จับรักพยัคฆา ๓

2262 คำ
ร่างสูงเดินออกไปโทรหาจ่าน้อยข้างนอก ปลาส้มก็รีบถลามาหาขนมเพื่อสืบสาวราวเรื่องทันที ขนมจึงเล่าเรื่องราวเมื่อคืนทั้งหมดให้เธอฟังไม่ปิดบัง “อาหารเช้ามาแล้วครับคุณหนู” กล้าเดินออกมาพร้อมหม้อต้มอึ่งขนาดกลาง กลิ่นหอมสมุนไพรโชยไปทั้งบ้าน ปลาส้มตาถึงกับลุกวาว “ป้าดดดด ร่างกายกูมันต้องการเหล้าสาโทแท้น้อบาดหนิ คือสิจ้วดดีแท้” (โอ้โห ร่างกายกูต้องการเหล้าสาโทเลยทีนี้ คงจะโล่งดีเนอะ) ปลาส้มทำปากซี้ดเพียงคิดถึงเหล้าก็เปรี้ยวปากแล้ว แม้จะอยากรีบกลับบ้านเพราะกลัวสารวัตรแต่เธออยากกินต้มอึ่งมากกว่าเลยอดทนอยู่ต่ออีกนิด “กูซวนไปจับกะบ่ไปเมื่อคืนหนิ” (กูชวนไปจับก็ไม่ไปเมื่อคืนนี้) ขนมบ่นอุบขณะตักข้าวใส่จานให้ปลาส้ม เธอตักเผื่อไปถึงคุณตำรวจแปลกหน้าด้วยเช่นกัน “กูไปเบิ่งดวงมากะยังว่า” (กูก็บอกอยู่ว่าไปดูดวงมา) “บ้าบอ” “คุณตำรวจมาครับ ผมเจียวไข่เผื่อคุณด้วย” กล้าเอ่ยปากชวนพร้อมโชว์เมนูไข่เจียวที่ทำพิเศษให้คุณตำรวจเพราะเขาไม่รู้ว่าแขกของบ้านสามารถกินต้มอึ่งได้ไหม เหมือนเขาจะคาดเดาได้ถูกเพราะตอนนี้ใบหน้าคมเข้มมองสองสาวที่ตักอึ่งใส่จานคนละตัวด้วยความอึ้ง อึ่งไชโยท้องเต็มไปด้วยไข่สีดำขาวที่เขาไม่เคยกิน… “ขอบคุณนะ คุณ...” “กล้าครับ” “กล้า” เขาพยักหน้า นั่งลงกินข้าวด้วยท่าทางสง่างาม นิ้วเรียวยาวมีบาดแผลถลอกทั่วมือจับช้อนเริ่มตักไข่เจียวใส่จานตัวเอง เพียงคำแรกเขาก็พยักหน้าชมรสชาติไข่เจียวอย่างอดไม่ได้ “...” กล้ายิ้มดีใจ เมื่อฝีมือเขาเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาเข้าแล้ว “ลองกินอึ่งเบิ่งบ่สารวัตร แซ่บเด้” (ลองกินอึ่งดูไหมสารวัตร อร่อยนะ) ขนมเอ่ยปากชวน พร้อมทั้งดูท่าทางคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ท่วงท่าของเขาราวกับลูกผู้ดีตีนแดง แต่ทำไมต้องมาทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขนาดนี้ด้วยนะ? “...” เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่กล้าปฏิเสธตรงๆ กลัวจะเสียมารยาท หลังจากกินข้าวจนเกือบอิ่มจ่าน้อยก็บึ่งรถของสน.มาถึงพอดี ลงรถได้ก็รีบวิ่งมาสำรวจหัวหน้าตนเป็นการใหญ่ เมื่อคืนหายตัวไปติดต่อก็ไม่ได้ทั้งคืน เขาเป็นห่วงจนนอนไม่หลับพอเห็นหัวหน้านั่งกินข้าวสบายดีเขาก็แทบจะร้องไห้ “ฮือออ สารวัตรเสือ ผมเป็นห่วงแทบแย่” “ผมไม่เป็นไร เอาชุดมาให้ผมไหม” “เอามาครับ” ขนมช้อนสายตามองจ่าน้อยในชุดตำรวจนอกเครื่องแบบวัยกลางคน ตัวไม่ใหญ่มากสมชื่อ กำลังยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าให้ร่างสูง “เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อน คุณก็เอาของที่จะขายชั่งกิโลไว้ได้เลย จ่ายน้อยเอาเงินในกระเป๋าผมจ่ายให้ด้วย” สารวัตรเสือสั่งก่อนที่จะหันไปบอกขนมที่นั่งแทะอึ่งอย่างมีความสุข แล้วสั่งการจ่าน้อยอีกที “อาบน้ำก่อนก็ได้ครับสารวัตร ผมเตรียมผ้าขนหนูแปรงฟันไว้ให้แล้วในห้องน้ำ” กล้าเอ่ยด้วยความเป็นมิตร รู้จักกับตำรวจไว้ก็ดีเหมือนกัน เวลามีปัญหาจะได้ขอความช่วยเหลือ “ขอบคุณ” เสียงทุ้มค้อมหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้านหลังเดิมที่เขาเคยนอนเมื่อคืน เพื่ออาบน้ำแต่งตัว “กล้าเอาอึ่งที่ชั่งไว้ให้จ่าดุ๊” (กล้าเอาอึ่งที่ชั่งไว้ให้จ่าหน่อย) “นี่ครับจ่า 27 โลครับ” กล้าหอบถุงอึ่งขนาดใหญ่ 3 ถุง ถุงละ 9 โลให้แก่จ่าน้อยที่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ในใจเขาได้แต่คิดสารวัตรจะเอาอึ่งไปทำไมเยอะแยะ “คือหลายแท้” (ทำไมเยอะจัง) “สารวัตรเรารับปากแล้วเด้ะว่าสิเหมา” (สารวัตรแกรับปากแล้วนะว่าจะเหมา) ขนมลุกขึ้นมาเจรจาต่อรองกับจ่าน้อย จ่าน้อยเมื่อเห็นหน้าขนมชัดๆ ก็ผงะ เด็กสาวตรงหน้าใบหน้าสวย ผมสีน้ำตาลยาวดัดลอนเป็นคลื่นน้ำ ผิวขาวอมชมพูดูบอบบาง ดูยังไงก็ไม่เหมือนลูกสาวตาสีตาสา จะบอกว่าเป็นดาราเน็ตไอดอลเขาก็เชื่อ แต่นี่ดันมาจับอึ่งขาย... “รวมแล้วจักบาทล่ะ” (รวมแล้วเท่าไหร่) “พิเศษสำหรับจ่าและอ้ายสารวัตรจาก 9,450 ลดให้เหลือ 9,500 ละกัน” ขนมเอ่ยหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ กับการโก่งราคาครั้งนี้ แต่จ่าน้อยมือที่ถือกระเป๋าอยู่สั่นไปแล้ว.. นั่นมันเงินเดือนเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเขาเลยนะ “ป๊าดดด!! คือแพงแท้” (โห! ทำไมแพงจัง) “กะราคาตลาดเด้ะล่ะ โลละ 350 นี่ไข่ล้วนๆ เลยนะ เลือกจับมาเป็นพิเศษ” (ก็ราคาตลาดนะ โลละ 350 นี่ไข่ล้วนๆ เลยนะ เลือกจับมาเป็นพิเศษ) ขนมเกี่ยวนิ้วอยู่ด้านหลังโกหกจ่า ร่างสูงที่เดินออกมาเห็นเข้าพอดี เขาเพียงกระตุกมุมปากทีนึงก่อนจะเปลี่ยนสีหน้านิ่งเฉยดังเดิม เมื่อเดินลงมาจากบ้านก็บอกจ่าให้ยอมจ่ายไปตามที่เธอว่า เพราะเขาต้องการตอบแทนที่เธอช่วยเหลือ จะได้ไม่ติดค้างต่อกันอีก จ่าน้อยมองแบงก์พันในกระเป๋าที่กำลังหยิบออกไปด้วยมือสั่นเทา แม้จะคาใจแต่ก็ยอมจ่ายแต่โดยดี เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่เงินของเขาและสารวัตรเองก็เต็มใจที่จะจ่าย... แต่ก็อดคร่ำครวญในใจไม่ได้ถึงความแพง “รอบนี้ท่อนั้นล่ะที่สิยอม ราคาตลาดมันแค่ 300 เอง” (รอบนี้เท่านั้นแหละที่จะยอม ราคาตลาดมันแค่ 300 เอง) จ่าน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง รอบนี้ยอมให้เด็กน้อยโกงละกัน… หลังจากสารวัตรกับจ่ากลับไปแล้วปลาส้มก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “กูเกือบขาดอากาศหายใจแล้วบ่เมื่อกี้” (กูเกือบขาดอากาศหายใจไปแล้วเมื่อครู่) “มึงย่านหยังปานนั้น” (มึงกลัวอะไรขนาดนั้น) “หืม มึงบ่รู้ติ นั่นสารวัตรปราบปรามที่โหดสุดๆ เลยเด้ เคยบุกไปจัดการกับพวกค้ายาที่นัดส่งยา 20 ต่อ 1 กะจัดการเรียบด้วยโตคนเดียว” (หืม มึงไม่รู้เหรอ นั่นสารวัตรปราบปรามที่โหดสุดๆ เลยนะ เคยบุกไปจัดการกับพวกค้ายาที่นัดส่งยา 20 ต่อ 1 ก็จัดการเรียบด้วยตัวคนเดียว) “สมพอล่ะคือเป็นสภาพนั้นในป่าข้าวโพด” (ถึงว่าแหละถึงเป็นสภาพนั้นในป่าข้าวโพด) ขนมแทะอึ่งต่อไม่ได้สนใจนัก ห้าวนักแน่จริงก็อย่าให้เธอช่วยออกจากป่าข้าวโพดสิ “เออ.. ตอนแลงไปเบิ่งหมอลำบ่ กูอดบ่ได้ดอกวะสิบ่ออกบ้าน” (เออ.. ตอนเย็นไปดูหมอลำไหม กูอดไม่ได้หรอกที่จะไม่ออกบ้าน) “คณะใด๋ล่ะ” (คณะไหนล่ะ) “ระเบิดบันเทิงศิลป์” ปลาส้มเอ่ยอย่างตื่นเต้น คณะดังที่คนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง นานๆ จะได้คิวมาแถวบ้านทีหนึ่งจะพลาดได้ไง “ไปกะได้ แล้วเอารถหยังไป” (ไปก็ได้ แล้วเอารถอะไรไป) ขนมกับกล้ามีเพียงมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคันเดียวกับจักรยานสองคัน “กะรถพ่วงข้างมึงนี่เด้ะ” (ก็รถพ่วงข้างมึงนี่ไง) “บ่ไกลติ” (ไม่ไกลเหรอ) “บ่ อยู่หน้าอำเภอ” (ไม่ อยู่หน้าอำเภอ) “บ้านมึงติเอิ้นบ่ไกล” (บ้านมึงเหรอเรียกไม่ไกล) ขนมวางอึ่งแล้วมองหน้าปลาส้ม 14 กิโลเรียกไม่ไกล แล้วกี่กิโลถึงไกลสำหรับมัน “แค่นี้บ่ไกลเกินใจดอกค่ะ” (แค่นี้ไม่ไกลเกินใจหรอกค่ะ) 19.00 น. “คนคือหลายแท้” (ทำไมคนเยอะจัง) “หลายแหล่วเนาะ งานประจำปีของอำเภอ คนอำเภอข้างเคียงเขากะมาคือกัน” (ก็ต้องมากสิ งานประจำปีของอำเภอ คนอำเภอข้างเคียงเขาก็มาเหมือนกัน) “ไปเถาะครับคุณหนู เอื้อยปลาส้ม ผมอยากเต้นแล้ว” (ไปเถอะครับคุณหนู พี่ปลาส้ม ผมอยากเต้นแล้ว) กล้าที่พึ่งขับรถไปหาที่จอดรีบเดินมาด้วยความดี๊ด๊า นานๆ ทีจะมีงานแบบนี้ “เต้นหยังกะระวังตีนนำเด้อมึง” (เต้นอะไรก็ระวังตีนด้วยนะมึง) ปลาส้มเตือนด้วยความหวังดี ทุกงานประจำปีมักจะมีคนตีกันทุกที ภายในงานมีทั้งซุ้มปาโป่ง บิงโก สาวน้อยตกน้ำ และอีกมากมาย แต่ที่ดึงดูสายตาที่สุดสำหรับขนมก็คือของกินนี่แหละ อาหารเยอะมาก ขนมเลือกซื้ออย่างละนิดอย่างละหน่อยเพื่อที่ได้ลองชิมทุกร้าน ส่วนกล้าก็เอาเสื่อไปปูรอดูการแสดงข้างเวที อยู่โซนติดกับลำโพงฝั่งซ้ายโดยมีเพื่อนอีกสองคนที่เรียนด้วยกันตอนมัธยมมาร่วมนั่งด้วย เมื่อขนมกับปลาส้มมาถึงก็ยื่นของกินแบ่งกล้าแล้วนั่งด้วยกัน “ป้าด คุณหนูมึงคืองามแท้” (โห.. คุณหนูมึงทำไมสวยจัง) เพื่อนคนหนึ่งสะกิดกล้า มองขนมด้วยสายตาลุกวาว “สวัสดีครับเอื้อยคนงามทั้งสอง” (สวัสดีครับพี่คนสวยทั้งสอง) เพื่อนคนหนึ่งรีบยกมือขึ้นมาสวัสดี “อือ หวัดดี” ขนมตอบรับ “สูอย่าพากันกวนตีนหลายเด้อ เบิ่งซุมข้างๆ มันจ้องเล่นสูแท้ๆ” (พวกเอ็งอย่าพากันกวนตีนมากนะ ดูพวกข้างๆ มันจ้องจะเล่นพวกเอ็งแน่ๆ) ปลาส้มมองไปรอบๆ มีกลุ่มวัยรุ่นด้านหลังอยู่กลุ่มหนึ่งราวๆ ห้าคนท่าทางน่ากลัว “ครับ พวกผมบ่ไปเฮ็ดไผก่อน เขาคือสิมาเฮ็ดพวกผมเอ้า” (ครับ พวกผมไม่ทำใครก่อน เขาจะมาทำอะไรพวกผม?) เพื่อนกล้าเอ่ย 15 ผ่านไป... หลังจากเพลงมารดาชำรุดเริ่มบรรเลง อยู่ๆ ก็มีหนึ่งคนในกลุ่มด้านหลังที่ปลาส้มพูดถึงเดินมากระชากคอเสื้อเพื่อนของกล้า “มองหน้าหาแม่มึงติ” (มองหน้าหาแม่มึงเหรอ) ใบหน้ากร่างพร้อมหาเรื่องหิ้วคอเสื้อเพื่อนของกล้าขึ้น จ้องเขม็งราวกับต้องการฆ่าแกงให้ตาย “แม่น หาเราบ่พ้ออยู่จักแม่ไปหลงอยู่ไส” (ใช่หาแกไม่เจออยู่ ไม่รู้ไปหลงตรงไหน) เพื่อนของกล้าทำใจดีสู้เสือพยายามคุยด้วยเหตุผล แต่มันกลับทำให้คนตรงหน้าเดือดดาลกว่าเดิมเพราะคิดว่าเพื่อนของกล้ากำลังกวนประสาท “กวนตีนแท้บักนี่” พลัก!! อัก!! กำปั้นหนักๆ ถูกอัดเข้าใบหน้าเพื่อนของกล้าอย่างจัง เมื่อพวกขนมเห็นดังนั้นรีบลุกขึ้นทันที กล้ารีบวิ่งเข้าไปช่วยก็โดนต่อยกลับมาโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นเดียวกัน พลัก! ทั้งร่างเซถลาไปกองที่เสื่อโดยมีปลาส้มช่วยพยุงกล้าไว้ “เป็นหยังบ่” (เป็นอะไรไหม) ปลาส้มถามด้วยความเป็นห่วง เต้นหน้าเวทีอยู่ดีๆ โดนหาเรื่องแบบนี้ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 มันยอมได้ที่ไหนกัน ปลาส้มเตรียมตัวลุกไปสู้กับไอ้พวกนั้นแต่ก็โดนขนมดึงไว้ “มึงไปเบิ่งบักกล้ากับหมู่มันก่อนไป” (มึงไปดูไอ้กล้ากับเพื่อนมันก่อน) ขนมมองหน้าไอ้ตัวต้นเรื่องด้วยท่าทีสบายๆ นักเลงกระจอกแบบนี้ต้องเจอตีนค่ะ “อยู่ดีๆ มาหาเรื่องสูอยากได้ตีนแม่นบ่?” (อยู่ดีๆ มาหาเรื่องพวกมึงอยากได้ตีนใช่ไหม?) ขนมเดินไปประจันหน้ากับคนหาเรื่องคนนั้น มือที่ถือแก้วน้ำอัดลมยกขึ้นดูดพร้อมยักคิ้วยียวน “แม่น หิวตีนแฮง อยากนอนซดข้าวต้มโรง’บาล โดยเฉพาะตีนนุ่มๆ ของเธอ ซ่อยเอามาฟาดปากเฮาแหน่” (ใช่ หิวตีนมาก อยากนอนซดข้าวต้มโรง’บาล โดยเฉพาะเท้านุ่มๆ ของเธอ ช่วยเอามาฟาดปากเราหน่อย) คนข้างหลังของคนที่หาเรื่องเมื่อครู่เดินมายืนเผชิญหน้ากับร่างเล็ก แต่ละคำที่พูดออกมากลิ่นเหล้าฉุนจนเธอต้องเบ้ปากปิดจมูก ฝั่งใต้ต้นไม้หลังเวที.. “สารวัตรครับ นั่นใช่พวกเด็กที่ช่วยสารวัตรเมื่อเช้าไหมครับ” จ่าน้อยชี้ไปยังกลุ่มวัยรุ่นราวๆ สิบคนที่ดูเหมือนกำลังจะมีเรื่อง ร่างสูงกอดอกใบหน้าเยือกเย็นมองตามที่จ่าน้อยชี้จึงได้เห็นว่าเป็นเด็กกลุ่มนั้นจริงๆ เขามองร่างเล็กผิวขาวสว่างในชุดเสื้อส่ายเดี่ยวสีน้ำเงินกางเกงยีนขายาวสีเดียวกันพร้อมกับรองเท้าผ้าใบ กำลังยืนประจันหน้ากับชาย 5 คนด้วยท่าทีสบายๆ ท่ามกลางฝูงชนกลับดูออร่าโดดเด่นสะดุดตากว่าใคร… “แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้เหรอไง” เขาพึมพำเบาๆ ใบหน้ามืดครึ้มจับจ้องไม่ละสายตา “จ่าคอยจับตาดูให้ดี” เขาออกคำสั่งดูเหมือนสถานการณ์แปลกๆ ยังไม่ทันขาดคำ… “โอ้เวรแล้ว! อินางน้อยหมุนเตะก้านคอผู้ซายแล้วครับสารวัตร เฮ็ดจั่งใด๋ดี” (โอ้เวรแล้ว! ยัยหนูน้อยหมุนเตะก้านคอผู้ชายแล้วครับสารวัตร ทำยังไงดี) จ่าน้อยเบิกตาด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้าเมื่อกี้มันอะไรกันเร็วมาก หมุนทีเดียวผู้ชายตรงหน้าเธอสลบไปเลย “หึ” ร่างสูงยังคงกอดอกมองด้วยสีหน้าเย็นชาดังเดิมเพียงแต่มียิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากที่ไม่มีใครมองเห็น “สายดำสินะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม