CHAPTER 6
“ไม่อยากเสือกแต่มือมันไปเอง”
“มึงอย่ามากวนตีน!” ไอ้ผู้ชายคนนั้นส่งสายตาไม่พอใจมาให้บอลเต็มๆ “เพื่อนมึงเหี้ยเองปล่อยหมัดกระแทกหน้าด้านๆ ของมันไม่ดีกว่าเหรอวะ”
“ไปกระแทรกหน้าเมียมึงโน้นเท่าที่รู้มาผู้หญิงคนนั้นมาจีบไอ้บีมเอง เธอบอกไม่มีผัว ไม่มีข้อผูกมัดกับใครหน้าไหนทั้งนั้นไม่เชื่อจะดูแชทมั้ยล่ะแล้วมันไม่ใช่แค่นั้นไม่ใช่แค่ไอ้บีม เมียมึงก็แชทมาหากู”
“...”
“อย่าให้เรื่องมันบานปลายเพราะผู้หญิงคนเดียว หน้าอย่างมึงหาได้เยอะกว่านี้” บอลผลักหมัดนั้นลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใจเย็นขึ้น “กูไม่อยากให้มันจบที่พ่อมาจับ”
“ไหนมาแชทมึงมาดู”
“ได้” บอลยื่นโทรศัพท์ตัวเองไปที่ตรงหน้าผู้ชายคนนั้น ฉันเห็นนะว่าเขาบดกรามแน่นคงโกรธที่เมียตัวเองทำแบบนี้กับตัวเอง เธอหักหลังคนรักซึ่งมันเป็นการกระทำที่แย่มาก “เห็นแล้วนะ”
“ไหนขอดูหน่อย” แต่พอบอลจะดึงโทรศัพท์คืนมาฉันก็ออกไปคว้าโทรศัพท์เครื่องนั้นมาอ่านอย่างตั้งใจไม่สนสายตาใครทั้งนั้น ข้อความที่ส่งมาหาบอลโคตรเลยอ่ะ 11รด มาก “โห...”
“หวาน”
“มึงมีผู้หญิงมาด้วยเหรอวะ” อึก! แต่แล้วไม่ทันที่จะได้ยินเสียงตอบมือใหญ่ของบอลก็ยื่นโอบรอบลำคอและกระชับร่างกายของฉันปะทะเข้ากับแผงอกดังปึก กลิ่นน้ำหอมกลิ่นประจำของบอลแตะเข้ามาในจมูกอยู่เรื่อยๆ ผสมกับเสียงหัวใจของฉันที่กระหน่ำเต้นแรงขึ้นๆ ตามลำดับ “แบบนี้สินะถึงไม่อยากมีเรื่อง”
“เรื่องแบบนี้อยากใช้สมองมากกว่าใช้กำลัง” บอลพูดขึ้นเสียงเข้มเน้นหนักทุกคำในประโยคที่พูดอีกทั้งยังดังกว่าเมื่อกี้เยอะ “แต่ถ้าใครแตะเธอเมื่อไหร่จำไว้สมองไม่มีผล กูจะใช้กำลังอย่างเดียว”
ไม่จบแค่นั้นเมื่อเสื้อแขนยาวตัวเดิมถูกนำมาห่มคุมตั้งแต่ศีรษะลงไปอีกชั้นคราวนี้อ้อมกอดกระชับแน่นไปอีกแทบทำให้ระยะห่างจากฉันและบอลไม่มีช่องว่างเลยอีกอย่างไม่กล้ากระดิกตัวแม้สักนิด บรรยากาศแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้งแล้วพึ่งมาเกิดขึ้นก็วันนี้นี่แหละ วันที่ความมึนตึงรอบตัวชักทำให้หวั่นๆ
แบบนี้นี่เองที่เขาพูดกันปากต่อปากว่าไม่อยากตายอย่าอยู่ท่ามกลางคนมีเรื่องกัน
แบบนี้เองได้สัมผัสก็วันนี้แหละ
อย่าให้มีเรื่องเลย การภาวนาของฉันต้องเป็นผลสิในเมื่อนับครั้งได้เลยว่าไม่เคยขออะไรมากมายด้วยซ้ำครั้งนี้ขอรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิบ้างเล็กน้อยโปรดเอ็นดูคนตัวเล็กๆ เท่ามดอย่างฉันเถอะ
“อย่ายุ่งกับของมันถ้ายังอยากอยู่ดี” และแล้วเสียงของหินก็ดังขึ้นแทนเพราะตอนนี้บอลเงียบมากไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเลยนอกจากถอนหายใจยาวถี่ๆ แบบเดิม ทุกครั้งบอลไม่เคยเป็นแบบนี้เลยเหมือนเขากำลังย้ำเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือไม่ก็กำลังโทษตัวเองอยู่ที่พาฉันมาด้วย “อันนี้เตือน”
“หึ...”
เสียงชายคนนั้นทำให้ฉันบีบโทรศัพท์ในมือแน่นส่วนอีกมือหนึ่งเคลื่อนไหวไปด้านหลังของคนตัวสูงจากนั้นก็กอดรัดแน่นตรงเอวสอบขึ้นตามลำดับความกลัวเหมือนบอลจะรับรู้นะเพราะเขาขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันขึ้นอีกก่อนที่มือใหญ่อีกข้างวางบนศีรษะเบาๆ ทำให้ความอุ่นใจแผ่ซ่านปกคลุมความกลัวไปเสียหมด
“เฮียไปเถอะ” บีมเอ่ยไล่บอล
“พาหวานไปเถอะว่ะ” ตามมาด้วยหิน
บอลลังเลนิดหน่อยจากคำแนะนำของเพื่อนฉันเข้าใจนะเพราะบีมเป็นน้องชายยังไงคนเป็นพี่ชายต้องห่วงเป็นธรรมดาถึงบางครั้งบอลไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่แต่เชื่อไหมแค่ได้ยินบีมเดือดร้อนบอลก็พร้อมกระโจนเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเลไม่ว่าเรื่องอะไร
บอลมีเหตุผลพอ ชอบใช้สมองมากกว่ากำลัง
“พาพี่หวานไปเลยเฮีย เชื่อเถอะเคลียร์ได้”
สุดท้ายบีมก็ย้ำอีกครั้ง
ครั้งนี้.. บอลยอมน้องชาย
“อืม” พอบอลรับปากเขาก็เอี่ยวตัวกลับหลังโดยไม่ลืมวาดแขนมาวางที่ไหล่ของฉันแล้วออกแรงบังคับให้เดิมเคียงกันมา การเดินที่ไร้เสียงคำพูด การเดินที่ชวนให้รู้สึกหวั่นๆ “ขอโทษ”
“อะ อะไร ไม่ได้ทำผิดเสียหน่อย”
“ขอโทษที่พามาเจออะไรแบบนี้นะหวาน”
หมับ...
แล้วฉันก็ตัดสินใจหยุดเดินหันตัวเข้าไปทางบอลก่อนยกมือขึ้นมาทั้งสองข้างทาบฝ่ามือลงบนแก้มของคนตัวสูงกว่า นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองตรงมาไม่กระพริบตาเหมือนที่ฉันจ้องมองเขาอยู่ถึงแม้จะมีเสื้อตัวใหญ่คลุมเกือบลับใบหน้าฉันเกือบครึ่งแต่รู้ไหมว่าฉันมองคนตรงหน้าชัดเจนมาก
ชัดเจนมาตั้งแต่ไหนก็ไม่รู้
ชัดเจนมาถึงตอนนี้
แสงจากไฟกิ่งด้านบนศีรษะทำให้เกิดแสงกระทบใบหน้าได้รูปของบอล ผิวขาวของเขาสะท้อนขาวกว่ามือฉันอีกด้วยซ้ำไม่มีสักครั้งที่บอลจะไม่สมบูรณ์แบบในสายตาของฉัน ทุกองค์ประกอบทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นตัวของผู้ชายคนนี้มันดีที่สุดแล้ว ฉันรู้สึกได้จริงๆ
“ฉันมาเอง ฉันไม่ได้คัดค้านทั้งที่มีสิทธิทำ อย่าโทษตัวเอง”
“ไม่น่ามาเจออะไรแบบนี้ไง”
“ประสบการณ์จ้า”
“เหอะ ที่ดีๆ ทำไมไม่เลือกจำ จำแต่สิ่งไม่ดี” เหมือนบอลเริ่มหัวเสียแล้วฉันจึงค่อยๆ ดึงมือออกทว่าช้ากว่าเมื่อมีสองมือใหญ่ทับทาบมือของฉันอีกชั้นหนึ่ง ความอบอุ่นเริ่มเข้ามาทักทายช้าๆ “อย่าดื้ออีกนะหวาน อย่าเอาตัวออกมาทำแบบนั้นอีกถ้าอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นไม่ว่าจะเห็นอะไรจะรับรู้ก็ตามอย่าออกมาให้ใครเห็น ไม่ว่าจะอยู่กับฉันหรือไม่ ขอเลยอย่าทำเห็นแก่ตัวบ้างก็ได้”
“ก็ตัวมันไปเอง”
“ฮึบไว้ได้มั้ย”
“พูดเป็นเด็ก 18 แล้วมั้ยบอล”
“18 ก็ดื้อได้ไง ดูเธอเป็นตัวอย่างเลย”
“ก็ได้จะไม่ทำอีกแล้วโอเคหรือเปล่า” พอฉันรับปากมือใหญ่ก็หลุดออกมือฉันก็ออกจากใบหน้าของบอลเช่นกันและก็ไปล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังคว้าโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ตอนเดินมาเมื่อกี้ฉันซุกไว้ที่กระเป๋ากางเกงทัน นาทีนี้จึงยื่นให้อีกฝ่ายที่เริ่มขมวดคิ้วผูกปม “ไม่พอใจเหรอที่ทำ”
“ทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้าไม่พอใจโดนด่าไปแล้วหวาน”
“แสดงว่าที่ดูไม่โกรธใช่มั้ย?” ลุ้นยิ่งกว่าหวย
“ไม่โกรธอยากดูก็ดูได้”
“แต่โทรศัพท์คือของส่วนตัว จู่ๆ ไปดูมันแปลกพิกล”
“ก็ดูไปแล้วนิมีอะไรที่สงสัยก็ถามได้นะ จะบอกอย่าเก็บไว้คนเดียว” มือใหญ่ใช้นิ้วปลดล็อคอีกทั้งยังกดเข้าข้อความต่างๆ แล้วเลื่อนแถบข้อความให้ดู แชทฉันขึ้นเป็นอันดับหนึ่งรองลงมาเป็นบีมผู้เป็นน้องชายถัดมาเป็นกลุ่มเพื่อนของบอลนั่นก็คือหิน ก้องดินนอกนั้นคือแชทที่บอลดองเอาไว้ไม่เปิดอ่านหรือไม่ก็อ่านแล้วแต่ไม่ตอบและยังไม่ได้ลบออก รู้ไหมว่านิ้วเรียวค่อยๆ เลื่อนลบต่อหน้าฉัน “ไม่มีอะไรหรอกสบายใจได้”
“สาวเยอะเลยนะทักมาอ่ะ”
“เยอะเพราะเพจเอาลงแล้วแท็กจากนั้นข้อความก็ไหลมาแต่ก็เท่านั้น ไม่เปิด ไม่อ่าน ไม่สนใจสุดท้ายไม่มีอะไรมันก็จบ ตบมือข้างเดียวตบยังไงก็ไม่มีทางดัง”
โห... โคตรตัดโอกาสตัวเอง
เห็นนะบางแชทเป็นรุ่นพี่ตัวท๊อปโรงเรียน
“แล้วทำไมถึงมาลบต่อหน้าฉันอ่ะ”
“เพราะ... ว่าหวานคือข้อยกเว้นไง”
“ห้ะ!”
“บอลทำทุกอย่างกับคนอื่นๆ มันก็แค่ธรรมดาแต่กับหวานคือข้อยกเว้น”
“...”
“รู้ได้ทุกอย่างแหละ”
“ทำไมถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะ?”
เอาจริงนะฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนตรงหน้าจะตอบออกมาในรูปแบบไหน จะสื่อสารให้ฉันรับรู้ทางไหน ทุกอย่างที่บอลทำฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้เรื่องขนาดนั้น ทุกครั้งที่ทำเป็นหลีกเลี่ยงเก่งทุกครั้งพอถูกหยอดหรือจีบผ่านประโยคคำพูดแทบนับครั้งไม่ถ้วนแถมยังเห็นเพื่อนๆ แซวอีก
มันชัดอยู่นะ...
ครั้งนี้จึงอยากรู้
ครั้งนี้จึงอยากเห็นความกล้า
และครั้งนี้ไม่รู้เช่นกันว่าจะเห็นไหม
จะได้ยินหรือเปล่า
‘น้อยใจ’ เป็นคนเปิดประเด็นพูดเมื่อวันก่อน ประโยคพวกนั้นเข้ามาในความคิดฉันอย่างจังมันเหมือนกำลังพุ่งชนในสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจแต่ยังไม่กล้าฟันธงพอได้ยินน้อยใจพูดก็ค้นพบว่าไม่ได้คิดไปเอง
เพื่อนกัน...
เพื่อนที่ไหนมองขนาดนั้น
เพื่อนที่ไหนซื้อของให้ตลอดทุกครั้ง
เพื่อนที่ไหนดูแลกันมากกว่าคนที่คบกันอีก
เพื่อนที่ไหนคอยกันท่าคนอื่น คอยถาม คอยเอาใจ
และเพื่อนที่ไหนอยากเป็น Friend zone อยากเป็น Fan zone ว่าไปอย่าง
บอลทำแบบนั้นจริงๆ นะหวาน
แค่ว่าป๊อดเรื่องการเข้ามาสารภาพหวานมากกว่า
“ก็พิเศษไงหวาน”
พอ พอ พอ จะไม่ตั้งความหวังเรื่องคำตอบของบอลอีกแล้ว
เบื่อลุ้นจริงๆ เป็นอย่างที่น้อยใจพูดนั่นแหละ
ถ้าไม่กล้าก็เป็นเพื่อนนั้นแหละ
“พูดไม่รู้เรื่อง”ฉันหน้ายู่ใส่บอลก่อนเดินออกมาโดยไม่ลืมใช้มือหนึ่งดึงชายเสื้อยืดของอีกคนให้ตามมาด้วย ท้ายสุดพวกเราทั้งสองก็พบกับมวลกลุ่มคนมากมายอีกครั้ง เราทั้งสองแวะซื้อสะเปาติดมือมาด้วยแล้วกลับมานั่งที่เดิมริมแม่น้ำดูพุและดอกไม้ไฟต่างๆ สะเปาสีน้ำเงินถูกวางไว้บนตักของฉันด้วยฝีมือของคนข้างกายจากนั้นแก้วชาไข่มุกก็ถูกส่งมาด้วยบอกเลยว่าซื้อใหม่ “อร่อยมั้ย ยังไม่ได้แตะเลย”
“ก็ดีไม่หวานดี”
“แบบนี้อร่อยเหรอ?”
ฉันถามย้ำกับความคิดเห็นของบอล
“ชิม” และแล้วมือใหญ่จับหลอดดูดเดียวกันมาจ่อริมฝีปากฉันเนื่องจากก่อนหน้าที่บอลส่งแก้วชาไข่มุกมาฉันไม่ได้รับมาถือเพราะมันเย็นมือเดี๋ยวคันยิกๆ อีกอย่างตอนนี้มือทั้งสองข้างไม่ว่างประคองสะเปาบนตักอยู่พอฉันงับปากดูดชาขึ้นมาชิมรสก็พบว่าค่อนข้างจืดไปนิดหนึ่ง “เป็นยังไง”
“งั้นๆ”
“ไม่อร่อย?”
“ก็กินได้” กินได้แต่ถ้าเลือกก็ไม่กินไงเคยเป็นไหมมันไม่ค่อยถูกใจถูกปากเท่าไหร่ “แล้วจะล่องสะเปาเมื่อไหร่”
‘สะเปา’ บนตักมีรูปร่างคล้ายเรือนะต่างจากคนอื่นๆ ก็คงเป็นสีมากกว่ามีให้เลือกหลายหลากสีสัน ล่องสะเปาเป็นภาษาพื้นเมืองหมายถึงการนำเรือสำเภาลอยไปตามลำน้ำ เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่เฉพาะจังหวัดลำปางที่มาจากความเชื่อว่าการนำสิ่งของเดินทางไปด้วยเรือสำเภาเพื่อเตรียมไว้ใช้ภพหน้าและยังถือว่าเป็นการฝากกุศลไปหาดวงวิญญาณผู้ล่วงลับอีกทั้งยังถือว่าเป็นการลอยทุกข์โศกบูชาขอขมาพระแม่คงคา
“อยากลอยเลยมั้ยหวาน ตามใจทุกอย่าง”
“ลอยเลย อยากลอยแล้วอยากอธิฐาน” ฉันถือสะเปาลุกขึ้นเดินลงบันไดไปใกล้ริมแม่น้ำขั้นสุดท้ายรู้สึกได้ว่ามีมือใหญ่คว้าหมับมายังต้นแขน เป็นแบบนี้ทุกครั้งรวมครั้งนี้ก็ 3 ปีแล้ว “มานั่งใกล้ๆ”
“มาจะจุดไฟให้” บอลล้วงไฟแช็กมาจุดธูปและจุดเทียนให้จากนั้นก็เก็บแล้วคว้าโทรศัพท์ออกมา “ถ่ายรูปด้วย”
“พวกกูมาทันเวลาพอดี” เสียงหิน
“มาทันถ่ายรูปด้วย” เสียงดิน
“มาทันล่องสะเปา หวานๆ” เสียงก้อง
“มาทันเฮียบอลคนแบด” ปิดท้ายเป็นบีม
พวกนั้นถือสะเปามาคนละอันแถมคนละสีด้วย พวกเราถ่ายรูปลงเป็นกลุ่มก่อนแยกลอยมีเพียงฉันกับบอลเท่านั้นที่ใช้สะเปาอันเดียวกันทุกปี ปีแรกจำได้บอลให้ฉันอยู่กับพวกดินแล้วบอกจะไปซื้อสะเปาเองพอมาบอกว่าได้สะเปาอันเดียวบอลบอกมันหมด ปีที่สองบอลทำสะเปามาเองบอกว่าทำให้ฉันและขอลอยด้วย แบบนี้เลยนะ
“มาถ่ายรูปไง” ฉันยกสะเปาขึ้นโชว์ข้างหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มแฉ่งข้างหลังเป็นบอลในลุคผมสีดำสนิทปกคลุมใบหน้าลงถ้าสังเกตดีๆ คอเสื้อยืดของบอลเอียงเล็กน้อยพอทำให้กระดูกไหปลาร้าเด่นชัดขึ้น “รูปนี้สวย”
“โอเคมั้ย ยังไงก็สวยแล้วรีบลอย มา” ฉันมองดูรูปที่แสดงขึ้นหน้าจอพอใจอยู่เพราะสวยองค์ประกอบต่างๆ ได้หมกต่อมาจึงนั่งลงแล้วแบ่งสะเปาถือกับบอลคนละครึ่ง ก่อนลอยแน่นอนทุกครั้งต้องหลับตาลงก่อนพร่ำอธิฐานขอขมาพระแม่คงคาต่อมาก็เป็นการขอพรแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็พบว่าอีกคนข้างกายมองมานิ่งๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น “ขอเยอะแยะแน่นอนยาวเชียว”
“เหมือนตัวเองไม่ขอ” ไม่ยอมต้องเถียง
“ขอแค่อย่างเดียว”
“ขออะไรบอกหน่อย อยากรู้”
“ปีหน้ามาด้วยกันดิ จะได้บอก”