งาน

905 คำ
เขาคือ ปัณณ์ ศรีโยธิน หรือซูเอโร่ ผู้กำกับหน้าใหม่ ที่รับหน้าที่เป็นตากล้องจำเป็นให้พี่สาว เพราะคนเป็นพี่อยากได้ภาพที่ดีจากตากล้องฝีมือระดับพระกาฬที่นานครั้งถึงจะกระโดดมารับงานแบบนี้... แต่คงยากที่จะหาคราวหน้าอีก เพราะครั้งนี้นางแบบทำให้ปัณณ์เสียอารมณ์กับการรอมาก “เอิงขอโทษค่ะพี่เอโร่” อิงกมล เอ่ยเสียงหวาน ดวงหน้าสวยยิ้มแป้นให้ตากล้องหน้าถมึงทึงอย่างประจบ ซ้ำยังเรียกเขาด้วยชื่อไม่เต็มที่หล่อนเรียกเช่นนี้อยู่คนเดียว “เก็บเอาคำขอโทษของเธอเอาไว้เถอะ เอาความตั้งใจขอโทษไปตั้งใจทำตัวให้มีวินัยขึ้นดีกว่า... จะได้ไม่เสียเวลาทำมาหากินของคนอื่นเค้า” ปัณณ์รู้จักอิงกมลเป็นการส่วนตัวและเคยร่วมงานกับหล่อนบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะพูดดีกับหล่อน หรือจะพูดง่ายๆ เขาขวางโลกไปหมด ไม่เคยพูดดีกับใครเลย “ได้ค่ะได้ เอิงจะพยายาม พี่เอโร่ อย่าหงุดหงิดไปเลยน่า” อิงกมลพยายามรอมชอมกับตากล้องปากร้าย “โวะ สายมากขนาดนี้ไม่หงุดหงิดก็คงตายด้านไปแล้ว คิดดูสิว่ามีคนรอเป็นกองทัพ ตัวเองมาสายยังทำหน้าระรื่น” “เอาน่าซูเอโร่ น้องเขาไม่ได้ตั้งใจ เราเริ่มถ่ายกันดีกว่านะ” พี่ฉิ่งตีไหล่น้องชายให้อารมณ์เย็น เพราะเสียเวลาไปมากแล้ว ถ้าจะมัวมาด่ากันแล้วนอกจากจะทำให้นางแบบไม่พอใจซึ่งอาจจะมีผลต่อการติดต่อร่วมงานครั้งหน้าแล้วยังทำให้ทุกอย่างมันเสร็จช้าไปมากกว่าเดิม “เออๆ ไม่บ่นก็ไม่บ่น เริ่มก็เริ่ม” ปัณณ์ตัดบทรำคาญ ศตายุมองหน้าอิงกมลที่ยิ้มรับคำด่าของปัณณ์แถมทำหน้าเคลิ้มฝันด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ หากเป็นคนอื่นคงร้องไห้หรือรู้สึกเสียหน้ามากที่โดนด่าไม่ไว้หน้า ขนาดนี้ “ยิ้มอะไร” ปัณณ์ตะคอกถามอิงกมลที่ยืนทำหน้าเป็นอยู่ไม่สะทกสะท้าน เป็นคำถามตรงกับสิ่งในใจศตายุเป็นที่สุด “เอิงมีความสุขค่ะ” อิงกมลบอกพร้อมกับหัวเราะ... หล่อนจะกลัวปัณณ์ไปทำไม ในเมื่อหล่อนรู้ว่าเขาเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี แม้นายแบบที่ถ่ายปกพราวพรรณรายด้วยกันจะทำให้ไม่อยากรับงานนี้เลย แต่หล่อนก็เลือกรับเพราะมันเป็นหนทางที่จะได้ใกล้ชิดคนที่หล่อนมอบดวงใจให้ตั้งแต่พบกันครั้งแรก ซึ่งโอกาสนั้นก็ไม่เกิดอีกบ่อยนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลยเพราะยังไงหล่อนกับเขาก็อยู่ในแวดวงเดียวกัน “ล้อเล่นหรอกค่ะพี่เอโร่ ถ้าเอิงเครียดเพราะ คำเตือนดีๆ ของพี่เอโร่ คนในกองก็เครียดกันหมดพอดี” “พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ น้องเอิงน่ารักและอารมณ์ดีที่สุดเลย” พี่สาวของปัณณ์เอ่ยชมสาวน้อยที่ไม่โกรธน้องชายของตนที่พูดห่ามๆ ไม่นึกถึงจิตใจใคร “เออๆ ช่างเถอะ พร้อมกันหมดแล้วใช่ไหมงั้นก็เอาจริงได้แล้ว เอ้านี่ไอ้ไทด์ช่อดอกไม้” ปัณณ์เดินไปหยิบช่อดอกไม้โยนให้ศตายุรุ่นน้องที่รู้จักกันดีและนายแบบหนุ่มก็คว้าไว้ได้อย่างทันท่วงที ดอกกุหลาบสีขาวช่อโตบานสะพรั่ง สีเดียวกันกับชุดขาวสะอาดของศตายุและอิงกมล... ปกพราวพรรณรายฉบับนี้ต้องการความหวานอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นปกที่ออกในเดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรัก ฉวีวีราจึงได้ คัดสรรค์นายแบบนางแบบที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดมาถ่ายปกในแนวเวดดิ้งต้อนรับเดือนแห่งความรัก และเลือกสถานที่เป็นรีสอร์ทของครอบครัวเพื่อนเพื่อช่วยโปรโมทไปในตัว “ไอ้ไทด์เอ็งทำหน้าให้มันรื่นเริงกว่านี้หน่อยได้ไหมวะ เวดดิ้งน่ะเวดดิ้ง ไม่ใช่ ออกศึก เอิง ไม่ต้องยิ้มเริงร่ามากขนาดนั้นก็ได้ เอาแต่น่ารักพองาม ไม่ใช่ว่าทำหน้าดีใจอย่างกับว่าตัวเองขายออก” ปัณณ์พูดเสียงเอือมๆ อยู่หลังกล้องถ่ายรูป หลังจากมองผ่านเลนส์แล้วไม่เห็นถึงอารมณ์ร่วมของนายแบบและนางแบบเลย “แก้มให้แนบกันกว่านี้ได้ไหมวะ พี่ฉิ่งไม่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้หรือไง ทำไมต้องให้บอกด้วย... หัดเป็นมืออาชีพหน่อยสิ” “ไอ้ไทด์ ทำไมต้องเอามือห้อยเป็นกอริลล่าอย่างนั้นวะ... กอดบ่าเจ้าสาวไว้สิ เออ อย่างนั้นแหละ” “ภาพสุดท้าย อันนี้อาจจะได้เป็นหน้าปกหนังสือ เอิง หลับตาพริ้มซิ เอียงซ้าย ไอ้ไทด์หอมแก้มตามมุมกล้องที่พี่เคยบอกไว้ซิ ก้มหน้าลงอีกนิดนึง ใช่ นั่นหล่ะ” ปัณณ์ตะโกนบอกนายแบบนางแบบที่สวยงาม สมกันแต่ทำงานไม่เข้าขากันจนเขาเองคอแทบแตก เขากดถ่ายรัวชัตเตอร์และหามุมอยู่หลายมุมและเปิดดูจนได้ภาพที่พอใจที่สุดที่จะเอาไปตบแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่อไปเพื่อให้ได้ภาพปกที่งดงามและโดดเด่นยามวางอยู่บนแผงของหนังสือพราวพรรณราย เมื่อได้ภาพเท่าที่ปัณณ์พอใจ การถ่ายภาพเซตนี้จึงจบสิ้นลง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม