บทที่ ๒ ผู้หญิงไร้ค่า(๕)

1674 คำ
“อุ๊ย! ตายแล้ว... โดนหักกลางอากาศหรือคะ?” เสียงกล้วยว้าดังขึ้นลอยๆ หลังจากคนเปิดประตูก้าวออกจากห้องของเจ้านายหนุ่ม เดินหน้าตูมไม่รับแขกก้าวเท้าปังๆ แถมเจ้าหล่อนยังกระแทกประตูปิดดังสนั่น “แก... ยายกล้วยเน่า!” เอื้องมณีตวาดกลับดังก้อง แต่อีกคนไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด “คราวนี้กินแห้ว ระวังคราวหลังได้กินหญ้านะคะ คุณเอื้อง!” กล้วยว้าพูดด้วยความเย้ยหยัน ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับคู่ขาของเจ้านาย ส่งสายตามองอย่างท้าทาย “กรี๊ดดด... ยายบ้า!” เอื้องมณีร้องกรี๊ดจนสุดเสียงก่อนจะสะบัดหน้าจ้ำอ้าวเดินออกไป ที่จริงอยากจะตบหน้าหวานๆ ของกล้วยว้าสักทีสองที แต่ว่าติดอยู่ที่ยายเด็กนั่นเป็นคนสนิทของคุณแพรวพัตรา เธอก็เลยลงมือไม่ถนัด แค้นครั้งนี้ต้องเก็บไว้รอวันสะสาง “เชอะ! ยายเอื้องเน่า มาคราวหน้านะ แม่จะไล่ตะเพิดเชียว...” เลขาสาวยังว่ากล่าวไล่หลัง สะบัดหน้าใส่ ทำปากขยุบขยิบตามประสาคนไม่กินเส้นกัน “ทำไมแกไม่ไล่เขาล่ะ? ยายกล้วย” เสียงพี่ชายดังมาแต่ไกล ละมุดนึกแล้วไม่มีผิด สองคนนี้เจอกันต้องได้เล่นสงครามสาดน้ำลายกันทุกที “พี่ละมุด... จะไล่ได้ยังไง มาถึงคุณไฟก็ลากเข้าห้องไปต้มยำทำแกง ฉันนะต้องหาสำลีมายัดหู ป้องกันเสียงจากข้างในห้องกระทบโสตประสาท แต่ละคนร้องครวญครางไม่ต่างจากควายโดนเชือด” เสียงแจ๋นๆ อย่างระบายอารมณ์ดังจากปากกล้วยว้า ละมุดถึงกลับส่ายหน้า แต่คนเปิดประตูออกจากห้องถึงกลับหน้าตึง “กล้วยว้า!” เสียงเข้มดังขึ้นข้างหลัง ละมุดหน้าม้านทันที กล้วยว้าก้มหน้าขอโทษขอโพย เงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็เห็นเจ้านายรูปหล่อก้าวขึ้นรถกระบะคันโก้เหยียบคันเร่งออกไปด้วยความเร็วที่ไม่เห็นแม้แต่ฝุ่น ฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วพื้นถนนที่ขับรถผ่าน ละอองฝุ่นสีแดงกระจายโดยรอบบริเวณ ต้นไม้โบกใบสะบัดพลิ้วไหวไปมาตามกระแสลม สีหน้าของชายหนุ่มยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิดหลังจากเหยียบคันเร่งปานจรวดออกจากออฟฟิศศิรานนท์ นี่เขาทำตัวให้ลูกน้องว่ากล่าวถึงเพียงนี้เลยเหรอ ชายหนุ่มจะทำอะไรได้นอกจากยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง เหยียบคันเร่งระบายอารมณ์จนรอบไร่ ขับวกไปวนมาจนรอบทิศ ทั้งตรวจตราการทำงานของลูกน้องคนงานในไร่ ใบหน้าที่ตวัดมองคนงานทุกคนบอกได้อย่างดีเลยว่าต้องขยันและตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ถ้าหากไม่อยากถูกเจ้าของไร่เฉดหัวออกไปในเวลานี้ ก่อนชายหนุ่มจะยิ้มเย็นยะเยือกเมื่อนึกถึงดอกเบี้ยแสนสาวที่ป่านนี้คุณเธอคงจะนอนแก้ผ้ารออยู่บนเตียง ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เป็นการเย้ยหยัน ก่อนจะเหยียบคันเร่งตรงไปยังบ้านพักที่ตั้งตระหง่านอยู่หลังเขา พลบค่ำ เสียงสายลมพัดผ่านให้หนาวเย็นแทบขนลุก ร่างบางของใครบางคนเดินกระส่ายกระสับไปมา ดวงตากลมโตที่แดงก่ำมีแววหวั่นวิตก มือบางทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น ลมหายใจสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ไหล่ทั้งสองข้างห่อเข้าหาตัวเกินจะทนไหว ตั้งแต่เวลาบ่ายที่ทำให้เธอต้องย้ายตัวเองและเสื้อผ้าเก่าๆ มาอยู่ห้องใดห้องหนึ่งของบ้านไม้สักหลังใหญ่โตโอ่อ่าหลังนี้ มองไปรอบๆ ห้อง มีเตียงขนาดเล็กราวสามฟุตหนึ่งหลัง ข้างๆ มีตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ แต่ที่นี่กลับไม่มีห้องน้ำเธอต้องออกไปใช้ห้องน้ำที่อยู่หลังบ้าน มีหมอนมีผ้าห่มเตรียมให้เรียบร้อย รวมทั้งเสื้อผ้าหลายชุดที่เป็นของใหม่ เจ้าของบ้านคงไม่อยากเห็นเธอสวมเสื้อผ้าเน่าๆ ขาดๆ ให้เป็นรอยกระด่างกระดำในชีวิตของเขา ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงเธอถูกแม่เลี้ยงที่ใจร้ายใจดำจับแต่งหน้าทาปาก ตอนนี้รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเหนียวเหนอะหนะด้วยเครื่องสำอางราคาไม่กี่ร้อยบาท เสื้อผ้าที่ถูกยัดเยียดให้ใส่เป็นกระโปรงพลิ้วไหวสั้นเพียงเข่าสีชมพูหวาน เสื้อแขนกุดสีชมพูเข้าชุดไม่ต่างจากตุ๊กตา มันช่างแตกต่างกับชีวิตของเธอเหลือเกิน ต่างราวฟ้ากับดิน หญิงสาวถูกถูลู่ถูกังมายังจุดนัดพบไม่ต่างจากการซื้อขาย ก่อนผู้ชายคนนั้นจะพาเธอมาอยู่ที่นี่หลังจากที่ตกลงกับแม่เลี้ยงของเธอเรียบร้อยแล้ว เสียงรถแว่วมาให้ได้ยินแต่ไกล ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ดวงหน้าเรียวสวยก็ยิ่งซีดเผือดอย่างน่าสงสาร เธอจะทำอย่างไรกับชีวิต ต่อจากวันนี้ไปร่างกายของเธอก็คงต้องแปดเปื้อนแล้วเจ้าหนี้หน้าเลือดมันจะเชยชมเธอจนถึงเมื่อไหร่ วันไหนกันที่เธอจะหลุดพ้นจากเรื่องราวที่เป็นอยู่ ยิ่งได้ยินเสียงรถที่บึ่งเข้ามาจอดเบรกเสียงดังโครมคราม หัวใจของเนย์ญรินทร์ ลีละเดชา แทบขาดรอนๆ ใบหน้าที่ซีดเซียวมีเหงื่อซึมไหล ดวงตากลมฉายแววประหม่ากับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เสียงแม่เลี้ยงยังดังก้องในโสตประสาท “ถ้าแกไม่อยากเห็นพ่อแกตายนะนังเนย แกก็แก้ผ้าอ้าขาให้เจ้าหนี้หน้าเลือดได้เชยชมซิ ดีไม่ดีบางทีเขาอาจจะติดใจหลงใหลร่างกายเน่าๆ ของแกก็ได้” น้ำเสียงของลินินทร์มีแววเย้ยหยัน เธอจะทำอย่างไรได้ในเมื่อมันก็คงต้องเป็นเช่นนั้น เป็นอย่างที่แม่เลี้ยงพูดไว้อย่างไม่อาจหลีกหนี หญิงสาวหน้าตื่นตกใจเมื่อหน้าห้องพักมีเสียงเคาะประตูรัวกระหน่ำ เนย์ญรินทร์ส่ายหน้าไปมา มือทั้งสองข้างสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ได้ยินทั้งเสียงเรียกทั้งเสียงเคาะเหงื่อก็ยิ่งผุดพราย ใบหน้าของเธอซีดไม่ต่างจากกระดาษเอสี่ หญิงสาวเดินวนไปมาแทบรอบห้อง ร่างบางถลาชิดกับผนังห้องทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดอยู่หน้าห้อง เสียงชายหนุ่มดังแว่วอยู่ข้างนอกหลังจากเคาะรัวกระหน่ำ ‘ยายดอกเบี้ยเปิดประตู ยายดอกเบี้ย’ เสียงเขายังดังลั่นอยู่หน้าห้อง แต่เธอกลับไม่ขยับกายไปที่ประตูเลยสักนิด ดวงตาจดจ้องไปยังประตูไม่ต่างจากมัจจุราช เธอไม่มีทางเปิดให้เขาอย่างเด็ดขาด แต่ว่า... คลิก ... นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนจะเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้ม มีไรเขียวบริเวณรอบคางและมันก็ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความคาดไม่ถึง ‘คุณไฟ’ เสียงที่เรียกชื่อเจ้าหนี้ช่างแผ่วเบาเหลือเกิน เขาเดินเข้าห้องมาอย่างองอาจจ้องมองเธอปานจะกินเลือดกินเนื้อ ตวัดดวงตาคมกริบมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะฉายรอยยิ้มเย็นบนใบหน้า “ฉันบอกให้เปิดประตู หูแตกรึไง” นั่นคือเสียงที่เธอได้ยิน “เธอไม่ต้องทำหน้าซีดปากสั่นขนาดนั้นหรอก เป็นยังไงล่ะ คำว่าฉันขยะแขยงคุณ ที่เธอตะคอกใส่หน้าฉัน ฉันก็อยากจะรู้นัก ว่าเธอจะรู้สึกอย่างนั้นจริงรึเปล่า เมื่อต้องมานอนครวญครางใต้ร่างของฉัน เนย์ญรินทร์ ลีละเดชา ฮ่าๆๆ” เพลิงอินทรีหัวเราะดังลั่นอย่างถูกใจ ที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนเคว้งขวางมองหาที่พึ่งอยู่ตรงหน้า ยิ่งเห็นสีหน้าที่ซีดไม่ต่างจาก฀ไก่ต้ม ความสะใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หญิงสาวตวัดสายตาไปมองผู้ชายที่ยืนพูดปาวๆ หลังจากที่ก้าวเข้ามาแทบจะประชิดตัว เนย์ญรินทร์ค่อยๆ กะพริบตาปริบๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น เงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำใสๆ รินไหลต่อหน้าคนใจร้ายใจดำ จากวันนี้เป็นต้นไปความอ่อนแอจะถูกโยนทิ้งและดึงความเข้มแข็งเข้ามาแทนที่ “คนหน้าเลือด!!” เธอแผดเสียงตวาดเขากลับไป ใบหน้าชายหนุ่มหงิกลงเพียงเล็กน้อยก่อนจะขยับปากหนักๆ พูดขึ้น “ฮ่าๆๆ หน้าเลือด คำนี้ฉันขอน้อมรับ เพราะว่าฉันจะหน้าเลือดกับเธอและครอบครัวของเธอให้ถึงที่สุด แต่ว่าวันนี้เธอคงต้องชดใช้ให้ฉันสักพันสองพันก่อนล่ะมั้ง ค่าเสียเวลาทวงหนี้” ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากนิดๆ ยักคิ้วหลิ่วตาส่อแววเยาะเย้ย หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บใจ เธอหวังจะเดินออกจากห้องนี้แต่ว่าเรียวแขนบางกลับถูกคว้าไว้เสียแน่นหนึบ “ปล่อย!” เธอสั่ง แต่อีกฝ่ายกลับแย้มยิ้มแถมยักคิ้วให้ มิหนำซ้ำนิ้วเรียวหนายังแตะปลายคางหญิงสาวให้แหงนเงยมาสบตา ก่อนจะกระตุกยิ้มนิดๆ “ดอกเบี้ยเน่าๆ อย่างเธอฉันยังไม่แตะต้องหรอก ช่วยไปขัดคราบคาวสกปรกให้เนื้อนวลผ่อง แล้วฉันจะเชยชมให้สมกับที่รอคอย” เสียงนี้ยังดังก้อง แต่คนที่พูดกลับเดินออกไปได้ยินเพียงเสียงฮัมเพลงเคล้าคลอเสียงหรีดหริ่งเรไรไม่ขาดสาย ราวกับสบายอกสบายใจนักหนาที่ได้เห็นความทุกข์ของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง หลังจากชายหนุ่มเจ้าของหนี้สินหลายแสนบาทก้าวออกจากห้องไป น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลอาบแก้ม ดวงตาของเธอแดงก่ำ เสียงสะอื้นไห้ฮึกๆ ปานจะขาดใจ ‘ดอกเบี้ย’ ถ้าหากเป็นธนาคารออมทรัพย์ทุกคนคงหน้าชื่นตาบาน ถ้าหากเป็นดอกเบี้ยเงินกู้เหมือนกับเธอในเวลานี้ คงหน้าชื่นอกตรม หญิงสาวแย้มยิ้มให้กับชีวิตตัวเองที่โชคชะตาลิขิตให้ต้องชดใช้กรรม กรรมที่ผู้มีพระคุณสร้างไว้ ‘ชีวิตของเธอช่างไร้ค่ายิ่งนัก เนย์ญรินทร์ ลีละเดชา’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม