วอร์อปป้าเองก็ยังคงความเฟรนด์ลี่ไว้เสมอต้นเสมอปลาย ทันทีที่น้องแฟนคลับรับมือถือไป เขาก็เริ่มขยับตัวเขามาเบียดชิดฉันอีกครั้ง พลางโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ดูใกล้ชิดกับแฟนคลับของตัวเองมากขึ้น รู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นของอีกฝ่ายวางทาบลงบนบ่าได้ชัดกว่าในครั้งแรก เหมือนว่าเขากำลังโอบไหล่ โดยที่ระยะห่างระหว่างแก้มเราทั้งคู่ก็ใกล้กันเพียงแค่หันไปหา
ฉันเกร็งไปหมด มันเหมือนกับความฝันที่มีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“อีกรูปนะคะ!”
ฟึ่บ!
“อะ...” ฉันทำตาโตเมื่อจู่ ๆ วอร์อปป้าผู้แสนใจดีกระชับวงแขนบนบ่าดึงฉันเข้าไปเบียดกับตัวเองอีกครั้งชนิดแก้มเบียดแก้ม พลางชูสองนิ้ว ยิ้มสู้กล้อง
และถ้าหากนี่เป็นความฝัน ฉันคงเป็นติ่งที่ฝันได้น่าอิจฉามากกว่าใคร...
“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะพี่กาละแมร์ หนูจะคอยตามข่าวที่พี่รายงานนะ” แต่ไม่นาน ระยะเวลาที่ได้แอบอิงอปป้าเกินกว่าแฟนคลับหลาย ๆ คนของฉันและกลุ่มน้องแฟนคลับก็จบลง
แต่ก็จบแล้วไม่ได้จบเลย...
“พวกหนูขอตัวก่อนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันที่งานนะคะอปป้า กาละแมร์”
“แล้วเจอกันนะครับ”
เมื่อน้องแฟนคลับกลุ่มนั้นเดินคล้อยหลังออกไป วอร์อปป้าก็เริ่มหันมาชวนฉันคุยอีกครั้ง
“คอยตามข่าวสารวงแบบนี้ เหนื่อยหรือเปล่าคะ?” เขาพยายามใช้น้ำเสียงและแสดงออกต่อฉันอย่างเป็นกันเอง เหมือนรู้ว่าฉันกำลังเกร็งและประหม่ามากแค่ไหนที่ได้คุยกับเขาใกล้ ๆ แบบนี้
“ไม่หรอกค่ะ ก็หนูชอบ...” มันคือการบอกรักที่ฉันอยากทำมากที่สุดเลยนะรู้ไหม
“ขอบคุณนะคะที่ชอบ” และนี่คงเป็นคำพูดที่ฉันอยากฟังมากที่สุดพอ ๆ กับสิ่งที่อยากบอก “ฝากติดตามผลงานของ SWAG ต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยนะ”
“ยะ ยินดีเสมอค่ะ” บรรยากาศระหว่างฉันกับวอร์อปป้าในยามนี้เหมือนว่ามีแค่เราสองคน หูไม่ได้ยินคำพูดอื่นใดนอกจากคำขอบคุณ สายตาก็เช่นกัน ที่เวลานี้สามารถมองหน้าศิลปินผู้เป็นที่รักได้เพียงคนเดียว
แต่ไม่นานนักหรอก บรรยากาศหวานหยดระหว่างศิลปินและแฟนคลับที่ฉันใฝ่ฝันก็เป็นอันต้องสะดุดลง เมื่อเวลาเดียวกันนั้น มีเสียงกระโชกโฮกฮากของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้น
“เฮ้ย!!” เสียงของชายคนดังกล่าวฟังคุ้นหู และมันทำให้ทั้งฉันและวอร์อปป้าต่างรีบหันไปยังต้นเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง จนได้พบเข้ากับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งอีกคนซึ่งมีลักษณะการแต่งตัวเหมือนวอร์อปป้าทุกกระเบียดนิ้ว ต่างก็แค่สีเสื้อยืดด้านในที่ของวอร์อปป้าเป็นสีขาว แต่ของชายคนดังกล่าวเป็นสีดำ!
“ทะ เทวินทร์!” ฉันหลุดสบถชื่อของผู้ชายคนนั้นออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่ออีกฝ่ายรีบจ้ำเท้าเดินตรงดิ่งแทรกผู้คนตรงมาทางเราทั้งคู่
“น้องกาละแมร์รู้จักไอ้วินทร์ด้วยเหรอ?” ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไรวอร์อปป้ากลับไป ความมือไวของเทวินทร์ก็พุ่งเข้ากระชากแขนฉันให้ถอยห่างจากวอร์อปป้าทันทีอย่างรวดเร็ว
เทวินทร์ไม่ได้มองหน้าฉัน แต่สายตากำลังมองจ้องไปยังวอร์อปป้าแบบไม่ชอบใจ ส่วนปากก็ต่อว่าไปด้วย
“ใครใช้ให้เธอมาคุยกับไอ้ไม่หล่อนี่!?”
เสียงฮือฮาดังขึ้นแทบจะวินาทีนั้นเมื่อคำถามของเทวินทร์สิ้นสุดลง ปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติของฉันคือการกระตุกปากอย่างนึกหมั่นไส้หลังได้ยินคำต่อว่าดังกล่าว กลับกันนั่นดันใช้ไม่ได้กับวอร์อปป้า
“ไม่เจอนาน ยังเหมือนเดิมเลยนะน้องชาย” ซึ่งพูดเหมือนกับว่ารู้จักกับเทวินทร์มานาน
“ใครน้องมึง?” ทั้งที่วอร์อปป้าพูดดีกับเขาแท้ ๆ แต่หมอนี่กลับใช้คำพูดคำจาวอนโดนตบให้ปากเบี้ยวไม่หยุด โดยเฉพาะคำถามต่อมา “กลับมาทำไม!?”
“มีงานต้องทำ แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ได้ข่าวว่ามีคนทาบทามให้ไปลงแข่ง FIA Formula One World Championship ปีนี้เหรอ?”
“ยุ่งไรด้วย?”
“เด็กน้อยอย่างมึงจะทำได้เหรอวินทร์?” ตอนแรกฉันก็ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของวอร์อปป้ามากนักหรอก แต่ยิ่งฟังฉันยิ่งรู้สึกได้ถึงความกดดันผ่านน้ำเสียงและคำพูดนิ่ง ๆ ใจดีของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ “แข่งระดับโลก ถ้ายังฝีมือกระจอกแบบนี้ จะเอาอะไรไปชนะประเทศอื่นเขาวะ?”
คนฟังกัดฟันกรอดหลังวอร์อปป้าพูดจบ จนฉันรู้สึกถึงอาการสั่นจากร่างกายเขาได้ชัด
“อยากรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมา ฝีมือไปถึงขั้นไหนเหมือนกัน...วันเสาร์มาลองแข่งกันสักแมตช์ไหม?”
“มึงเอาเวลาที่จะแข่ง เก็บไว้ร้องเพลงเถอะ!” ส่วนนั่นคือคำตอบของเทวินทร์
ด้วยบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนไป อีกทั้งตอนนี้การต่อปากต่อคำของคนทั้งคู่ก็เริ่มเป็นที่สนใจของคนรอบข้างมากขึ้น ฉันที่ตอนนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างคนทั้งคู่จึงเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามีที่มาที่ไปอย่างไร ฉันที่เป็นคนนอกจึงได้แค่ยืนมองเฉย ๆ ด้วยความเกร็ง
“เพราะพ่อกับแม่ตามใจมึงมากไงวินทร์ มึงเลยไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน...”
“...”
“เมื่อไหร่จะโตสักทีวะวินทร์”
ฟึ่บ!
เทวินทร์แสดงทีท่าตอบโต้คำต่อว่าและคำถากถางด้วยการกระทำ เขาไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ใช้เพียงนิ้วกลางในการบอกทุกความรู้สึกแทนคำพูด ก่อนเป็นฝ่ายหันหลังเดินหนีออกมาโดยไม่ลืมที่จะดึงฉันให้ตามออกไปด้วย
ฉันรับรู้ได้ว่าตอนนี้เทวินทร์กำลังหงุดหงิดอย่างที่สุด วัดจากการย่างก้าวของฝีเท้าและมือที่บีบแขนฉันแน่นจนเริ่มรู้สึกปวด แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มจะทนไม่ไหว
“นี่หยุดบีบได้ไหม มันเจ็บ!”
“ลงโทษไง ที่ไม่ยอมฟังคำสั่ง” เขาบอกเสียงเรียบหากแต่น้ำเสียงยังคงแสดงความเคืองจัดจากเหตุการณ์เมื่อครู่เอาไว้ อีกทั้งยังต่อว่าวอร์อปป้าต่อหน้าต่อตาทั้งที่รู้ว่าฉันบ้าคลั่งมากแค่ไหน “เนี่ยนะเหรอ คนที่เธอบอกชอบนักหนา ไม่เห็นจะมีอะไรดี!”
ฉันรักของฉันมาตั้งนานยังไม่เคยคิดจะว่าวอร์อปป้าด้วยถ้อยคำแรง ๆ สักครั้ง แล้วไอ้หมอนี่มันเป็นใคร!
“นายมีสิทธิ์อะไรว่าวอร์อปป้าแบบนั้นไม่ทราบ!”
“แล้วไง แถมซัดหน้าแม่งต่อหน้าเธอด้วยยังได้เลย” เขาพูดใส่อารมณ์ ทั้งที่เท้ายังเร่งจ้ำไปตามทางตรงหน้า “แค่มันหน้าตาดีนิดหน่อย ปกป้องไม่ลืมหูลืมตา รู้แล้วว่าติ่ง ไม่ต้องออกตัวแรงมากก็ได้!”
เวลานี้บอกเลยว่า คำประชดประชันของเขามันไม่ได้ช่วยให้ฉันหยุดปกป้องสิ่งที่ตัวเองรักลงได้เลย เพราะกฎของติ่งอย่างฉันก็คือ ไม่ว่าอปป้าจะดีหรือเลวฉันก็จะรัก!
“หน้าตาดีไม่เท่าก็อย่าอิจฉาชาวบ้านเขาสิ!” สิ้นเสียงต่อว่า เทวินทร์ซึ่งในตอนแรกเอาแต่ดึงฉันจ้ำเท้ากลับไปที่รถก็หยุดเท้าลง เขายอมปล่อยมือที่จับแขนฉันออกไปพร้อมทั้งเหลียวหลังมองกลับมาจากทางหางตา
“เออ ไม่หล่อ!” เขาตะคอกคำพูดประชดประชันอีกครั้งเสียงดัง พานให้วัยรุ่นรอบตัวเราหันมองมาด้วยความสงสัย จากที่คิดว่าจะพูดแดกดันเขากลับไปเท่านั้นกลับกลายเป็นว่า คำพูดที่เขาตอบโต้กลับมาดันทำให้ฉันไปต่อไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เจ้าของเสียงตะคอกดังกล่าวหันกลับมาเผชิญหน้ากับฉันตรง ๆ และใช้แววตาโกรธจัดจ้องมา
หมับ! ฟึ่บ!
เทวินทร์ไม่รอให้ฉันเตรียมเนื้อเตรียมใจ พุ่งเข้าคว้าข้อมือฉันกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงด้วยสีหน้าและท่าทางเอาเรื่อง รับรู้ถึงความโกรธจัดมากกว่าเก่าที่เขามีหลังถูกต่อว่า
“จะ จะทำอะไร ปล่อยนะ!”
“จะทำให้หลาบจำ...” เขาเค้นเสียงพูดนิ่ง ๆ ราวกับพยายามกักกลั้นความโกรธจัดของตัวเองเอาไว้ และเริ่มแสดงการกระทำรุนแรงของตัวเองให้เห็นด้วยการบีบรั้งข้อมือฉันแน่นจนปวด
“หยุดนะ! ฉันเจ็บ!” เกิดมาจนอายุเท่านี้ ฉันก็เพิ่งจะเจอเรื่องน่ากลัวแบบนี้นี่แหละ เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงไม่รู้สึกเสียดายหากต้องหลงรักคนในโปสเตอร์มากกว่าผู้ชายที่มีลมหายใจในชีวิตจริง
“ตั้งแต่วันนี้ไป ช่วยจำใส่สมองไว้ด้วยนะว่าเทวินทร์คนนี้...” อีกหนที่เทวินทร์เอ่ยทวนคำพูดประชดประชันของฉันออกมา ก่อนทำเรื่องไม่คาดฝันด้วยการใช้มือเลิกชายเสื้อยืดของตัวเองขึ้นสูง เผยให้เห็นหน้าท้องเรียงลูกสวยในแบบที่ผู้ชายพึงจะมี
ฟึ่บ!
“อ๊ะ!!” ซึ่งการกระทำเช่นนั้นมันก็ตามมาด้วยแรงกระชากมหาศาลที่อีกฝ่ายใช้บีบบังคับมือฉันให้กดนาบลงบนหน้าท้องของตัวเอง จากนั้นก็พ่นคำประกาศิตออกมาอีกครั้งแบบไม่สนใจสายตาใคร นอกจากหน้าฉันที่ตอนนี้เหวอไปหมด
“ถึงจะไม่หล่อจนสาวเหลียว แต่ซิกซ์แพ็กฉันมันทั้งแน่นทั้งเสียวจนสาวร้องนะบอกเลย!”
“พะ พูดอะไร อะ...” ฉันปรามเขาโดยพยายามบิดข้อมือออกให้เป็นอิสระจากสิ่งที่คนตัวใหญ่ตรงหน้ากำลังทำ แต่แล้ว เทวินทร์ก็หยุดเสียงของฉันลงด้วยคำถามสั้น ๆ
“เสียวไหมล่ะ?” ไม่ใช่แค่ถามแต่เขายังออกแรงบีบบังคับปลายนิ้วทั้งห้าของฉันให้ลากไล้ไปตามหน้าท้องของตัวเอง ไล่ระดับสูงขึ้นจนเลยไปถึงแผ่นอกกว้าง โดยยังคงจ้องสายตามองมานิ่ง ๆ ราวกับรอฟังคำตอบ
การกระทำบ้า ๆ ของเขา ไหนจะสายตาของคนรอบข้างที่มองอยู่ ทำฉันรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งหน้า ตลอดชีวิตลูกผู้หญิง นี่คือครั้งแรกที่มืออันบริสุทธิ์ของฉันมีโอกาสได้ลูบคลำ ลูบไล้ร่างกายผู้ชายในระยะประชิดขนาดนี้!
“กลับ!” ทั้งที่ตอนแรกเทวินทร์เหมือนต้องการเค้นเอาคำตอบอยู่แท้ ๆ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนใจ ตัดสินใจปล่อยมือฉันออกจากร่างกายได้รูปของตัวเองมาเป็นกระชากดึงกลับไปยังรถที่จอดไว้ อย่าว่าแต่ฉันเลยที่หน้าร้อนเพราะการกระทำวู่วามไร้ยางอายของเขา เทวินทร์เองก็เหมือนกัน
เพราะถ้ามองไม่ผิด ดูเหมือนช่วงที่เขาตัดสินใจออกคำสั่งนั้น หน้าเขาก็เริ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยเหมือนกัน…