ตอนที่ 7
“อะไรนะ ไหน...ไหนนายพูดใหม่ซิ ฉัน...” เกร็ดแล้วชี้มือเข้าหาตัว “ฉันนี่นะ...จะต้องไปช่วยนายทำงาน เสียใจด้วยนะยะ ฉันไม่ไปหรอก เดี๋ยวมือนิ่มๆ ของฉันก็ด้านหมด ผิวขาวผ่องเป็นยองใยก็พลอยเสียดำคล้ำไปด้วย ที่บ้านนายท่าทางแดดจะแรง ดูซิแค่เพิ่งตื่นนอนมาก็ทำเอาฉันเหงื่อตกแล้ว”
หญิงสาวยกมือขึ้นโบกสะบัดเบาๆ ให้รู้ว่าตอนนี้ร้อนแล้วนะ ทั้งที่ความจริงแล้วอากาศที่ได้รับทำให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวและทำให้สดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เกร็ดแก้วเลือกที่จะพูดตรงข้ามกับความจริง
“ใช่ซิคุณเมียที่รักจ๋า ถ้าคุณภรรเมียไม่ไปช่วยผัว แล้วใครจะช่วยละ” ธราเทพเดินไปหยุดหน้าประตูผ้าแล้วคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่น เขายกมือขึ้นเท้าสะเอว จัดการทุกอย่างไว้เกือบจะเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว แต่ดันลืมเรื่องเสื้อผ้าของเกร็ดแก้วไปเสียสนิท ชายหนุ่มหันไปมาหาหญิงสาวอีกครั้ง
“มีอะไร?” เหมือนกับเกร็ดแก้วรู้ว่าจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหันจนเป็นโบ
“ฉันถามว่ามีอะไร” หญิงสาวขึ้นเสียง ขณะพยายามผ้าขาวม้าพันรอบตัวเองและผูกปมไว้ไม่ให้หลุด
“เมียจ๋า ผัวไม่ได้เอาเสื้อผ้าเมียกลับมาด้วย เมียใส่เสื้อผ้าผัวไปก่อนได้ไหม?”
“เห็นไหม ฉันว่าแล้ว นายจะต้องโกหก ถ้าฉันเป็นภรรยานายจริงๆ นายก็ต้องมีเสื้อผ้าและข้าวของฉันติดห้องไว้บ้างซิ แต่นี่ไม่มีเลยสักชิ้น นายบอกความจริงมาดีกว่า จับตัวฉันมาทำไม ต้องการอะไร...? จะเอาเงินใช่ไหม เท่าไหร่ละ เดี๋ยวฉันจะให้พ่อโอนมาให้ แล้วนายก็รีบส่งฉันกลับบ้านด้วย” เกร็ดแก้วพูดยาว โดยไม่ยอมให้ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้าได้ปฏิเสธ
“โธ่คุณภรรเมียจ๋า ก็บอกแล้ว เราหนีตามกันมา แล้วที่รักก็เกิดอุบัติเหตุ สงสัยคงเป็นตอนนั้นๆ แน่ กระเป๋าเสื้อผ้าเมียจะต้องหล่นไปจากรถตอนนั้นๆ โถๆ ...ไอ้เทพนะไอ้เทพ ไม่ได้ดูเลย แล้วทีนี้เมียจะใส่อะไรละ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะแรงๆ พลางคิดว่า...ผู้หญิงเอวบางร่างน้อยแต่ส่วนนั้นนูนใหญ่ จะใส่เสื้อผ้าของใครได้บ้าง ก่อนที่เขาจะต้องเป็นเจ้าภาพไปซื้อหามาให้
จะเอาของแม่...ก็ไม่ได้ เพราะแม่เป็นหญิงร่างเล็ก จะเอาของแม่ยายลูกปัดก็ยังไม่ได้ อีกเพราะแม่เด็กหญิงก็ร่างเล็กเหมือนกัน คงจะเหลือเพียงแค่พรฉวี ที่เกร็ดแก้วแล้วน่าจะใช้แก้ขัดไปได้ ซึ่งตอนนี้หญิงสาวจะต้องใส่เสื้อผ้าเขาไปก่อน
ธราเทพหาเสื้อผ้าที่ตัวเล็กที่สุดมาส่งให้หญิงสาวใช้ก่อน “ไม่ต้องห่วงจ้ะคุณภรรเมียจ๋า ผัวรับรองความสะอาด”
ด้วยความที่รู้ว่าเกร็ดแก้วจะต้องมีปัญหาอีกแน่นอน ธราเทพเลยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม
“รีบๆ ใส่นะ จะได้ออกไปหาแม่กัน ป่านนี้คงรอรับลูกสะใภ้แย่แล้ว”
เกร็ดแก้วฮึดฮัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเสียเปรียบไปเสียทุกทาง แค่แรกเริ่ม ใจเธอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ถ้าถูกล่วงเกินอยู่แบบนี้บ่อยๆ ถึงไม่ได้รักแต่ก็มีโอกาสที่จะเลยเถิดไปจนกู่ไม่กลับ แล้วเมื่อนั้น เธอนั่นแหละที่จะต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า แล้วอีกอย่างการได้เจอคนอื่นในบ้านหลังนี้ คงจะเป็นเกราะกำบังไม่ให้ถูกผู้ชายตรงหน้าทำร้ายและเอาเปรียบได้ อีกทั้งอาจเป็นหนทางให้กลับบ้านได้อีกด้วย
เกร็ดแก้วรีบลงจากเตียง สวมใส่เสื้อผ้าที่ได้รับอย่างทุลักทุเล เพราะมือหนึ่งต้องจับผ้าข้าวม้า ที่ทำให้เธอทำทุกอย่างช้าไปหมด กว่าจะสำเร็จก็เล่นเอาเหงื่อตก หญิงสาวยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าแล้วหันไปหาคนที่ยืนเอาหลังอิงขอบหน้าต่างและมองมาด้วยสายตารื่นเริง
“ฉันเสร็จแล้ว ทีนี้นายก็พาไปหาแม่นายได้แล้ว”
“ยัง”
“ยังมีเรื่องอะไรอีกละ”
“ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็การพูดจาของคุณภรรเมียนั่นแหละ”
“ทำไม ฉันพูดแบบนี้ นายจะทำไม มีปัญหาหรือไง?”
ธราเทพถึงกับส่ายศีรษะ หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอกนะ แต่การพูดจากลับไม่ไพเราะเพราะพริ้งเหมือนกับหน้าตาเลยสักนิด น่าเสียดายจริงๆ
“เปล่าหรอก แค่สงสัยอยู่ เมียน่าจะลืมชื่อผัวสุดที่รักด้วยนะ เลยอยากบอกเอาไว้หน่อย ผัวชื่อเทพนะจ๊ะคุณเมียที่รักจ๋า ส่วนคุณภรรเมียก็ชื่อไพลินจ้า”
ธราเทพถือโอกาสตั้งชื่อใหม่ให้หญิงสาว เพราะไม่ต้องการใช้ชื่อจริงของเธอ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นๆ สงสัย เพราะถึงหมู่บ้านแห่งนี้จะอยู่ไกลความเจริญไปสักหน่อย แต่ก็อาจมีใครสักคนที่บ้าเรื่องดาราซื้อหานิตยสารที่หญิงสาวถ่ายไปแล้วปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เขากับครอบครัวนั่นแหละที่จะเดือดร้อน
“ใครบอกนายยะ ฉันชื่อเกร็ดแก้ว ยังไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยมีสามียะ นายอย่ามาตู่ แค่เมื่อกี้ฉันก็เปลืองเนื้อเปลืองตัวจะแย่อยู่แล้ว กลับไปถึงบ้านคงต้องใช้แอลกอฮอล์เป็นถังอาบล้างคราบสกปรกที่ติดตัวอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะออกหมดหรือเปล่า”
ธราเทพส่ายศีรษะไปมาเบาๆ ยอมแพ้กับการเถียงคำไม่ตกฝากของหญิงสาวที่เหมือนกับยายลูกปัดไม่มีผิด
“ผัวคงแล้วแต่คุณเมียที่รักจะคิด ไม่ว่ายังไง ผัวก็รับได้ซาเหมอจ๊ะ” ธราเทพตอบอย่างเล่นลิ้น ไม่รู้ซิ เขาชอบมองไอ้หน้าขาวๆ นั่นแดงขึ้น ดวงตาที่แวววาวเหมือนกับลูกแก้วที่ชวนมองจริงๆ
“กำนัน...กำนันตื่นยัง” แก้วตาร้องเรียกลูกชาย เมื่อเห็นว่าตอนนี้เริ่มสว่างแล้วแต่ธราเทพยังไม่ออกจากห้องไปดูแลสัตว์ที่เลี้ยงไว้
“ช่วยเรียกลุงกำนันหน่อยซิวะนังลูกปัด ป่านนี้แล้วยังไม่ตื่น สงสัยจะกลับมาถึงบ้านดึกมาก ถ้าไม่เพลียอาจจะป่วยก็ได้ อ้อ...เอ็งอย่าลืมเอาจดหมายไปให้ลุงเขาด้วยละ”
“ได้จ้ะย่า สบายอยู่แล้ว นังปัดไม่ลืมหรอกเรื่องแค่นี้” เด็กหญิงยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง เมื่อคิดถึงรางวัลที่จะได้จากลุงกำนัน แล้วร่างเล็กป้อมก็กระวีกระวาดหาจดหมายที่เพิ่งจะได้รับมาเมื่อวานเพื่อนำไปให้ผู้เป็นลุง
คิ้วหนาโก่งได้รูปก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน ดวงตาเป็นประกายแห่งคำถามตวัดมองไปยังผู้เป็นอย่าง “ย่าแล้วจดหมายที่ย่าเฮ้ย!! ไม่ใช่...น้าหวีเซ็นรับเมื่อวานมันอยู่ไหนแล้ว?” เด็กหญิงถามเมื่อหาในโต๊ะที่เขียนหนังสือของตัวเองซึ่งวางไว้ตรงมุมห้องด้านหนึ่งและทุกซอกทุกมุมของลานบ้านแล้วไม่เห็นจดหมายดังกล่าวเลย
“เอ็งเอาไปเก็บไว้ที่ไหนหรือเปล่านังปัด เอ็งยิ่งชอบป้ำๆ เป๋อๆ กับเรื่องพวกนี้อยู่ เห็นลุงเอ็งบ่นเป็นเรื่องเก็บของไม่ถึงที่ของเอ็งเป็นประจำอยู่ไม่ใช่หรือไง” นางแก้วตาว่าหลานสาว ขณะมองไปในกระเซ้าใส่หมากพลู ความจริงนางไม่ได้กินหรอก แต่มีไว้ให้ชาวบ้านที่มาเยี่ยมเยียนและแจ้งข่าวแก่ลูกชายได้กิน เพราะคนแก่ๆ แถวบ้านนอกยังคงติดนิสัยกินหมากพลู ในขณะที่สาวๆ กลับบอกว่าเหม็นแล้วก็ยังทำให้ปากสกปรกแล้วก็ออกอาการแหวะใส่
ปานธิดาถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ ใบหน้างองุ้มและแดงระเรื่อ ดวงตาขุ่นขวาง สองมือยกขึ้นเท้าสะเอว ริมฝีปากเล็กและบางขบเม้มเข้าหากัน ก่อนจะพ่นคำพูดโวยวายใส่ผู้เป็นย่าอย่างไม่ยอมรับความผิดที่ไม่ได้กระทำ
“ย่านะ โทษหนูประจำเลย ทำไมไม่โทษน้าฉวีบ้างละ ป่านนี้ยังนอนอุตุอยู่ในมุ้งเลย คนที่เอาจดหมายไปก็คือน้าฉวีนั่นแหละ หาไม่พบแบบนี้ น้าฉวีคงเอาไปทิ้งแล้วก็ได้”
“อ้าว...นั่งนี่ เดี๋ยวข้าก็ถีบให้ น้าเขาอยู่เฉยๆ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยแกเอาน้าเขามายุ่งเกี่ยวทำไมวะ ข้าว่าเอ็งนั่งแหละเอาไปวาดรูปหรือพับโน่นนี่เล่นมากกว่า”
ถึงแม้จะรู้ว่าลูกสาวคนเล็กไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว แต่เพราะอ้อนและเอาอกเอาใจ ที่สำคัญคือพรฉวีเป็นคนนำชื่อเสียงมาสู่บ้านและหมู่บ้าน ทำให้แก้วตาหลงปลื้มและรักลูกคนนี้ถึงขนาดทูนหัวทูลเกล้าให้ทุกอย่าง ไม่ว่าลูกสาวเอ่ยปากสิ่งใดก็จะพยายามหามาให้โดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ