจากหลายอย่างและความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา ก็ยังไม่มีเหตุผลไหนมายืนยันถึงสิ่งที่ทำให้ณัฐวรินทร์เป็นแบบนี้ได้ มีแค่เพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าคงเกิดจากการแบ่งตัวหรือผลิตเซลล์ตั้งแต่ตอนกำเนิดในครรภ์นั่นล่ะ "ใช่ค่ะคุณพ่อคุณแม่ แล้วดูครอบครัวของน้องณัฐกับน้องปรายก็ออกจะเห่อหลานแฝดเอามากๆนี่แก้มก็ชวนยัยวิอยู่ว่าวันไหนว่างจะเข้าไปเยี่ยมดูหน้าหลานๆที่ตอนนี้ก็ครบเดือนเจ้าตัวเล็กคงจะมองเห็นชัดขึ้นแล้ว" กวิสราพูดถึงเด็กน้อยฝาแฝดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ให้คนทั้งสามที่ได้ฟังอดที่จะยิ้มตามไม่ได้แต่ลึกๆในใจก็ให้นึกสงสารคุณหมอที่เคยเกือบจะได้หมั้นหมายแต่งงานมีครอบครัวไปตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนนี้ แต่ก็มีเหตุให้ทุกอย่างยุติจบลงแบบไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ กวิสราเคยคบหากับแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่เคยเรียนมหาลัยด้วยกันถึงสามปี แต่สุดท้ายฝ่ายชายพลาดไปทำผู้หญิงที่แอบไปมีความสัมพันธ์กันท้องโดยที่หมอแก้มไม่รู้ จนกระทั่งฝ่ายหญิงคนนั้นที่ก็เคยเป็นนักศึกษารุ่นน้องต่างคณะมาเจอและบอกเล่าความจริงให้หมอแก้มฟัง เพราะผู้ชายไม่คิดจะรับผิดชอบแถมยังบอกให้อีกคนไปเอาเด็กออก ซึ่งสิ่งที่ได้รับรู้ยิ่งกว่าฟ้าถล่มลงบนหัวกวิสราในตอนนั้น ไม่เคยคิดว่าผู้ชายที่ตัวเองหลงเชื่อว่าเขาเป็นคนดีพอที่เธอจะเลือกเป็นคู่ชีวิต จะเป็นคนที่แย่ได้ขนาดนั้นนอกใจเธอแอบมีคนอื่นจนตั้งท้องไม่รับผิดชอบยังไม่พอ นี่ถึงขั้นให้อีกฝ่ายเอาเด็กออกนี่คือสิ่งที่เธอรับไม่ได้จริงๆไม่คิดว่าตัวเองจะไปหลงคบคนแบบนั้นได้ยังไงตั้งสามปี ยังถือว่าเธอโชคดีที่เรื่องนี้มันแดงขึ้นมาก่อนที่เธอจะตกลงแต่งงานกับผู้ชายใจร้ายคนนั้น เพราะเหตุนี้พ่อกับแม่ถึงไม่ค่อยพูดถึงเรื่องการมีครอบครัวของหมอแก้มอีกเลยเพราะกลัวจะไปสะกิดปมในใจเข้า ก็ได้แต่หวังว่าสักวันลูกสาวคนสวยคงจะได้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริงของตัวเอง "พูดถึงเรื่องลูกแฝดนี่ ทางการแพทย์มีวิธีสามารถทำกิ๊ฟได้จริงเหรอพี่แก้ม" กฤษณะเอ่ยถามคนเป็นพี่ขึ้นมาบ้าง เผื่ออนาคตอันใกล้ที่วางแผนจะแต่งงานในอีกสองปีข้างหน้ากับแฟนสาวที่คบหากันมากว่าห้าปีแล้ว เขาจะได้ทำบ้างมีครั้งเดียวคนรักจะได้ไม่ต้องทรมานเจ็บคลอดหลายครั้ง "อืมก็ถือว่าช่วยได้ระดับหนึ่งนะไม่ใช่ว่าจะได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง สุขภาพร่างกายของคนที่จะเป็นแม่และก็ที่สำคัญน้ำเชื้อกับไข่ที่จะมาผสมกันด้วยหลายๆคนที่มาปรึกษาส่วนมากก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ถามแบบนี้จะทำบ้างหรือไงเรา" กวิสราเอ่ยแซวน้องชายด้วยสายตาล้อเลียน ก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างของคนเป็นน้อง "อืมก็น่าสนใจนี่ครับถ้าทำได้ก็ดีแฟนผมจะได้เจ็บครั้งเดียวเพราะคิดไว้ว่าจะมีสักสองคนพอไม่มากไม่น้อยกำลังดีเหมือนเราสองคนฮ่าๆ" สองพี่น้องหัวเราะออกมาให้คนเป็นพ่อแม่ได้อมยิ้มตาม สำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้วสิ่งที่หวังก็คงอยากให้ลูกๆมีคนรักที่ดีและมีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนอย่างครอบครัวพวกเขาในตอนนี้นั่นแหล่ะนะ *****
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม