ตอนที่1 นางซวยแล้ว

2538 คำ
บทที่ 1 นางซวยแล้ว! กล่าวเช่นนี้เพราะนิสัยเดิมเฟิ่งเซียนฮวาเป็นคนใจร้อน โหดร้าย หยิ่งผยอง และไม่ยอมคน เรียกได้ว่าอะไรที่ว่าไม่ดีรวมอยู่ในตัวนางทั้งหมดทั้งสิ้นไม่เผื่อแผ่ผู้ใด! คำกล่าวเขย่าขวัญเช่นนี้แน่นอนเมื่อฟื้นขึ้นมาได้ที่แรกที่นางจะไปเยือนคือจวนสกุลหลิน ทว่ายามนี้หญิงสาวกลับไม่ใส่ใจคุณหนูคู่กรณีแล้วมายืนอยู่หน้าเรือนของพระสวามีที่มักจะกล่าวกับซูผิงเสมอว่ารังเกียจเขามากเพียงใดแทนเสียอย่างนั้น อีกทั้งยังใช้วิธีการวิ่งมาอย่างไม่คิดชีวิตขัดกับนิสัยที่มักจะห่วงรูปลักษณ์ของตัวเองเสมอ รวมถึงมีท่าทีร้อนอกร้อนใจจนผิดวิสัยอย่างที่ไม่เคยเป็น ซึ่งก่อนมาจบที่หน้าประตูเรือนอวิ๋นอ๋อง เฟิ่งเซียนฮวาได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเจอใบหน้าคุ้นตา “เธอ..เธอเป็นใคร ฉันยังไม่ตายเหรอ” น้ำเสียงแหบแห้งกล่าวออกมาไม่ได้ศัพท์เพราะอ่อนแรง นิ้วเรียวยกขึ้นชี้ไปยังเด็กสาวที่หน้าตาตื่นวิ่งเข้ามาดูเธอตั้งแต่เธอเริ่มขยับตัว “พระชายา พระชายาฟื้นแล้ว รีบไปตามท่านหมอมาโดยเร็ว!” ซูผิงเร่งรีบเกินกว่าจะได้ยินคำพูดราวกระซิบนั่น ระหว่างประคองร่างเล็กขึ้นมาซูผิงก็หันไปสั่งสาวใช้หน้าประตูเรือน ขณะที่ฟางเซียนยังคงสะลึมสะลือ พระชายา..? ฟางเซียนทวนคำนี้ในใจ ก่อนสิ่งน่าอัศจรรย์บางอย่างจะเกิดขึ้น เมื่อสายตาพร่ามัวมองเด็กสาวร่างกายผ่ายผอมข้างกายกำลังประคองร่างเธอขึ้นได้ถนัดตา ดวงตาดอกท้อเบิกกว้างความเจ็บปวดบริเวณศีรษะหายเป็นปลิดทิ้ง ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลเข้ามาดั่งคลื่นซัด ยามนี้เธอจำได้อย่างแม่นยำคราวหลังจากใช้ชีวิตเป็น ‘ฟางเซียน’ หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีผู้สู้ชีวิตที่ถูกกำหนดให้เกิดมายากจนและตายลงโดยไร้หลัวอย่างน่าเจ็บใจ! เพราะไม่ว่าจะทำงานครอบจักรวาลแต่เงินผ่อนจักรยานแทบไม่พอ! สิ่งโชคดีเพียงหนึ่งเดียวคือหน้าตาที่พอทำมาหากินได้ เหตุนั้นฟางเซียนจึงได้เข้ารับคัดเลือกแคสติ้งนักแสดงในบทนิยายจีนโบราณเรื่องหนึ่ง หากทุกคนคิดว่าเธอจะได้เป็นนักแสดงบทนำหรือตัวประกอบล่ะก็คิดผิดถนัด เพราะสุดท้ายเธอได้รับบทเป็นแค่สแตนด์อินเท่านั้น ดีหน่อยที่ได้รับบทสแตนด์อินของนางเอกในเรื่อง จนเธอได้เข้าฉากต่อสู้สุดหวาดเสียวต้องโหนตัวจากสลิงตีคู่มากับกระบี่ในมือ แม้ว่าตัวเธอจะหวาดกลัวความสูงเข้าสมองทว่าเงินที่ได้รับมาก่อนแล้วมันค้ำคออยู่ เพราะอย่างนั้นฟางเซียนถึงมายืนอยู่บนนั่งร้านสูงเกือบตึกสามชั้น เธอมองลงไปด้านล่างด้วยความหวาดเสียวสลับกับมองจุดสิ้นสุดของสลิงที่ถอดยาวไปไกลถึงอีกฟากหนึ่ง ระยะทางที่ไกลพอสมควรทำเอาเธอต้องฝืนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทว่ายังไม่ทันเตรียมใจดีเสียงคำสั่งก็ดังลั่นผ่านโทรโข่งขึ้นมา “แอคชั่น!!!” “แม่มึงร่วง!” คำว่าแอคชั่นมันทำเอาเธอขนลุกยันเส้นผมบนหัวและต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ น่าประหลาดใจนักที่ร่างกายเธอดันเป็นคนเอาการเอางาน สั่งแอคชั่นปุ๊บร่างกายก็กระโดดลงไปปั๊บแบบไม่ต้องสั่งแอคชั่นซ้ำสอง โดยไม่ทันคาดคิดเลยว่ามันจะพาเธอไปตาย! เพราะเมื่อฟางเซียนโดดลงไปแล้วแทนที่ร่างจะไถลไปกับเส้นสลิงร่างเล็กกลับดิ่งพสุธาลงเบื้องล่างแทน นั่นเป็นเพราะทีมงานลืมสวมตะขออีกข้างเข้ากับเอวของเธอ!! ช่วงวินาทีความเป็นความตาย เธอก่นด่าทั้งทีมงานที่ละเลยหน้าที่ ทั้งครอบครัวที่ถอดทิ้งเธอ ทั้งชีวิตอันบัดซบ รวมไปถึงด่าเสียเทเสียโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแหล่ สบถคำหยาบคายชนิดที่ว่าหากเทพเจ้าองค์ใดได้ยินคงรีบรู้สึกผิดแทบไม่ทัน! ทว่า ณ จุด ๆ นี้ไม่สนมันแล้วว่าไผเป็นไผ!! และไม่รู้ว่าเธอสบถจนเทพเจ้าต้องร้องขอชีวิตหรือไม่ เมื่อสุดท้ายตัวเธอที่ควรจะตายไปแล้วกลับลืมตาขึ้นมาในสถานที่ที่แสนคุ้นเคยพร้อมกับความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้าสู่สมองในคราวเดียว เรื่องราวในหัวช่างคลับคล้ายคลับคลากับบทละครที่สร้างมาจากนิยายที่เธอเพิ่งแสดงไปไม่มีผิดเพี้ยน! แต่บทที่ว่ากลับไม่ใช่นางเอกเนี่ยสิ! พูดให้ถูกต้องนี่คือชีวิตจริงที่ฟางเซียนเคยประสบมาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต.. น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ทะลุมิติมาเป็นนางเอกอย่างในหนังสือนิยายรักที่เคยอ่าน เธอนั้นได้ย้อนกลับมายังชาติแรกของตัวเองที่เป็นนางร้ายตัวเป้ง! ได้ยินไม่ผิดเธอเป็นนางร้ายจริง ๆ อย่างไรก็ตามหากทบทวนวีรกรรมเลวร้ายในอดีตที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำนี้ ฟางเซียน หรือ ตอนนี้นางคือเฟิ่งเซียนฮวา ก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่หากตัวของนางจะถูกตั้งบทให้เป็นนางร้ายของเรื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็นตบคนแก่ รังแกเด็ก ชอบใช้ความรุนแรง ไร้ความสามารถและสุดท้ายคือไร้สมองอย่างกู่ไม่กลับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่าไม่ดีล้วนอยู่ในตัวคนคนเดียว กล่าวได้ว่าเฟิ่งเซียนฮวาไม่มีความสามารถหรือความดีอะไรให้กล่าวขานสักอย่าง! เฟิ่งเซียนฮวานึกถึงตรงนี้..หนึ่งในความทรงจำพลันฉายชัดขึ้นมา เป็นภาพที่นางลงมือกับแม่นมของอวิ๋นอ๋องเหตุเพราะแม่นมผู้นั้นขัดใจนางอีกทั้งแสดงอาการหยิ่งผยองน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด นางลงมือไม่หนักนักทว่าเรื่องราวดันเอิกเกริกรู้เข้าถึงหูอวิ๋นอ๋องผู้เป็นพระสวามี จนอวิ๋นอ๋องมีรับสั่งกักบริเวณนางร่วมเดือนทว่ามีหรือคนอย่างเฟิ่งเซียนฮวาจะเชื่อฟัง แต่เดิมนางเกลียดชังอวิ๋นอ๋องอย่างมากเป็นเพราะว่าเขานั้นไร้อำนาจและต่ำต้อยไม่คู่ควรแก่นางผู้เป็นถึงบุตรสาวคนโตสกุลเฟิ่ง สกุลอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่มีอำนาจล้นมือ ทว่านางกลับหนีโชคชะตาไม่พ้น ได้รับหนังสือพระราชทานอภิเษกถูกส่งตัวมาแต่งให้กับเขาหรือนามเดิมคือ จ้าวอวิ๋นหยาง ที่เป็นเพียงราชโอรสของ ซุ่ยเหอกุ้ยเฟย ผู้ไม่เป็นที่โปรดปรานของจ้าวกงหยู่หวงตี้ โดยมีข่าวลือหนาหูว่าซุ่ยเหอกุ้ยเฟยเป็นสตรีมีความทะเยอทะยานสูง นางปีนขึ้นเตียงฮ่องเต้จนตั้งครรถ์และให้กำเนิดโอรส ในเวลานั้นแม้แต่ฮองเฮายังไม่สามารถมอบโอรสให้แก่ราชวงศ์ ด้วยตั้งครรถ์โอรสคราวนั้นของซุ่ยเหอที่มีตำแหน่งเดิมเพียงสนมวังหลังจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟยนับแต่นั้นมา และด้วยความสามารถเก่งกาจเป็นที่จับตามอง ทำให้อวิ๋นอ๋องถูกส่งตัวมายังหยางโจว หัวเมืองติดชายแดนที่แสนห่างไกล พร้อมได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพภาคคุมกองกำลังทหารปัจฉิม อำนาจเพียงผิวเพินนี้มองอย่างไรก็มองออกว่าจ้าวอวิ๋นอ๋องนั้นไม่ได้อยู่ในพระเนตรจ้าวกงหยู่หวงตี้แม้แต่น้อย ด้วยสาเหตุนี้เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วตั้งแต่เฟิ่งเซียนฮวาแต่งเข้าตำหนักอวิ๋นอ๋อง นางก็ได้ตั้งตัวเป็นปรปักษ์ ไม่ไว้หน้าพระสวามี ทำแต่เรื่องชวนปวดหัวภายในตำหนักอ๋องไม่เว้นวัน ครั้นมีคำสั่งจากคนที่ไม่ชอบหน้ามากที่สุด จึงทำตัวดื้อด้านแอบหนีไปด้านนอกและบังเอิญพบบุรุษทอดสะพานให้ระหว่างทาง เผอิญบุรุษผู้นั้นดันมีคู่หมายคือคุณหนูสกุลหลิน ผลลัพธ์ก็เป็นดั่งที่เห็น นั่นคือเฟิ่งเซียนฮวามีเรื่องทะเลาะตบตีจนตัวล้มหัวฟาดพื้นสลบไปนับสิบวัน.. ทบทวนมาถึงตรงนี้..เฟิ่งเซียนฮวาแทบอยากกัดลิ้นตายเสียให้ได้ เพราะนางได้ฆ่าตัวตายทางอ้อมไปแล้วอย่างไรเล่า! สาเหตุไม่ใช่เรื่องทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา แต่เป็นเพราะจ้าวอวิ๋นหยางผู้ที่นางเคยเกลียดชังนักหนาเข้ากระดูกดำดันเป็นพระเอกที่สามารถกำหนดจุดจบของนางได้ต่างหาก!! ซวย.. ซวยแล้ว ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แค่ซวย ฉิบหาย ฉิบหายแล้วต่างหาก!! เฟิ่งเซียนฮวาสบถในใจ ตากลมโตสีดำขลับกะพริบถี่ ไม่มีทางที่นางจะไม่รู้สึกผิดต่อจ้าวอวิ๋นหยาง ความผิดที่เคยกระทำเลวร้ายต่อเขากระทั่งโดยทรมานจนตายด้วยน้ำมือผู้เป็นอ๋องยังคงจำฝังใจ ด้วยกลลวงจาก เจียงเว่ยหู หลอกใช้ความโง่เขลามักใหญ่ใฝ่สูงของเฟิ่งเซียนฮวาให้คล้อยตามเลยเถิดถึงขั้นสังหารผู้คน โดยมีจ้าวอวิ๋นหยางสวามีของนางเป็นหนึ่งในนั้นด้วย! โชคดีที่นางทำไม่สำเร็จ ไม่รู้เพราะจ้าวอวิ๋นหยางเป็นแม่ทัพเก่งกาจเกินมนุษย์หรือเพราะบัพของพระเอกหรือไม่ถึงทำให้เขารอดมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ สุดท้ายความชั่วร้ายของนางก็พาจุดจบมาสู่นางและผู้ที่เคยหวังดีต่อนางล้วนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนา.. “พ..พระชายา พระชายาไม่ต้องกังวลใจ อวิ๋นอ๋อง..เอ่อ หม่อมฉันหมายถึง..” ขณะที่เฟิ่งเซียนฮวากำลังทบทวนเหตุการณ์ภายในหัว ซูผิงก็เอ่ยขึ้นเพื่อปลอบใจแต่น้ำเสียงกลับตะกุกตะกักตอนท้ายเป็นเพราะเจ้าตัวอ่อนไหวกับคำว่าอวิ๋นอ๋องอย่างมาก หากได้ยินเมื่อไหร่มักจะพาลอารมณ์ร้ายตบตีนางเมื่อนั้น ซูผิงจึงรีบเปลี่ยนประโยคทันที “พ.พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง มีหมอยาฝีมือดีที่สุดในหยางโจวรักษาพระองค์แล้ว บาดแผลได้ถูกรักษาอย่างดีที่สุดไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน่ พ..เพียงแต่มันยังไม่ประสานกันสนิทอาจมีรอยและยังระบมอยู่บ้าง..เล็กน้อย” นางพูดพลางห่อไหล่ไปด้วยคิดว่าต้องถูกทุบตีอีกครั้งแน่ ทว่าผ่านไปหลายอึดใจสิ่งที่คิดกลับไม่เกิดขึ้น แต่ได้ยินบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อหูแทน “อือ.. ช่างแผลมันเถอะ” “เพคะ” ซูผิงถึงกับยืดคอถ่างตาหันกลับมามองผู้เป็นนาย สลับกับมองผ้าโพกศีรษะด้านบน สายตาแปลกใจว่าเหตุใดพระชายาถึงไม่เขวี้ยงผ้าพันแผลบนศีรษะทิ้งแล้วตบตีนาง แต่กลับกล่าวคล้ายไม่สนใจ!? “ขอบคุณเจ้ามากที่คอยดูแลข้า” น้ำเสียงเอ่ยขึ้นละมุนนุ่มนวล กระแสความจริงใจสะท้อนออกเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ “เพค๊ะ” คราวนี้ซูผิงต้องกล่าวเสียงสูง เผลอเขยิบถอยหลังไปเล็กน้อยรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างถึงที่สุด “เจ้ากลัวข้าหรือ แน่ล่ะว่าเจ้ากลัว” เห็นเช่นนั้นสายตาที่มองซูผิงก็อ่อนลง มุมปากสวยได้รูปส่งยิ้มเอ็นดูแก่นางเป็นครั้งแรก ซูผิงขยี้ตาเสียแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรียกเสียงหัวเราะเล็ก ๆ จากเฟิ่งเซียนฮวา “นับจากนี้เจ้าไม่ต้องหวาดกลัวข้าอีกแล้ว แม้ว่าไม่อาจขอโทษสิ่งที่กระทำต่อเจ้าได้ทั้งหมด แต่ข้าจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน” “...” แม้ซูผิงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระชายา แต่คำพูดเหล่านั้นกลับสามารถเรียกน้ำหยดหนึ่งไหลลงอาบแก้มของซูผิงช้า ๆ มันทำให้เฟิ่งเซียนฮวาคล้ายจะร้องไห้ตามไปด้วย ขณะกล่าวต่อว่า “ดูจากสีหน้าอิดโรยของเจ้า คงเฝ้าข้าไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน เจ้าไปพักเถอะ แผลของข้าคงไม่สาหัสมากแล้ว ท่านหมอคงให้เทียบยาแล้วก็ไป เจ้าไม่ต้องอยู่เฝ้าข้าหรอก” “ต..แต่ว่า” “เจ้าไปเถอะ” เฟิ่งเซียนฮวาพูดขัดขณะเอนตัวลงนอน นางคิดถึงชีวิตที่ไม่ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าหรือต้องกินมาม่าประทังชีวิตทั้งเดือน การเป็นนางร้ายในตอนนี้สบายกว่าเป็นไหน ๆ เรื่องแก้ไขอดีตหน่ะทำง่ายดายจะตายไป แค่ทำตัวประหนึ่งว่าอากาศธาตุปล่อยให้ตัวละครหลักเขาแสดงกันไปก็พอแล้วไม่ใช่หรือ! ส่วนเรื่องผิดถูกหน่ะนางจะยอมรับผิดแต่โดยดีแน่นอน คิดแล้วก็ไม่น่ามีเรื่องผิดร้ายแรงอะไร หากตอนนี้นางเพิ่งล้มหัวฟาด หมายความว่านางยังอยู่ตำหนักอวิ๋นอ๋องที่เมืองหยางโจว อันเป็นเมืองที่อวิ๋นอ๋องปกครอง จ้าวอวิ๋นหยางเป็นทั้งอ๋องและแม่ทัพด้วย แม้ว่าเป็นเมืองติดชายแดนศัตรูแต่ด้วยความเก่งกาจมากความสามารถในการรบของจ้าวอวิ๋นหยาง ทำให้ไม่มีการรุกรานมาตั้งแต่เขาเริ่มมาประจำการ หมายความว่ายังไม่ทันเริ่มปฐมบทเสียด้วยซ้ำ ช่วงเวลานี้การใช้ชีวิตของนางก็แค่เป็นตัวป่วนน่าปวดหัวเท่านั้น อาจมีเรื่องทำร้ายร่างกายที่ดูร้ายแรงอยู่บ้าง แต่ไม่มีเรื่องถึงขั้นเข้าสู่เส้นทางการถูกทรมานจนตายดั่งในนิยายแน่! หึหึ คิดได้ดังนั้นรอยยิ้มน้อย ๆ ก็ผุดขึ้นมุมปากด้วยความลำพองใจ ร่างเล็กทิ้งตัวลงหวังดื่มด่ำกับการนอนที่เคยโหยหาอย่างเต็มที ทว่าเฟิ่งเซียนฮวากลับลืมเรื่องหนึ่งไปเสียสนิท และดันนึกขึ้นได้อีกครั้งเมื่อศีรษะด้านที่เป็นแผลกระแทกของแข็งบางอย่างเข้าอย่างจัง! ปึก!! “อั้กกก!!” “ป..เป็นอะไรงั้นหรือเพคะพระชายา!” ซูผิงที่กำลังก้าวเท้าออกจากประตูรีบวิ่งเข้ามาดูอาการเฟิ่งเซียนฮวาเมื่อได้ยินเสียงร้องดังลั่น เมื่อมาถึงก็พบว่าพระชายากำลังตัวสั่นคลอนอย่างรุนแรง นางขยับเข้าไปหาด้วยความกังวล ก่อนจะผงะไปเมื่อพระชายาเงยใบหน้าขึ้นมาพร้อมดวงตาแดงก่ำและน้ำตาที่กำลังไหลล้นทะลักดั่งเขื่อนแตก! “ฮึก ฮึก..ซูผิง บอกข้าให้ชื่นใจทีว่าอวิ๋นอ๋องยังไม่ได้ออกไปทำศึกที่ไหน” นางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ในใจเฟิ่งเซียนฮวาภวานาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด.. แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้างนางเสียเลย “ข..ขออภัยเพคะ หม่อมฉันไม่รู้อะไรมาก ต..แต่ว่าพักหลังมานี้กองรักษาการวุ่นวายกันมาก หม่อมฉันได้ยินทหารพูดกันว่า เป็นเพราะหานโจ่วกำลังเคลื่อนทัพเข้ามาอีกครั้ง อวิ๋นอ๋องจึงมีรับสั่งให้เตรียมกำลังพลเพื่อต้านทัพศัตรูเพคะ.. แต่หม่อมฉันคิดว่าไม่น่ามีเรื่องร้ายแรงอะไร ทุกทีก็สามารถต้านเอาไว้ได้..จึงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล แต่ว่า..พระชายาถามถึงอวิ๋นอ๋องเช่นนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่เพคะ” โอ้ม้าย.. ความหวังของนางพังครืนลงมา “อยากจะบ้าตายรายวัน ฮือ..” เฟิ่งเซียนฮวาทิ้งตัวลงนอนระคนหมดแรง หมดกำลังใจระคนตายอยาก เพราะในมือที่นางถือคือป้ายประจำตัวแม่ทัพของอวิ๋นอ๋องไม่ผิดแน่! แม้ว่านางไม่อยากจะอ่านภาษาจีนออกแต่ก็อ่านออกเต็มตาว่าชื่อ จ้าวอวิ๋นหยาง ชื่อเขาคนนั้นชัด ๆ หมดกันเวลานอนกลางวันของนาง!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม