“น้องบลูรู้ได้ไงว่าเขาจะตามหาแม่หมูกับน้าปุ้นเจอ” ณิชาดาคุกเข่าลงกับพื้นเหมือนพี่สาว เริ่มตั้งคำถามอีกคน “ก็...คุณลุงเป็นคุณตำรวจนี่ครับ คุณลุงก็จะช่วยน้องบลูได้”
“ทำไมน้องบลูรู้ว่าเขาเป็นตำรวจจ๊ะ”
ปรีชยาพรขำลูกชายที่เข้าใจผิดคิดว่าเจ้าหน้าที่ รปภ. เป็นตำรวจ อาจจะเป็นเนื่องจากสีเสื้อผ้าที่เจ้าหน้าที่รปภ. สวมใส่อยู่ มีสีใกล้เคียงกับชุดตำรวจก็เลยทำให้น้องบลูเข้าใจผิดไป
“น้องบลูเคยเห็นคุณลุงที่ใส่เสื้อแบบนี้ยืนเป่านกหวีดอยู่หน้าโรงเรียนครับ”
“คุณลุงไม่ใช่คุณตำรวจหรอกจ้ะ คุณลุงเป็นเจ้าหน้าที่รปภ. ของห้างฯ คอยช่วยเหลือคนที่มาซื้อของในห้างฯ ค่ะ” ณิชาดาหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขำ ขณะอธิบายให้น้องบลูเข้าใจ
“อ้าว! ไม่ใช่คุณตำรวจหรือครับ” น้องบลูเกาศีรษะ รู้สึกสับสนกับสิ่งที่ตัวเองรู้มา
“ไม่ใช่หรอกลูก คุณตำรวจต้องใส่ชุดสีกากีเหมือนคุณพ่อพี่อาร์ตค่ะ”
ปรีชยาพรหมายถึง ร.ต.อ.พันธวุธ พ่อของน้องอาร์ต ซึ่งอยู่บ้านใกล้ๆ กันกับบ้านของเธอ คุณพันมักจะพาน้องอาร์ตมาเล่นกับน้องบลูและแวะมากินกาแฟที่ร้านของเธอเป็นประจำ
“น้องบลูเข้าใจแล้ว ถ้าเป็นคุณตำรวจต้องใส่เสื้อสีเหมือนคุณพ่อพี่อาร์ตใช่ไหมครับ”
“ถูกต้องจ้ะ เจ้าหลานชาย” ณิชาดาเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะน้องบลูด้วยความเอ็นดู
“แม่หมูครับ น้าปุ้นครับ คุณพ่อน้องบลูเป็นคุณตำรวจเหมือนคุณพ่อพี่อาร์ตหรือเปล่าครับ”
น้องบลูเขย่าแขนสีน้ำผึ้งของผู้เป็นแม่แรงๆ ขณะเอ่ยถามและคำถามของน้องบลู ทำเอาใบหน้าเรียวมนของหญิงสาวทั้งสองซีดลงทันที
ณิชาดาตกใจจนเผลอปล่อยมือจากศีรษะของหลานชาย หญิงสาวไม่รู้จะตอบคำถามของหลานอย่างไรดีส่วนปรีชยาพรหมดแรงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น นันย์ตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวดให้เห็นชั่วขณะหนึ่ง ตั้งแต่น้องบลูเริ่มจำความได้ น้องบลูไม่เคยถามถึงพ่อเลย อาจเป็นเพราะว่าน้องบลู
อยู่กับเธอและณิชาดาตลอดเวลา เธอเองก็พยายามเป็นทั้งแม่และพ่อให้ลูก เพราะไม่อยากให้ลูกขาดปมด้อย
พอจู่ๆ มาเจอคำถามเช่นนี้จากลูกชาย ทำเอาหญิงสาวหาคำตอบไม่เจอ ใบหน้างามเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้ลูกน้อยเห็นหยาดน้ำตาที่รื้นคลอเบ้าตาทั้งคู่
“น้าปุ้นว่าเรามาตอบคำถามข้อที่สองดีกว่านะคะ ถ้าตอบถูกต้องน้าปุ้นจะซื้อหุ่นยนต์ให้หนึ่งตัวเป็นรางวัล ตกลงไหมคะ” ณิชาดาเห็นพี่สาวกำลังจะร้องไห้จึงชวนน้องบลูเฉไฉคุยเรื่องอื่นแทน
“ไชโย! น้องบลูอยากได้หุ่นยนต์โรโบคอบเหมือนของพี่อาร์ต” น้องบลูกระโดดเหย่งๆ ด้วยความดีใจ
“ได้จ้ะ แต่ต้องตอบคำถามข้อสองให้ถูกก่อน ถ้าน้องบลูไปหาคุณลุงรปภ.แล้ว คุณลุงถามชื่อคุณแม่กับชื่อน้าปุ้น น้องบลูตอบถูกไหมคะ”
“ถูกครับ น้าปุ้นชื่อณิชาดา แม่หมูชื่อปรีชยาพร” น้องบลูตอบเสียงฉะฉานเพราะท่องจำชื่อคุณแม่กับน้าสาวจนขึ้นใจแล้ว
“เก่งมากค่ะ ขอแม่หอมแก้มหน่อย”
ปรีชยาพรพยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังดูสดใส เพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดของตัวเอง มือบางโอบกอดไปรอบตัวลูกแล้วดึงเข้ามากอดแนบชิดด้วยความรัก เธอกับน้องสาวมักจะถามน้องบลูทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพราะพวกเธอเคยเจอเด็กที่พลัดหลงกับพ่อแม่ในห้างฯ ใหญ่ๆ มาแล้ว พอถามชื่อพ่อแม่ เด็กก็ตอบไม่ได้ กว่าจะหากันเจอก็เล่นเอาเหงื่อตกไปตามๆ กัน
“น้องบลูเก่งมากเลย ไปกินไอศรีมกันดีกว่า หรือว่าน้องบลูอยากจะไปดูต้นคริสมาสต์ก่อนคะ” ณิชาดาเสนอทางเลือกให้กับหลานชาย
“ไปดูต้นคริสมาสต์ก่อนครับ น้องบลูอยากเห็นไฟบนต้นคริสมาสต์ครับ”
“โอเค ไปกันเลยค่ะ” ณิชาดาลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับพี่สาวแล้วพากันจูงมือน้องบลูไปยังลานกิจกรรม
ตรงลานกิจกรรมของห้างฯ มีการจัดต้นคริสมาสต์ไว้อย่างสวยงาม เพื่อต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์ที่กำลังจะมาถึง ต้นคริสมาสต์ที่ทางห้างจัดไว้สูงประมาณห้าเมตร มีการตกแต่งไฟดวงเล็กดวงน้อยหลากสีรอบต้น มีตุ๊กตานางฟ้า ตุ๊กตาซานตาคลอสนั่งบนกวางเรนเดียร์ ตุ๊กตาเด็กหญิงเด็กผู้ชายและกล่องของขวัญกล่องเล็กๆ แขวนอยู่เต็มต้น ด้านล่างของต้นคริสมาสต์มีกล่องของขวัญขนาดเล็กขนาดใหญ่วางเรียงรายอยู่โดยรอบ และยังมีตุ๊กตาหิมะกับตุ๊กตาซานตาคลอสขนาดใหญ่เท่าตัวคนตั้งอยู่ใกล้ต้นคริสมาสต์ด้วย
“ต้นคริสมาสต์สวยจังเลยครับ” น้องบลูร้องบอกด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นต้นคริสมาสต์ขนาดใหญ่
“น้องบลูชอบไหมลูก” ปรีชยาพรเอ่ยถามยิ้มๆ
“ชอบครับ เราซื้อต้นคริสมาสต์ไปไว้ที่บ้านได้ไหมครับแม่หมู” มือป้อมๆ ชี้ไปยังต้นคริสมาสต์ด้วยความอยากได้
“เราซื้อต้นนี้ไม่ได้หรอกจ้ะ เดี๋ยวน้าปุ้นจะพาไปซื้อต้นเล็กๆ แล้วเราเอาไป
ตกแต่งในร้านกาแฟนนะคะ” ณิชาดามองตามสายตาอยากได้ของน้องบลูแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ดีๆ ครับ น้องบลูจะช่วยคุณแม่กับน้าปุ้นแต่งต้นคริสมาสต์ แล้วก็จะชวนพี่อาร์ตให้มาช่วยแต่งด้วย”
น้องบลูตบมือชอบอกชอบใจ ดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้มจับจ้องแน่นิ่งอยู่ที่กล่องของขวัญใบใหญ่
“แม่หมูครับ น้องบลูแกะของขวัญกล่องนั้นได้ไหมครับ” เด็กน้อยชี้ไปยังกล่องของขวัญสีน้ำเงินกล่องใหญ่ที่สุด ซึ่งถูกวางเรียงรายอยู่กับพื้น
“ไม่ได้ลูก เขาเอาไว้แต่งต้นคริสมาสต์ เราเข้าไปแกะของขวัญไม่ได้นะคะ”
ปรีชยาพรรีบดึงแขนน้องบลูไว้ ไม่ให้ก้าวข้ามรั้วเข้าไปใกล้ต้นคริสมาสต์
“น้าปุ้นว่าเราไปกินไอศรีมกันดีไหมคะ” ณิชาดาเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี จึงรีบเบี่ยงเบนความสนใจของหลานบ้าง
“ไปก็ได้ครับ น้าปุ้นห้ามลืมสัญญานะ น้าปุ้นต้องซื้อหุ่นยนต์ให้น้องบลูด้วย” เด็กน้อยยอมทำตามง่ายๆ แต่ก็ไม่วายหันไปมองกล่องของขวัญด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเสียดาย
“ปุ้นพาน้องบลูไปกินไอศรีมก่อนนะ พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ได้ค่ะพี่หมู เดี๋ยวปุ้นพาไปกินที่ชั้นสี่ ชั้นนั้นมีสวนสนุกด้วย กินไอศรีมเสร็จแล้วปุ้นจะพาน้องบลูไปเล่นในสวนสนุกต่อค่ะ
“จ้ะ เดี๋ยวพี่ตามไปนะ” ปรีชยาพรพยักหน้ารับรู้ แล้วรีบเดินไปห้องน้ำเพราะน้ำตาที่เอ่อคลออยู่รอบดวงตาคู่สวยทำท่าจะหยดแหมะลงมาทุกที
‘เมื่อไรพี่สาวเราจะสมหวังในความรักนะ’
ณิชาดาพึมพำอยู่ในใจด้วยความสงสาร ขณะมองตามพี่สาวที่รีบเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งตรงไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
“น้องบลูเราไปกินไอศรีมกันเถอะ เดี๋ยวคุณแม่ตามไปเจอเราที่ชั้นสี่นะคะ”
ณิชาดาเอ่ยกับน้องบลูแล้วพากันขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสี่ ซึ่งเป็นแผนกเด็กและมีสวนสนุกสำหรับเด็กๆ ด้วย