“สอบได้หรือซื้อมา” คาเมลยังแหย่ไม่เลิก
“ฮึ! ดูถูก ไปสอบมาสิ ใครเขาซื้อใบขับขี่กันละ สมัยนี้สอบง่ายจะตายไป”
ใบหน้างามเนียนมองค้อน ย่นจมูกใส่คาเมลด้วยความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งอยู่ตลอดเวลา
“สอบปฏิบัติกี่ครั้ง ถึงผ่านได้ใบขับขี่มา” คาเมลพยายามกลั้นเสียงหัวเราะตอนถามคำถามนี้ เพราะเขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“สามครั้ง!”
ณิชาดาตอบห้วนๆ แบบมะนาวไม่มีน้ำ โกรธคนถามที่สุด รู้ดีว่าคำตอบที่ตัวเองตอบไปต้องทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะแน่
และก็ไม่ผิดหวัง พอเธอพูดจบเท่านั้นแหละ ทั้งคาเมลทั้งโดมินิทก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน แถมยังมีกองหนุนตัวเล็กคอยหัวเราะตามด้วยเหมือนกับว่าเข้าใจในเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกัน
‘อย่าให้ถึงทีของข้าวปุ้นบ้างก็แล้วกัน’ ณิชาดากัดฟันดังกรอดๆ แค้นอยู่ในใจ
คาเมลเห็นแก้มนวลใสแดงปลั่งด้วยความอายก็นึกมันเขี้ยว อยากจะเข้าไปหอมแก้มสักฟอดใหญ่ๆ
ส่วนณิชาดา เมื่อหาเรื่องใครไม่ได้แล้ว ก็หันมาเล่นงานเจ้าหลานตัวแสบที่บังอาจเผาเธอต่อหน้าคนอื่น
“เอาน้าปุ้นมาเผาแบบนี้ น้าปุ้นไม่ซื้อหุ่นยนต์โรโบคอบให้แล้ว”
“คุณอาบลูซื้อให้แล้วครับ นี่ไงครับ สวยไหมครับ” น้องบลูไม่พูดเปล่ายังยื่นหุ่นยนต์มาข้างหน้าจนแทบจะชนใบหน้าสวยๆ ของน้าสาว
“แหม! พอมีคนซื้อให้ก็ไม่สนใจน้าเลยนะ” ณิชาดายังงอนหลานชายไม่เลิก
คาเมลส่ายหน้าขำกับความขี้งอนของหญิงสาว ดูเอาเถอะกับหลานอายุแค่ไม่กี่ขวบ เจ้าหล่อนยังงอนไม่เลิก นี่ถ้างอนกับเขามิต้องง้อกันเป็นวันๆ เลยหรือไง
ชายหนุ่มนึกไปถึงอนาคตข้างหน้าที่มีเขากับหญิงสาวอยู่คู่กัน แต่ถึงเจ้าหล่อนจะขี้งอนมากเพียงใด เขาก็ยินดีง้อเธอไปตลอดทั้งชีวิต...
“น้าปุ้นก็ซื้อต้นคริสมาสต์ให้น้องบลูไงครับ แล้วเย็นนี้เราเอาไปตกแต่งที่ร้านกาแฟด้วยกัน” น้องบลูเดินมากอดน้าสาวไว้ แล้วพูดออดอ้อนเหมือนเคย
“น้าปุ้นซื้อให้ก็ได้ แต่ต้องทำยังไงก่อนเอ๋ย...” ร่างบางคุกเข่าลง เอียงแก้มแดงปลั่งเข้าไปใกล้ๆ น้องบลู
น้องบลูรู้งาน พอน้าสาวยื่นแก้มมาให้ น้องบลูก็เข้าไปหอมแก้มน้าสาวและเอียงแก้มยุ้ยๆ ของตัวเองให้น้าสาวหอมคืนเหมือนกัน ภาพที่สองน้าหลานแสดงความรักความผูกพันธ์ต่อกันเป็นที่ประทับใจแก่ชายหนุ่มทั้งสองยิ่งนัก
ณิชาดาลุกขึ้นยืน กอดหลานชายไว้และหันมามองโดมินิท ดวงตาสีดำคู่สวยเริ่มระแวงขึ้นมา เธอนึกไม่ออกว่าโดมินิทซื้อของเล่นให้น้องบลูทำไม ถ้าซื้อให้แค่ชิ้นเดียวเธอจะไม่สงสัยเลย แต่นี่เล่นหยิบของเล่นใส่จนเกือบเต็มรถเข็น และของเล่นแต่ละชิ้นก็มีแต่ราคาแพงๆ ทั้งนั้น
“ทำไมคุณซื้อของเล่นให้น้องบลูมากมายขนาดนี้คะ”
“เยอะอะไรกันของเล่นแค่ไม่กี่ชิ้นเอง” โดมินิทตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือใหญ่ยังช่วยน้องบลูหยิบของเล่นใส่ในรถเข็นต่อ
“ไม่เยอะได้ยังไง หุ่นยนต์สี่ตัว เครื่องบินบังคับวิทยุหนึ่งลำ เลโก้สองกล่อง รถยนต์บังคับวิทยุอีกหนึ่งคัน แล้วนี่อะไร? โมเดลทหารชุดใหญ่อีกหนึ่งชุด ของเล่นแต่ละอย่างราคาแพงๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
ณิชาดาต่อว่าโดมินิท ขณะเดียวกันมือเรียวยาวหยิบของเล่นแต่ละชิ้นขึ้นมาดูป้ายราคาที่แปะติดไว้ ก่อนจะร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“คุณ โมเดลทหารราคาตั้งสองพันเลย มันแพงเกินไป ฉันให้น้องบลูรับไม่ได้หรอกค่ะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบกล่องโมเดลทหารไปวางไว้บนชั้นวางเหมือนเดิม
น้องบลูเห็นน้าสาวหยิบของเล่นจากรถเข็นไปใส่ไว้บนชั้นวางเหมือนเดิม ก็ได้แต่ทำตาปรอยๆ เพราะความเสียดาย แต่ก็ไม่กล้าหยิบมาใส่รถเข็นคืน
โดมินิทไม่ยอมให้ณิชาดาทำเช่นนั้น ชายหนุ่มหยิบโมเดลทหาร และของเล่นชิ้นอื่นๆ มาใส่ในรถเข็นอีกครั้ง
“เอาไปเถอะ ผมอยากซื้อให้น้องบลู คุณจะเลือกของเล่นอย่างอื่นให้น้องบลูด้วยก็ได้นะ”
โดมินิทหันมาทางน้องบลู ซึ่งตอนนี้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายแวววาวดีใจเหมือนเดิม
“แต่ฉันกับพี่สาวไม่มีเงินจ่ายคืนให้พวกคุณนะ”
“รับไปเถอะ ฮันนี่ เจ้านายผมเขาอยากซื้อให้น้องบลู แค่น้องบลูชอบก็พอแล้ว ส่วนเรื่องเงินถือว่าจิ๊บจ๊อย”
“เอ้า! จิ๊บจ๊อยก็จิ๊บจ๊อย ถ้าอยากซื้อให้นัก เราก็ไม่ศรัทธา แต่ขอบอกไว้ก่อน ห้ามส่งบิลมาเก็บเงินทีหลังนะ ฉันกับพี่สาวไม่ยอมจ่ายคืนเด็ดขาด”
ณิชาดาหันมามองค้อน และเอ่ยแขวะคาเมล
“ไม่ส่งบิลไปเรียกเก็บเงินคืนแน่นอน” คาเมลเน้นย้ำ ทำเอาณิชาดาคลี่ยิ้มหวานให้ด้วยความดีใจ แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินประโยคต่อไป
“แต่...ผมขอไปกินมื้อค่ำที่บ้านคุณเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และต้องเป็นฝีมือคุณเท่านั้น”
“ได้ยังไงคุณไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินสักหน่อย” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็เธอทำกับข้าวเป็นซะเมื่อไร
“ใครว่า ผมนี่แหละเป็นคนจ่าย เงินของเจ้านาย แต่ผมมีหน้าที่ต้องจ่ายแทนเขา เพราะฉะนั้นก็ถือได้ว่าผมเป็นคนจ่ายเงิน เป็นอันว่าเราตกลงกันตามนี้ มื้อค่ำฝีมือคุณหนึ่งสัปดาห์”
“ก็ได้ มื้อค่ำที่บ้านฉันหนึ่งสัปดาห์ แต่คุณหาเอาเองว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน ถ้าหาไม่เจอภายในเจ็ดวัน ก็ถือว่าข้อตกลงเป็นโมฆะ”
ณิชาดายิ้มหวานให้คาเมล รู้สึกสะใจที่เห็นอีกฝ่ายกัดฟันกรอดๆ แยกเขี้ยวใส่เพราะความโมโห
“ไม่ต้องถึงเจ็ดวันหรอก ไม่เกินสามวัน ผมก็หาบ้านคุณเจอแล้ว” คาเมลคุยโว
“ฮึ! ขี้คุย หาให้เจอก่อนเถอะ กรุงเทพฯ ไม่ใช่เล็กๆ นะคุณคาเมล...”
ณิชาดาแกล้งลากเสียงเรียกชื่อชายหนุ่ม
“เอาน่า...ผมหาเจอก็แล้วกัน คุณเตรียมทำกับข้าวรอได้เลย” คาเมลเอ่ยตอบด้วยความมั่นใจ ก่อนจะออกคำสั่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“แบมือข้างซ้ายมาทีสิ ฮันนี่”
“เป็นหมอดูคู่กับหมอเดาหรือยังไงถึงอยากดูลายมือขึ้นมา” ณิชดาถามเสียงกลั้วหัวเราะไม่ยอมยื่นมือออกไป
“บอกให้ยื่นมือมา ทำตามเถอะน่า ถามมากอยู่ได้” คาเมลบ่นออกมาอย่างขัดใจที่หญิงสาวไม่ยอมทำตามเขาสักที
“เรื่องอะไร จะหลอกจับมือฉันใช่ไหม ฮึ! ไม่หลงกลง่ายๆ หรอก”
คาเมลส่ายหน้ายิ้มด้วยความระอากับอาการดื้อดึงของหญิงสาว เขาหยิบนามบัตรออกมาหนึ่งใบ พลิกนามบัตรและเขียนข้อความลงไปด้านหลัง ก่อนจะยื่นนามบัตรให้สาวน้อย แต่อีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือออกมารับสักที ชายหนุ่มเลยเอื้อมมือไปจับมือเล็กไว้และยัดนามบัตรใส่มือหญิงสาว
ณิชาดารับนามบัตรมาอ่านชื่อ นามสกุล ตำแหน่งหน้าที่และที่อยู่ ซึ่งพิมพ์ด้วยน้ำหมึกสวยงาม จากนั้นก็พลิกดูเบอร์โทรที่เขียนอย่างเป็นระเบียบด้านหลังนามบัตรก่อนจะถามขึ้นมา
“เบอร์โทรใครคะ”