“แต่มันร้ายและหน้าด้านมากเลยนะคะคุณน้อง คุณพี่เกลียดมันเข้าไส้เลยค่ะ คนอะไรไม่มีวัฒนธรรม ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่มีการศึกษา ไม่รู้ว่าตาพันเลือกเป็นเมียได้ยังไง”
พูดถึงลูกสะใภ้ทีไรความดันมันเหมือนจะขึ้นสูงทุกที ประภาพรรณไม่มีอะไรเทียบเทียมลูกชายของนางได้เลย ทั้งการศึกษาและฐานะ ความมีหน้ามีตาในสังคม คงเชิดหน้าชูตาให้กับลูกชายและวงศ์ตระกูลไม่ได้
“เราก็ต้องร้ายกว่า หน้าด้านกว่าสิคุคุณพี่ บ้านก็บ้านของเรา ลูกชายก็ลูกชายของเรา จะให้มันแย่งไปครองง่ายๆ ได้ยังไง เผลอๆ นะคะมันจะทำให้คุณปรีชารักและเอ็นดูมันมากขึ้นกว่าเก่า ทีนี้แหละคะคุณพี่ได้กลายเป็นหมาหัวเน่า เป็นส่วนเกินในครอบครัว ทางที่ดีนะคะ กำจัดสะใภ้นอกคอกนี้ไปดีกว่า แล้วหาสะใภ้ที่ถูกใจ ไม่มีปากมีเสียง ไม่กล้าหือกับคุณพี่ดีกว่านะคะ เชื่อคุณน้อง คุณน้องเคยเจอลูกสะใภ้ร้ายๆ แบบนี้มาก่อน คุณน้องจัดการซะมันเก็บกระเป๋าออกไปจากบ้านแทบไม่ทัน”
ราตรีร่ายยาวจนปทุมวดีเริ่มคล้อยตาม อันที่จริงนางก็ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะกำจัดประภาพรรณให้ออกไปจากชีวิตของลูกชาย นางทำแล้วเพียงแต่ว่ามันไม่สำเร็จ ลูกสะใภ้คนนี้ทั้งแสบและหน้าด้านอย่างมากมาย ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจที่ทำอะไรประภาพรรณไม่ได้
“ทำยังไงคะคุณน้อง?” ปทุมวดีให้ความสนใจทันทีที่ได้ยินคำพูดของราตรี
“ก็ไม่เห็นยากเลยค่ะ มันมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกับเราแล้ว เราก็โขกสับมันให้เต็มที่ ใช้งานมันหนักๆ ด่ากระทบกระเทียบมันเข้าไป ทำให้มันรู้ว่าคนอย่างมันไม่สมควรที่จะชูคออยู่วงสังคมชั้นสูงอย่างพวกเรา แล้วก็หาผู้หญิงให้ตาพันไว้เลยค่ะ เสียบเป็นมือที่สามไปเลย รับรองมันต้องทนไม่ได้เก็บกระเป๋าออกจากบ้านแทบไม่ทัน”
ราตรีแนะนำ ปทุมวดียิ้มกริ่มเมื่อได้ยินแผนการนี้ แต่มันติดตรงที่พันกรลูกชายของนาง หากทั้งสองทำตัวติดกันแล้วนางจะหาช่องว่างไปจัดการลูกสะใภ้ได้อย่างไร
“แต่มันติดที่ตากรนี่สิคะ ชอบทำตัวติดกับนางแสบนั่นยังกับปลิง”
“แหม...คุณพี่ขา ตากรก็ต้องไปทำงานนะคะอย่าลืม เราก็ใช้โอกาสนั้นแหละคะ จัดการมันเลย พอตากรกลับมาบ้านเราก็ทำเป็นสมานฉันท์กับมัน ตากรไม่รู้หรอกค่ะ”
“แล้วถ้ามันไปบอกตากรล่ะจะทำยังไง?” ปทุมวดียังกังวลใจไม่เลิก
“ไม่ยากเลยค่ะ ถ้าบอกเราก็แกล้งทำเป็นว่า ทดสอบการเป็นลูกสะใภ้ที่ดี อ้างโน้นอ้างนี่ไปเรื่อย ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเข้าไว้ค่ะ แล้วทุกอย่างมันก็จะอยู่ในมือของเรา” ปทุมวดีเริ่มเห็นเค้าลางของความสำเร็จแล้ว หากทำตามที่ราตรีพูด ประภาพรรณต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแน่นอน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะคุณน้อง คุณพี่จะทำตามที่คุณน้องบอก”
“ดีค่ะคุณพี่ เราเป็นแม่ของลูก ต้องมีสิทธิ์เลือกสะใภ้ ถ้าสะใภ้ที่ลูกชายเลือกให้มันไม่ดี ก็ต้องกำจัดทิ้งไป หาคนใหม่เข้ามาแทนที่ถึงจะเรียกว่าแม่ที่ดีค่ะ” ราตรีกล่าวสนับสนุน “แล้วคุณพี่มีลูกสะใภ้ที่ต้องการหรือยังคะ?”
“มีแล้วค่ะ มีในใจอยู่คนนึงคะ ชื่อบุหงา เป็นลูกสาวของคุณดวงแก้ว ถึงจะไม่ได้เป็นคุณหญิงแต่เชื้อสายเจ้าทางเหนือน่ะคะ รวย มีชาติตระกูล การศึกษาก็สูง มีชื่อเสียงในวงสังคม เลิศหรูสมกับที่จะมาเป็นสะใภ้ของคุณพี่คะ” นึกถึงว่าที่สะใภ้ในดวงใจทีไร รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของปทุมวดีทุกครั้งไป
“อ๋อ...หนูบุหงานี่เอง ดีค่ะเพียบพร้อมทุกอย่าง อย่างนี้สิคะถึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งสะใภ้ของตระกูล นรินทร์จรรยา คุณน้องเห็นด้วยค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณน้อง คุณพี่จะรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด ถ้ามันออกไปจากบ้านเมื่อไหร่ คุณพี่จะให้พระมารดน้ำมนต์ไล่เสนียดจัญไรที่มันนำเข้ามาให้ออกไปจากบ้านให้หมดเลยค่ะ แล้วจะพาสะใภ้คนใหม่เข้ามาในบ้านทันที” นางมาดมั่นว่าแผนการของนางต้องสำเร็จ หัวเราะและยิ้มล่วงหน้าอย่างมีความสุข
“คุณน้องเอาใจช่วยนะคะคุณพี่ มีอะไรปรึกษาคุณน้องได้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะคุณน้อง งานนี้ได้สนุกกันแน่คะคุณน้องขา” ทั้งสองหัวเราะเบาๆ เบนสายตามองไปยังเวทีที่เสร็จสิ้นพิธีการพอดี ศึกระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้เริ่มขึ้นแล้ว
หลังจากงานเลี้ยงฉลองงานวิวาห์เสร็จสิ้น รถตู้คันงามสมกับราคาหลายล้านก็พาคู่บ่าวสาวพร้อมด้วยปรีชาชาญและคุณหญิงปทุมวดีผู้เย่อหยิ่งกลับมายังบ้าน นรินทร์จรรยา เพื่อทำภารกิจสุดท้ายของงานวิวาห์...ส่งตัวคู่บ่าวเข้าเรือนหอ
“พ่อขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขในชีวิตคู่ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก กรเองในฐานะหัวหน้าครอบครัวต้องดูแลหนูมิวอย่างดีที่สุดนะลูก” รัฐมนตรีผู้เถรตรงให้พรลูกชายกับลูกสะใภ้
“ขอบคุณครับคุณพ่อ / ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” สองสามีภรรยาหมาดๆ พนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณ คราวนี้เป็นตาของปทุมวดีบ้าง
“ขอให้เลิกกัน เอ๊ย!!...ขอให้มีความสุขมากๆ นะลูก” ปทุมวดีอยากจะพูดว่า ขอให้เลิกกันเร็วๆ มากกว่า ดีนะที่หยุดคำพูดนั้นได้ทัน
“ขอบคุณครับคุณแม่ / ขอบคุณค่ะคุณแม่” ทั้งสองทำเช่นเดียวกับตอนที่ปรีชาชาญให้พร
“เรากลับไปพักผ่อนกันดีกว่านะ ลูกจะได้พักผ่อนบ้าง” ปรีชาชาญหันมาพูดกับภรรยาที่นั่งหน้าบึ้ง ทำตาประหลับประเหลือกใส่ลูกสะใภ้
“ยังไม่ไปหรอกค่ะคุณปรีชา วันนี้ปทุมมัวแต่รับแขกยังไม่ได้คุยกับตากรสักคำ กะว่าจะอยู่คุยกับลูกก่อนสักชั่วโมงสองชั่วโมงแล้วค่อยกลับไปที่ห้อง” ปทุมวดีทำตัวกีดกันอย่างออกนอกหน้า
“จะบ้าหรือไงคุณหญิง เอาไว้พูดคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้” ฝ่ายสามีหันมาต่อว่าภรรยาทันทีที่ได้ยินคำพูดไม่เข้าหู
“บ้าเบ้อที่ไหนคะ ก็มันจริงนี่คะปทุมยังไม่ได้พูดคุยกับลูกเรื่องการใช้ชีวิตคู่เลย ต้องอบรมสั่งสอนกันหน่อย ตากรกับมิวจะได้รู้หลักการหลังการแต่งงาน” ปทุมวดียังแถไปเรื่อย