งานวิวาห์ของลูกชายรัฐมนตรีปรีชาชาญและคุณหญิงปทุมวดี นรินทร์จรรยา จัดอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะและสมเกียรติ ภายในโรงแรมหรูใจกลางมหานคร แขกเหรื่อที่มาร่วมงานส่วนมากจะเป็นแวววงนักการเมือง รองลงมาคือสังคมชั้นสูงหรืออีกนัยหนึ่งคือ ไฮโซ และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ บรรดาเพื่อนตำรวจในสังกัด และเพื่อนๆ ร่วมก๊วนของเจ้าบ่าว ต่างกับเจ้าสาวที่ไม่มีญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสนี้เลยสักคน จะมีเพียงจันยาวีร์ น้องสาวต่างสายเลือดและสามีเท่านั้นที่มาร่วมงานในตอนเช้า
“ถ่ายรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวพร้อมครอบครัวหน่อยนะครับ”
ช่างภาพหนุ่มฝีมือเยี่ยมที่ถูกจัดจ้างมาถ่ายรูปงานแต่งงานในครั้งนี้เอ่ยบอกเจ้าบ่าวเจ้าสาวของงาน รวมทั้งบิดามารดาของฝ่ายชายที่ยืนรับแขกอยู่ตรงซุ้มดอกไม้หน้าประตูทางเข้างาน ปรีชาชาญยืนเคียงข้างกับลูกชาย ส่วนคุณหญิงปทุมวดียืนข้างๆ เจ้าสาว
“คุณแม่ยิ้มหน่อยสิคะ ทำหน้าบึ้งเหมือนก้นลิง เดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวยนะคะ” ประภาพรรณหันมากระซิบบอกแม่สามีที่ส่งสายตาเขียวปัดให้ลูกสะใภ้
“ถ้าเป็นเธอจะยิ้มออกหรือเปล่า ถ้าลูกชายแต่งงานกับคนไม่มีสกุลรุนชาติน่ะ” พูดจบก็ยิ้มสู้กล้องเมื่อช่างภาพนับถึงสาม
“ยิ้มออกค่ะ เพราะมิวสามารถ” ประภาพรรณยิ้มร่าตอบกลับไป ฉีกยิ้มให้ช่างภาพกดบันทึกภาพความประทับใจเช่นเดียวกับปทุมวดีที่ฉีกยิ้มกว้างสู้กล้อง ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะกรีดร้องให้ลั่นงานกับความขัดเคืองใจในตัวของลูกสะใภ้
“คราวนี้เจ้าสาวถ่ายรูปคู่กับแม่สามีบ้างนะครับ”
คำขอของช่างภาพเรียกใบหน้าบึ้งตึงให้กับปทุมวดีได้ในฉับพลัน ลำพังถ่ายรูปหมู่ยังฝืนใจจนแทบอาเจียน ถ่ายรูปคู่กันมิฝันร้ายไปตลอดชาติเลยหรือ แต่ทว่านางก็ปฏิเสธไม่ได้แม้ว่าจะไม่พอใจก็ตาม พันกรเจ้าบ่าวของงานกับปรีชาชาญจังเบี่ยงตัวออกห่าง ให้ปทุมวดีกับประภาพรรณถ่ายรูปคู่ร่วมกัน
“ยิ้มแบบเต็มใจหน่อยนะคะคุณแม่สามีขา ไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าหรอกค่ะ ยิ้มค่ะยิ้ม ยิ้มให้คนทั้งโลกรู้ว่ารักลูกสะใภ้คนนี้ม๊าก...มาก”
ประภาพรรณกระซิบบอกปทุมวดีที่ยืนฝืนยิ้มเพียงแค่คลี่ยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสะใภ้สุดแสบ นางรีบฉีกยิ้มเต็มใบหน้า ทำทีโอบเอวเจ้าสาวหยิกเอวบางของประภาพรรณเป็นการเอาคืน คนที่โดนหยิกสะดุ้งเล็กน้อยแต่ยังยิ้มสู้แสงแฟลช โอบเอวของแม่สามีบ้าง ส่วนปทุมวดีตอนนี้ไม่ต้องฝืนยิ้มแล้ว นางยิ้มกว้างด้วยความสมใจที่เอาคืนลูกสะใภ้ได้สำเร็จ เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
“โอเคครับ สวยมากครับ เรียบร้อยแล้วครับ”
พอสิ้นเสียงช่างภาพหนุ่มเท่านั้น ร่างที่โอบเอวกันเมื่อครู่ดีดตัวออกห่าง หุบยิ้มและเชิดใส่กันทันที มองๆ ดูแล้วแม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้จะสมานฉันท์กันมากเหลือเกิน
พอถ่ายรูปเสร็จเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เดินเข้าไปในงาน เพื่อดำเนินพิธีการบนเวทีตามกำหนดการที่ทางโรงแรมจัดตารางไว้ให้ ระหว่างที่บนเวทีกำลังชื่นมื่นอยู่นั้น ด้านล่างเวทีนั้นย่ำแย่เหลือเกิน
“คุณพี่ปทุมคะ ตั้งแต่มาถึงงานคุณน้องเดินทั่วงานไม่เห็นญาติเจ้าสาวเลยสักคน เห็นแต่พวกนักการเมือง เพื่อนของตาพัน และพวกไฮโซเพื่อนๆ ของเรา คุณน้องเลยสงสัยว่า เจ้าสาวเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่เหรอคะถึงไม่มีญาติมาร่วมงาน” คุณหญิงราตรีที่ได้ฉายาว่า คุณหญิงจุ้นจ้านแห่งวงการไฮโซเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทนความสงสัยไม่ไหว
“เชอะ...อารมณ์เสีย” ปทุมวดีทำสีหน้าขัดใจ สะบัดหน้าหนีภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังพูดถึงความรักของทั้งสอง
“สงสัยจะใช่ค่ะคุณน้อง ตั้งแต่พันแนะนำตัวมันให้คุณพี่รู้จัก คุณพี่ยังไม่เคยได้ยินมันพูดถึงพ่อกับแม่ของมันเลย พอถามตาพันก็ตัดไปพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ คุณพี่เองก็ไม่อยากซักไซ้ไล่เลียงถามมากมาย ไม่อยากจะพูดไม่อยากจะมองหน้ามันด้วยซ้ำ เห็นหน้ามันทีไร โอโซนแถวๆ นั้นมันกลายเป็นมลพิษในบัดดล” ปทุมวดีจีบปากจีบคอพูด คลี่พัดที่อยู่ในมือโบกสะบัดไปมา ค้อนขวับลูกสะใภ้ที่อยู่บนเวที
“หรือว่ามันจะไม่มีพ่อมีแม่ค่ะ ประมาณว่าเป็นเด็กกำพร้า” ราตรีแสดงความคิดเห็น
“มันก็น่าจะใช่ค่ะคุณน้อง แต่ถึงจะมีหรือไม่มีคุณพี่ก็ไม่ชอบหน้ามันค่ะ ไร้สกุล” สีหน้าของปทุมวดีบ่งบอกถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน
“คุณพี่ไม่ชอบหน้ามัน ไม่อยากอยู่ใกล้มันแล้วให้มันแต่งงานกับลูกชายคุณพี่ทำไมล่ะคะ แต่งงานกันแล้วมันก็ต้องย้ายไปอยู่ร่วมบ้านกับคุณพี่ ทีนี้คุณพี่ไม่อ้วกแตกตายหรือคะที่ต้องทนเห็นหน้ามันทุกวัน ไม่ใช่สิ อาจจะทั้งวันด้วย”
เมื่อได้ยินคำถามนี้แล้วปทุมวดีปรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ นางยอมรับว่าไม่ถูกชะตาลูกสะใภ้ตั้งแต่ลูกชายพามาแนะนำตัวให้รู้จัก ขัดขวางไม่ให้ทั้งสองคบหากันก็ทำไม่สำเร็จ หาผู้หญิงมาเป็นมือที่สามก็ถูกประภาพรรณฉีกอกซะไม่มีชิ้นดี ล่าถอยไปหลายราย เรื่องแต่งงานนี้ก็เหมือนกัน หากไม่เป็นเพราะปรีชาชาญผู้เป็นสามีเห็นดีเห็นงามด้วย ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย
“นั่นแหละที่คุณพี่กลัว กลัวว่าตัวเองจะอ้วกแตก หน้ามืดตาลายเป็นลมวันล่ะหลายๆ รอบ แล้วเรื่องการแต่งงานก็เหมือนกัน หากคุณปรีชาไม่เห็นดีเห็นงามอย่าหวังเลยค่ะว่างานนี้จะเกิดขึ้น พูดถึงทีไรอารมณ์เสียทุกที”
พูดไปก็โบกพัดไปด้วยคล้ายกับว่าจะดับความร้อนอกร้อนใจของตัวเอง อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บใจที่ประภาพรรณสามารถทำให้ปรีชาชาญเอ็นดูถึงขนาดพูดเข้าข้างเรื่องการแต่งงาน ทั้งๆ ที่นางค้านหัวชนฝาแต่ก็หาได้สำเร็จไม่
“แล้วคุณพี่จะยอมให้มันอยู่ร่วมชายคาอย่างมีความสุขหรือคะ ถ้าเป็นคุณน้องไม่ยอมหรอกค่ะ จะทำทุกวิธีทางที่จะให้มันหลุดออกไปจากวงโคจรของการเป็นสะใภ้” ราตรีเริ่มทำตัวเป็นบ่างช่างยุ