บทที่ 9

1256 คำ
ทางด้านณิชาดา เมื่อแยกจากพี่สาวแล้วก็เริ่มเดินหาหลานชายทั่วบริเวณชั้นสี่เริ่มตั้งแผนกเสื้อผ้าเด็ก ตามร้านอาหาร ในสวนสนุกหรือแม้แต่ในห้องน้ำชาย โดยหญิงสาวให้คนที่กำลังจะเข้าห้องน้ำช่วยดูให้ว่าในห้องน้ำมีเด็กน้อยอยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่มีใครพบน้องบลูเลย ร่างบางระหงเดินลากเท้ามาถึงร้านไอศรีมร้านเดิมอีกครั้ง หญิงสาวนั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้หน้าร้าน น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้าเมื่อนึกถึงหลานชาย “ถ้าน้องบลูเป็นอะไรไป เราจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย” ณิชาดาโทษตัวเองที่เลินเล่อดูแลหลานไม่ดี ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่ คลอเบ้า อีกไม่กี่นาทีต่อมา หยาดน้ำตาใสๆ ก็หยดแหมะลงมาทีละข้าง หญิงสาวนั่งร้องไห้เงียบๆ อยู่หน้าร้านไอศรีม ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้น ในใจนึกกลัวไปสารพัด กลัวน้องบลูจะได้รับอันตราย กลัวโดนคนแปลกหน้าหรือแก๊งลักเด็กหลอกไปขาย เธอรู้ว่าน้องบลูเป็นเด็กฉลาด แต่ต่อให้น้องบลูเป็นเด็กที่ฉลาดเพียงใด เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ยังไงก็ฉลาดไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกแก๊งมิจฉาชีพ คาเมลเดินตามเจ้านายหนุ่มมาจนถึงหน้าร้านไอศรีม เขาได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้เบาๆ จึงหันมามองด้วยความสงสัย ตอนแรกเขานึกว่าเป็นเสียงเด็กชายที่พวกเขากำลังช่วยตามหา แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นหญิงสาวร่างบาง ผิวขาวเนียน ใบหน้าเนียนแดงก่ำ ริมฝีปากบางได้รูปแดงก่ำเช่นเดียวกันคงเป็นเพราะเจ้าตัวกัดริมฝีปากไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดออกมาจึงทำให้ริมฝีปากแดงช้ำถึงเพียงนี้ ผมหยักศกประบ่าดูยุ่งเหยิง ผมด้านหน้าตกมาบังใบหน้านวลเกือบหมด ทำให้คาเมลมองเห็นหน้าหญิงสาวไม่ชัดนัก ทว่าเสียงสะอื้นเบาๆ ที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้หลุดรอดออกมา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจ เขาอยากเข้าไปเช็ดน้ำตาของหญิงสาวให้เหือดแห้งด้วยริมฝีปากสีเข้มของเขาเอง อยากจูบซับเสียงสะอื้นให้จางหายไป อยากจูบปลอบขวัญให้หายตกใจ และอยากรับรู้แบ่งเบาในสิ่งที่เธอกำลังเสียใจอยู่ ริมฝีปากสีแดงสดตามธรรมชาติคงมีรสชาติหวานล้ำปานน้ำผึ้งเดือนห้าเป็นแน่ คาเมลตกใจกับความคิดของตัวเอง ทำไมเขาถึงอยากเข้าไปจูบยัยเด็กกะโปโลนี้ด้วยนะ แค่คิดว่ารสจูบจากหญิงสาวจะหวานล้ำปานใด ร่างกายของเขาก็ตอบสนองความรู้สึกตนเอง จนเขารับรู้ได้ถึงความปวดร้าวที่เต้นตุบๆ อยู่ตรงกลางแก่นกาย ‘หรือว่าเราจะห่างหายจากการนอนกับผู้หญิงมานาน จนทำให้เห็นแค่หญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ จึงอยากเขาไปจูบ อยากไปแตะต้องจนทำให้ร่างกายตัวเองปวดร้าวไปหมด’ “หนูร้องไห้ทำไมครับ” คาเมลเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอ่ยทักหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายหาได้สนใจใครไม่ ร่างบางยังก้มหน้าก้มตาสะอื้นร้องไห้ เดือดร้อนคาเมลต้องยื่นมือใหญ่ไปสะกิดเบาๆ ณิชาดามัวแต่ก้มหน้าร้องไห้ จึงไม่ได้สนใจว่ามีใครมาทักตัวเอง จวบจนกระทั่งมือใหญ่มาสะกิดบนบ่าเล็ก เจ้าตัวจึงรู้สึกตัว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและปัดเส้นผมหยักศกที่ตกมาปรกหน้าไปทัดตรงใบหู เปิดดวงหน้าสวยงามหวานจับตาให้คาเมลได้เห็นเต็มตา ทำเอาเลขาหนุ่มตกตะลึงผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัว เมื่อได้เห็นใบหน้าเนียนหวานซึ้งงามลออ ชายหนุ่มตกตะลึงจนลืมคำพูดที่กำลังจะถามหญิงสาว ตอนนี้รู้แค่เพียงอย่างเดียวว่าอยากเข้าไปจูบที่ริมฝีปากแดงสดเต็มกำลัง คาเมลผ่อนลมหายใจออกทางปากพยายามระงับความต้องการของตัวเอง แล้วเอ่ยถามหญิงสาวอีกครั้ง “หนูร้องไห้ทำไมครับ” ณิชาดาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาตรงหางตา และตามพวงแก้ม ก่อนจะสั่งน้ำมูกเสียงดัง แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่บังอาจมาเรียกเธอว่า หนู! สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ รู้ดีว่าเธอไม่ชอบให้ใครมาเรียกเธอว่า หนู เพราะปกติเธอก็ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มอยู่แล้ว เพื่อนของเธอส่วนมากจะเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่เกือบทุกคน และเพื่อนผู้หญิงก็เป็นประเภทสูงตั้งแต่ร้อยเจ็ดสิบขึ้นไป แต่ละคนหุ่นล่ำๆ จนเธอยังนึกกลัวว่าเพื่อนผู้หญิงของเธอจะหาคนมาแต่งงานด้วยไม่ได้ มีแต่เธอเพียงคนเดียวที่ร่างเล็กบอบบางกว่าคนอื่น ถึงแม้เธอจะสูงเกินมาตรฐานหญิงไทย แต่เธอก็ยังดูบอบบางอรชรอ้อนแอ้นอยู่ดี เพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มพร้อมใจกันเรียกเธอว่า น้องหนู แรกๆ ก็ยังพอทนฟังได้ หลังๆ มาเพื่อนในกลุ่มชักจะล้อกันหนักขึ้น ทำให้รู้กันทั่วคณะว่าฉายาของเธอคือน้องหนู เธอเคยขอร้องให้เรียกชื่อเล่นเธอว่าข้าวปุ้น เหมือนที่พี่สาวเรียก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ หนักเข้าเธอเลยแกล้งทำเป็นโกรธไม่คุยด้วยเป็นอาทิตย์ เพื่อนๆ ต้องขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่ แถมยังต้องเสียเงินเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่อีกหนึ่งอาทิตย์กว่าเธอจะหายโกรธได้ ณิชาดาเงยหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาคมเข้มใส่สูทสากลสีดำราคาแพงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า หญิงสาวหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนที่ชายแปลกหน้าเข้ามาทัก แต่เธอก็ไม่เห็นมีใครที่นั่งอยู่หน้าร้านไอศรีมนอกจากเธอคนเดียว “อีตายักษ์วัดแจ้ง เข้ามาทักใครกัน” หญิงสาวพึมพำพูดออกมาเบาๆ “ไม่ต้องมองหาใครหรอก พี่ทักหนูนั้นแหละ หาผู้ปกครองไม่เจอหรือยังไง อยากกินไอศรีมหรือเปล่า เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” คาเมลเอ่ยกลั้วหัวเราะ เปิดยิ้มกว้างทั้งริมฝีปากและดวงตา เห็นท่าทางของหญิงสาวแล้วถูกใจเขาจริงๆ “ใครชื่อหนู แล้วใครเป็นน้องของคุณคะ ฉันไม่มีพี่ชาย มีพี่สาวคนเดียว คุณทักคนผิดหรือเปล่า” ณิชาดาสวนกลับ นัยน์ตากลมโตฉายแววไม่พอใจอย่างมาก ที่ชายร่างใหญ่บังอาจมาสะกิดฉายาเก่าอันไม่พึงปรารถนาของเธอ “ทักไม่ผิดคนหรอก พี่คุยกับเรานั้นแหละ นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวแท้ๆ จะให้ไปพูดกับใคร” “จะไปรู้ได้ไง นึกว่าเป็นคนบ้าพูดคนเดียวก็ได้” “คนบ้าที่ไหนจะแต่งตัวได้หล่อขนาดนี้” คาเมลยอตัวเอง ขำอีกฝ่ายและเริ่มสนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับสาวน้อยแสนสวย “ท่าจะบ้าจริงๆ คนอะไร ยอตัวเองก็เป็น” ณิชาดาเหน็บแนมคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ คาเมลถึงกับปล่อยหัวเราะก๊ากออกมา ขบขำกับการประชดประชันของหญิงสาว “หนูยังไม่ตอบพี่เลยว่าร้องไห้ทำไม” “แล้วมายุ่งอะไรด้วย นั่งร้องไห้หน้าร้านไอศรีมแล้วเป็นยังไง ผิดกฎหมายมาตราไหนไม่ทราบ แล้วไม่ต้องมาเรียกว่า หนู ด้วยไม่ชอบ” หญิงสาวตวาดแว้ดตีหน้าบึ้ง ถลึงตาใส่คาเมล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม