จับรักพยัคฆา ๔

1892 คำ
“ไปดูกันเถอะ” เมื่อออกคำสั่งก็สาวเท้าไม่รีบไม่ร้อนไปยังจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางความสนใจของฝูงชนรอบข้าง คนหนึ่งตัวไม่สูงมากในชุดตำรวจสีกากีเต็มยศ ส่วนอีกคนอยู่ในชุดสีดำนอกเครื่องแบบดูน่าเกรงขาม ที่สำคัญหล่อเหลาราวกับเทพเซียนมาลงจุติ ทุกอย่างก้าวดึงดูสายตาราวกับต้องมนตร์ “มาแม๊! ยืนรอหยัง” (มาดิ! ยืนรออะไร) ขนมที่พึ่งหมุนเตะไอ้คนขี้เมาปากดีเมื่อครู่สลบ ยกแก้วน้ำอัดลมที่ถืออยู่ขึ้นมาดูดด้วยท่าทีไม่เดือดไม่ร้อน โดยมีปลาส้มปรบมือเชียร์อยู่ข้างหลัง “รู้จักหมู่กูน้อยไปซะแล้ว” (รู้จักเพื่อนกูน้อยไปเสียแล้ว) “พวกมึงไป๊ รุมพร้อมกันเลยเฮา” (พวกมึงไป รุมพร้อมกันเลยเรา) หัวหน้ากลุ่มในนั้นที่มีท่าทีหวั่นใจแต่ก็ฮึดสู้ทำใจดีสู้เสือเอ่ยปากนัดแนะกับเพื่อนให้เข้าไปพร้อมกัน เมื่อได้รับคำสั่งทั้งสี่คนก็กรูเข้าหาร่างเล็กที่ยืนทำหน้าเฉยเมยทันที เพียงแต่เดินเข้ามาไม่ถึงไหนขนมก็เตะกลับหลังปลิวไปแล้วหนึ่งคน ที่เหลือสามคนมองด้วยท่าทางทึ่งๆ ทั้งยังใจฝ่อไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ “เฮ้ย สูย่านหยัง ซาดผู้หญิงคนเดียว” (เฮ้ย พวกมึงกลัวอะไร แค่ผู้หญิงคนเดียว) หัวหน้ากลุ่มที่เข้ามาหาเรื่องพวกกล้าในตอนแรกเอ่ยเสียงเข้ม จริงๆ เขาเองก็กลัวแต่ตอนนี้กลุ่มพวกเขากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนในงานไปแล้ว ถ้าถอยตอนนี้กลุ่มนักเลงอื่นคงได้หัวเราะเยาะจนขายหน้าแน่ “สูไปจับมันไว้ ที่เหลือกูจัดการเอง” (พวกมึงไปจับมันไว้ ที่เหลือกูจะจัดการเอง) “อือ” ทั้งสองคนพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินไปหาขนมคนละฝั่ง เมื่อมองเห็นสองคนซ้ายขวาขนมก็ตัดสินใจได้ทันทีกว่าเริ่มจากด้านขวาก่อนเพราะตัวเล็กกว่า ส่วนผู้ชายด้านซ้ายไว้ทีหลัง ทันทีที่คนด้านขวาเดินมาขนมก็หมุนเท้าได้องศาพอดีก่อนจะหมุนสามรอบแล้วกระโดดเตะตามที่เธอได้เรียนเทควันโดมา จากนั้นก็หมุนตัวกลับมาเตะฟาดหน้าคนฝั่งซ้ายทันทีในระยะเวลาไม่ถึงนาที ท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนที่มองอยู่รอบข้าง คราวนี้เพราะเสียงเชียร์ดังเกินไปตำรวจและอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยเริ่มสังเกตเห็น.. “กูว่าท่าจะไม่ดีแล้ว หนีเถาะเฮา” (กูว่าท่าจะไม่ดีแล้ว หนีเถอะเรา) ขนมมองดูรอบๆ เห็นอาสาฯเริ่มจะวิ่งมา รีบบอกเพื่อนของเธอ กล้าที่ลุกขึ้นได้นานแล้วรีบพับเสื่อเก็บด้วยความเร่งรีบ พวกปลาส้มเองก็เตรียมรอวิ่งแล้วเช่นกัน เพราะมัวแต่มองที่อื่น ขนมลืมไปเลยว่ายังมีนักเลงอีกคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มยังไม่โดนจัดการ ทันทีที่มันเห็นร่างเล็กเผลอก็หยิบมีดพับในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา... อย่างน้อยๆ เพื่อกู้ศักดิ์ศรีมันควรต้องจัดการผู้หญิงที่ทำให้มันต้องอับอายขายหน้าเสียหน่อย แม้จะเป็นวิธีสกปรกก็ตาม “ขนมระวัง!!” ปลาส้มเห็นเข้าพอดีรีบเอ่ยเตือนเพื่อนแต่เหมือนจะไม่ทัน “ตายซะมึง” ฉึก! ฟึบบบ! แขนแกร่งกำยำคว้าเอวเล็กดึงเข้าแนบอก กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผมนุ่มปะทะเข้าปลายจมูกทำเอาร่างสูงเจ้าของใบหน้าเยือกเย็นชะงักไปเล็กน้อย หลังจากตั้งสติได้เขาก็กระโดดถีบนักเลงคนนั้นปลิวไปกองกับพื้นทันที โดยที่มือยังโอบเอวคนตัวเล็กไว้อยู่ “เกือบไปแล้ว” กล้าถอนหายใจ ภาพตรงหน้าเมื่อครู่เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ยังดีที่คุณหนูของเขาได้สารวัตรมาช่วยไว้เสียก่อน ไม่งั้นเขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปบอกป้ายังไงที่ดูแลเธอไม่ดี “หืมม?” เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วมากเธอยังไม่ตั้งตัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ตัวอีกทีเห็นนักเลงคนนั้นถือมีดเล่มเล็กคามืออยู่ ถึงได้ถูกว่าตัวเองเกือบโดนแทงเข้าแล้ว “ไม่รู้จักระวังตัวเอง” น้ำเสียงเฉยชาปนดุเอ่ยไม่สบอารมณ์ก่อนจะปล่อยเอวเล็กออกจากมือ “จ่าจับตัวไปสอบสวนที่ห้อง” เขาเอ่ยสั่งจ่าน้อยที่กำลังใส่กุญแจมือให้ชายคนนั้นก่อนจะโบกมือให้อาสาฯที่วิ่งมากลับไปประจำจุด “ขอบคุณสารวัตร” (ขอบคุณสารวัตร) แกร๊ง! ขนมยังเอ่ยไม่ขาดคำก็รู้สึกเย็นๆ ที่ข้อมือ ก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ทำหน้าเฉยชาอยู่ข้างๆ กำลังใส่กุญแจมือให้เธอ “สารวัตร ฉันผิดอีหยังหนิคะ” (สารวัตร ฉันผิดอะไรคะ) ขนมยกแขนเรียวเล็กด้านขวาที่มีกุญแจมือคล้องอยู่เพื่อถาม “ปล่อยหมู่ข่อยเด้อสารวัตร พวกนั้นมันมาหาเรื่องเฮาก่อน เห็นบ่หนิพวกกล้าโดนอัดปากแตกเบิ่ด” (ปล่อยเพื่อนฉันนะสารวัตร พวกนั้นมาหาเรื่องเราก่อน เห็นไหมพวกกล้าโดนต่อยปากแตกหมด) เมื่อเห็นสารวัตรทำท่าจะจับขนมปลาส้มก็รีบโต้แย้งทันที “ก่อเหตุทะเลาะวิวาท มีตรงไหนที่ไม่ผิด” ใบหน้านิ่งเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะล็อกกุญแจมืออีกข้างลงที่มือตัวเองแล้วจูงให้ขนมเดินตาม “ตามมา ทั้งหมดเลย” เขาเอ่ยสั่งพวกกลุ่มเพื่อนของขนมให้ตามมาด้วย สถานการณ์ถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว พวกที่โดนขนมเตะสลบหน่วยปฐมพยาบาลรีบหามเปลมาช่วยทันที เมื่อมาถึงโรงพักสารวัตรเสือก็ให้คนอื่นรอด้านนอกมีเพียงขนมกับคู่กรณีที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเข้าไปยังห้องสอบสวน “มีอะไรจะแก้ตัวไหม” สายตาดุดันจ้องเขม็งไปยังนักเลงชายที่หาเรื่องพวกขนม คนที่ถูกมองขนลุกซู่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ รัศมีความน่ากลัวแผ่กระจายจนเขารู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กเท่ามด เม็ดเหงื่อที่หลังผุดมาราวกับอยู่ท่ามกลางแดดจ้าทั้ง ๆ ที่แอร์ในห้องสอบสวนเย็นเฉียบ “บ่มีครับ” (ไม่มีครับ) เขารีบส่ายหน้าพัลวัน “จ่าเอาตัวขังไว้ 48 ชั่วโมง ที่เหลือค่อยว่ากัน” เขาตะโกนเรียกจ่าน้อยที่อยู่ด้านนอกให้มาเอาตัวเขาต้นเรื่องไป หลังจากได้รับคำสั่งจ่าน้อยก็รีบจัดการอย่างรวดเร็ว สายตาคมกริบย้ายมาจับจ้องยังร่างเล็กที่มีท่าทีสบายๆ ราวกับมานั่งตากแอร์เล่น ร่างสูงแปลกใจเล็กน้อยที่เธอไม่ได้มีท่าทีกลัวเขาเหมือนคนอื่นๆ เลย เธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงแต่กลับสงบนิ่งไม่มีความหวาดกลัวใดๆ ในสายตา มีเพียงความขี้เล่น ซุกซน พร้อมประกายระยับข้างในนั้น... “คุณสารวัตรสิมองอีกโดนบ่? มีหยังกะเว้ามาเถาะค่ะ” (คุณสารวัตรจะมองอีกนานไหม มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ) เธอกอดนั่งกอดอกกระดิกเท้าร้องเพลงตามเสียงดลตรีหมอลำที่อยู่ด้านนอกสะท้อนมาในห้องสอบสวนในใจ “อยู่กับผมให้พูดภาษากลาง ผมค่อยไม่เข้าใจ” ร่างสูงเอนกายพิงเก้าอี้พร้อมกับกอดอกมองหญิงสาวตัวเล็กด้านหน้าก่อนจะเหลือบสายตาไปมองบัตรประชาชนของเธอที่วางอยู่ด้านข้าง “สารวัตรจะมองอีกนานไหมคะ มีอะไรก็พูดมาเถอะ” ร่างเล็กกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย อยากออกไปดูหมอลำด้านนอกจะแย่ ไม่รู้สารวัตรมากักเธอไว้ทำไม ในเมื่อนักเลงคนนั้นก็สารภาพผิดทุกอย่างแล้ว “ชญามนต์ นารามังกร กรุงเทพฯ อายุ 22” คิ้วเข้มยักขึ้นหนึ่งข้างมองหญิงสาวตรงหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “นามสกุลดังนี่ เป็นอะไรกับเจ้าสัวชัย?” “เป็นอะไรก็ช่างเถอะค่ะ ไม่ต้องสนใจหรอก ตอนนี้ฉันไม่มีผู้ปกครองค่ะคุณตำรวจ ไม่ต้องถามหาเบอร์โทรใดๆ ทั้งสิ้น” ร่างเล็กเริ่มอารมณ์เสียเพราะร่างสูงตรงหน้าเอาแต่จ้องเขม็งและขอเบอร์ผู้ปกครองของเธอเพื่อให้มารับทราบและสั่งสอนบุตรสาวตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในห้องสอบสวนแล้ว “โอเค.. ไม่มีก็ไม่มี งั้นผมจะช่วยสั่งสอนคุณเอง” ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินล้วงกระเป๋ากางเกงอ้อมมายังเก้าอี้ที่ร่างเล็กนั่งอยู่ก่อนจะหมุนเก้าอี้ของเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา พร้อมกับโน้มตัวไปใกล้ๆ ทำเอาร่างเล็กที่ไม่ทันตั้งตัวเอนหนีพิงเก้าอี้ทันที “เรื่องแรก แต่งกายเปิดเผย.. เป็นผู้หญิงมางานที่คนพลุกพล่านแบบนี้อันตรายมากรู้ไหม” เขามองเรียวแขนเล็กเผยผิวขาวบอบบางใสกระจ่างด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ พร้อมเอามือเท้าที่วางแขนของเก้าอี้กักขังไม่ให้เธอหนี “ฉันเรียนศิลปะป้องกันตัวมาค่ะ ดูแลตัวเองได้” เสียงใสตอบอู้อี้ในลำคอ “งั้นเหรอ?” ดวงตาคมเข้มจ้องมองไหล่มนขาวเนียนก่อนจะสบสายตากับคนตัวเล็กที่ทำตัวเล็กลีบอยู่ตรงหน้า “ลองเอาตัวรอดจากผมให้ได้ก่อนแล้วผมจะปล่อยคุณไป” “...” ร่างเล็กได้ยินก็เข้าใจทันทีว่าเขาต้องการสั่งสอนเธอทางอ้อม ขาเรียวเล็กเล็งเตะเข้าเป้าร่างสูงทันทีแต่เขาก็รู้ทันจับไว้ได้ ก่อนจะยกกำปั้นเล็กทั้งสองเพื่ออัดเข้าหน้าเขาแต่ก็โดนรวบไว้ด้วยมือข้างเดียว สลัดยังไงก็เอาออกไม่ได้ ขณะที่ไม่ทันตั้งตัวเพียงเสี้ยววินาทีร่างสูงก็ช้อนร่างเล็กเบาหวิวแล้วอุ้มขึ้นวางลงบนโต๊ะทำงาน แขนแกร่งจับเรียวขาแยกออกจากกัน ก่อนจะแทรกตัวอยู่ระหว่างกลางพร้อมกับยกแขนสองข้างเท้าบนโต๊ะกันไม่ให้เธอหนี ทั้งสองร่างแนบชิดกันจนลมหายใจทั้งคู่สอดประสาน ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ เมื่อรู้สึกว่าตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมกลับเป็นขนมเองที่ยอมเอนตัวถอยหนีแต่ร่างสูงก็ตามมาประกบใกล้ชิดเสียยิ่งกว่าเดิม กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของร่างเล็กปะทะเข้าปลายจมูกทำเอาร่างสูงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติสบตากับสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เธอคิดว่าผู้ชายที่จะข่มขืนหญิงสาวจะใจดีให้เธอสบตาเล่นแบบนี้ไหม” “...” ขนมรีบส่ายหน้าพัลวัน “ทีนี้รู้หรือยังว่าต่อให้ผู้หญิงเก่งแค่ไหนก็แพ้แรงผู้ชายอยู่ดี” “...” ร่างเล็กรีบพยักหน้าทันควัน เพราะเธอสู้คนตรงหน้าไม่ได้จริงๆ แรงเยอะราวกับยักษ์ตัวใหญ่ แค่มือเดียวก็จัดการเธอได้แล้ว อยากร่ำไห้ให้กับวิชาที่ร่ำเรียนมาจริงๆ “ทีหลังอย่าแต่งตัวเปิดเผยแบบนี้ให้ผมเห็นอีก” พูดจบก็ปล่อยตัวร่างเล็กเป็นอิสระ เดินไปหยิบแจ็คเก็ตสีดำตัวใหญ่ของตัวเองแล้วโยนคลุมหัวเด็กดื้อที่แน่นิ่งอยู่ที่เดิม “ใส่เสีย” ขนมได้สติก็รีบหยิบมาใส่ทันที พร้อมกับบ่นอุบอิบในใจ “คนแก่ขี้บ่น” ปากเล็กเบ้งอนเป็นเด็กโดนขัดใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม