ศตายุย้ายออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวในย่านทวีวัฒนาเข้ามาอยู่คอนโด เดอะ พาราไดซ์พาร์ค สีลมเพื่อความสะดวกสบาย ในการเดินทางไปทำงาน คอนโดนี้อนุรักษ์ผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนแนะนำให้เขาย้ายเข้ามาอยู่โดยสั่งการให้ผู้ช่วยผู้จัดการส่วนตัวที่ดูแลเขาโดยตรงทำเรื่องเช่าห้องชุดนี้ให้อย่างเรียบร้อย และตัวเขาเองก็แค่หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมเข้ามาอยู่เมื่อเย็นวานนี้เอง
ศตายุนอนเกลือกกลิ้งหลับใหลบนเตียงในห้องพักหรูขนาดสองห้องนอนอยู่บนชั้นสามสิบของตัวอาคาร ที่ยามเย็นก็เห็นวิวของกรุงเทพมหานครงามตาไปอีกแบบ เขาไม่รู้สึกเหงาแม้จะอยู่คนเดียว เพราะคิดไว้ว่าหากว่างก็จะชวนก๊วนเพื่อนมาสังสรรค์ หากไม่ว่างก็ไปทำงานกลับมาก็นอนเล่นเกมส์อ่านหนังสืออยู่ที่ห้อง เท่านี้ชีวิตเขาก็มีความสุขแล้ว
ชีวิตของศตายุค่อนข้างเรียบง่าย แต่สมบูรณ์อย่างที่ใครก็อิจฉา เพราะเขาพร้อมทั้งรูป ทั้งทรัพย์และชาติตระกูล แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นกลับเป็นความกดดัน ในใจเขาอย่างประหลาด เพราะความเพียบพร้อมนั้นคือสิ่งที่พ่อแม่เขาสร้างไว้ทั้งหมด ดังนั้นศตายุจึงเลือกที่จะเข้าวงการเพื่อสร้างอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง อย่างเช่นชื่อเสียง เงินทอง และมากกว่านั้นหากทำได้
เสียงกริ่งโทรศัพท์ภายในดังก้องขึ้น... ศตายุพลิกตัวไปคว้าหูโทรศัพท์มาแนบหูตนเองอย่างเกียจคร้าน
“สวัสดีครับ” เสียงงัวเงียครางตอบกลับไป
“ไทด์ เป็นไงบ้าง คอนโดใช้ได้ไหม” เสียงคุ้นหูเอ่ยถามมา คนที่โทรมารบกวนเขาในยามเช้าก็คืออนุรักษ์ ผู้จัดการส่วนตัวพร้อมพ่วงตำแหน่งญาติห่างๆ ของศตายุ ที่อีกฝ่ายต่อสายมาจากคอนโดโครงการเดียวกันแต่อยู่คนละตัวอาคารกับเขา
“ก็ดีครับน้าอาร์ต” อนุรักษ์มีศักดิ์เป็นน้าของศตายุ แม้จะอายุห่างกันแค่เจ็ดปีเท่านั้น
“บอกว่าให้เรียกพี่ อย่าเรียกน้า... เดี๋ยวฉันก็ดับอนาคตในวงการของแกเสียหรอก”
เสียงบ่นหงุดหงิดของอนุรักษ์ทำให้ศตายุยิ้มกว้าง เพราะพอจะนึกหน้าญาติผู้พี่ยามโกรธที่โดนเรียกเป็นน้าออก
“ใครใช้ให้เกิดก่อน แถมเกิดเป็นน้องแม่อีกล่ะ”
“แหมๆ ทำเป็นพูด แกลืมบุญคุณที่ฉันอ้อนพ่อกับแม่แกให้โอกาสแกเข้าวงการไปไม่ต้องไปรับช่วงกิจการครอบครัวแล้วหรือไง ฉันขอแค่นี้ไม่ได้หรือวะไอ้หลาน คนนี้” อนุรักษ์ลำเลิกบุญคุณยาวเหยียด เพราะคนมีศักดิ์เป็นน้าของศตายุนี่แหละ ที่ทำให้เขาได้เข้ามาในวงการ ทั้งที่พ่อแม่ของชายหนุ่มไม่ชอบนักหนา และอนุรักษ์เองก็รู้ว่าในวงการนี้ชีวิตหลานชายจะห่างจากคำว่าความสงบอีกไกล แต่เตือนเท่าไหร่ไอ้หลานตัวดีมันก็ยังอยากใช้ชีวิตในแนวที่แปลกใหม่บ้างก็เลยยอมตามใจโดยมีข้อแม้ว่าอย่าเรียกว่าน้าเท่านั้น เพราะมันฟังแล้วดูไม่จืดเลย
“โอเคครับ พี่ก็พี่... ขอบคุณมากนะครับที่จัดการให้ ทุกอย่างโอเคครับ พี่อาร์ตจะโทรมาถามแค่นี้หรือเปล่า ผมจะนอนต่อแล้ว”
“ไม่มีอะไรอีกหรอก แต่พี่แค่อยากจะเตือนไว้ก่อนว่าแกอย่าพาเพื่อนมาแฮงค์เอาท์บ่อยนักและที่สำคัญที่สุดไม่ควรหิ้วสาวๆ มานอนด้วยที่ห้องเพราะคอนโดนี้มีน้องๆ ในสังกัดของพี่อยู่กันหลายคน ปาปารัสซี่ตอมกันให้ว่อนเชียวล่ะ เดี๋ยวแกจะตกเป็นข่าวแล้วโดนสกัดดาวรุ่ง” อนุรักษ์บอกเพราะห่วงนักหนา อยากให้ศตายุมีภาพขาวสะอาดเมื่ออยู่ในวงการ ไม่ให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
“โอเคครับผมเข้าใจ” ศตายุตอบรับเสียงอู้อี้
“อ้อ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งนะไทด์ นายจำน้องเอิงที่ถ่ายปกหนังสือคู่กับนายตอนเดือนก่อนได้หรือเปล่า... ห้องเขาเบอร์ 3012 อยู่ข้างๆ ห้องนายนะ น้องเขาเป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่ก็อยู่ต่างประเทศ มีอะไรก็ช่วยกันดูแลกันด้วยล่ะ พี่เพิ่งโทรบอกน้องเขาเมื่อกี้ว่าน้องชายพี่อยู่ห้องข้างๆ มีอะไรก็ขอให้ช่วยได้ จะบอกแค่นี้แหละนายนอนต่อเถอะ”
อนุรักษ์วางสายยังไม่ทันได้ถึงเสี้ยววินาที เสียงดังโป๊กๆ จากห้องข้างๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับแรงสะเทือนที่ถ่ายเทมาถึงห้องหมายเลข 3011 ของเขาอย่างเต็มที่
ในเวลาเช้าตรู่อย่างนี้... ยัยจอมหยิ่งนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ
ศตายุครางอย่างรำคาญหู นอกจากอนุรักษ์โทรมากวนแล้ว เสียงดังสนั่น ผนังห้องที่สะเทือนอยู่ตรงเหนือหัวนอนทำให้เขาคว้าหมอนมาปิดหูเอาไว้... เสียงเงียบไปและดังขึ้นมาอีกเป็นระลอกๆ และไม่หยุด
และแล้วความอดทนของศตายุหมดลง!