“เสียงสองเลยนะมึง!!”
กิตติกระเซ้าบุตรชาย เขาไม่เคยเห็นกลกัณฑ์เป็นแบบนี้มาก่อน
“ชญารอได้ค่ะ คุณกลกัณฑ์กับลุงกิตติยังคุยกันค้างอยู่นี่คะ”
“เรื่องนั้นต้องค่อยๆ คิดครับ เรื่องมันยาว คุณชญาบอกธุระของคุณมาก่อนได้เลย ผมลัดคิวให้ได้”
กิตติส่ายหน้ากับท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ยของบุตรชาย
“ดูเหมือนว่า ปัญหาของชญาที่ต้องการให้คุณกลกัณฑ์ช่วย น่าจะเป็นเรื่องเดียวกันกับปัญหาของคุณกลกัณฑ์ค่ะ” ชญานินพูดพร้อมกับยิ้มหวาน
กลกัณฑ์ถอนใจแรงๆ ปัญหาของเขาคือเตชิน ทายาทการัณยภาส ตัวปัญหาที่จัดการยากเสียด้วย
“ถ้าแกยังปรามคุณเตชินไม่ได้ พ่อจะจัดการเองนะ” กิตติพูดเสียงแข็ง ปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยผ่านเหมือนทุกครั้ง เพราะผู้หญิงที่เตชินติดพัน การสลัดเกวลิน พิบูลย์พาสไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผู้หญิงที่ครอบครัวกำลังถังแตกพร้อมที่จะกระโจนเกาะผู้ชายรวยๆ ทุกคน เนื่องจากหัวหน้าครอบครัวของเธอกำลังถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย
ตอนที่ 6.ปลางับเหยื่อ
เตชินหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อคืน จู่ๆ บัตรเคดิตของเขาก็เกิดใช้ไม่ได้ขึ้นมาดื้อๆ เขาพยายามติดต่อกลกัณฑ์จนมือแทบหงิก แต่เหมือนกับว่าเพื่อนสนิทจงใจปิดโทรศัพท์ เพราะจนป่านนี้เขายังติดต่อกลกัณฑ์ไม่ได้เลย
“เอาไงดีคะ บาร์จะปิดแล้วนะคะคุณเตชิน” เกวลินเริ่มหงุดหงิด เธอติดแหง็กอยู่ที่นี่เกือบสามชั่วโมง เพราะติดปัญหาเรื่องเงินนั่นเอง ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงฉลองครั้งนี้ไม่น้อยเลย แถมสตางค์ในกระเป๋าของเธอก็มีแค่น้อยนิด
“ใจเย็นๆ น่า ไอ้กลมันคงหลับ” เตชินตอบเสียงแข็ง
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บัตรเครดิตการ์ดของเขาใช้งานไม่ได้
“เพื่อนแบบนี้เมื่อไหร่จะเลิกคบสักทีคะ ทำงานชุ่ยๆ แบบนี้ได้ไง คุณกลกัณฑ์ทำแบบนี้เท่ากับต้องการฉีกหน้าคุณนะคะเตชิน!!” เกวลินระเบิดความหงุดหงิดออกมาแบบไม่คิดปิดบัง หลายครั้งที่กลกัณฑ์พยายามแยกเธอกับเตชิน ซึ่งเธออยากให้เตชินกับกลกัณฑ์เลิกคบกันสักที เพราะหากชายผู้นั้นเป่าหูเตชินสำเร็จ สิ่งที่เธอตั้งเป้าไว้อาจจะพลาด
“เกวไม่มีเงินสดเลยนะคะ บัตรเกวก็ถูกอายัดไปเมื่อวันก่อน คุณพ่อเองก็ไม่พอใจเรื่องของเรานักหรอก” เกวลินออกตัว ทั้งที่ความจริงตรงกันข้าม โทนและกิ่งเกสรดีใจแทบตาย ตอนที่เกวลินส่งข่าวเรื่องของเธอกับทายาทการัณยภาสให้ทั้งสองท่านรู้ เรื่องบัตรเครดิตของเธอถูกตัดก็เพราะวงเงินในบัตรเต็ม แถมยังค้างไม่จ่ายครบสามเดือนเต็มพอดี ตอนแรกเกวลินกะจะเอากระเป๋าที่เตชินซื้อให้ไปขาย แต่เกรงว่าเขาจะรู้ทันว่าเธอกลวงทั้งตัว เลยยั้งๆ ไว้ก่อน
“คงต้องรอให้ไอ้กลกัณฑ์มันมาเคลียร์ให้นั่นแหละ ผมง่วงแล้ว” เตชินลุกขึ้นยืน เขาเดินไปที่แคชเชียร์และเจรจาต่อรอง พอเตชินเดินกลับมา เกวลินเลยพยายามยิ้ม “คืนนี้คงต้องค้างที่นี่แหละ ต้องรอจนกว่าจะติดต่อไอ้กลกัณฑ์มันได้ครับเกว” เตชินพูดเสียงยานคาง เขาเหนื่อยและง่วง อยากพักตาเต็มแก่ เขาดื่มติดๆ กันสองคืนเต็มๆ เวลานี้ร่างกายของเขาประท้วง แทบจะลืมตาไม่ขึ้น
“เกวไม่เคยนอนในที่แบบนี้ คุณนอนไปคนเดียวเถอะค่ะ เกวขอกลับไปนอนที่อพาร์ทเม้นท์คุณดีกว่า” เกวลินเบ้ปาก แล้วก็ทรงตัวยืน
เตชินโบกมือลา เขาเดินตามการ์ดของบาร์แห่งนี้ไป เพราะต่อให้เขาใช้นาฬิกายี่ห้อดัง คนเหล่านั้นก็ไม่ไว้ใจ เพราะยอดเงินที่เขาต้องจ่ายเยอะเอาเรื่อง
เกวลินกระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่เดินออกมาด้านนอก เธอจิปาก สอดส่ายสายตามองหารถโดยสารสำหรับไปจากที่แห่งนี้ ระหว่างนั้นก็คิดในใจไปเรื่อยเปื่อย ถึงเตชินจะเป็นทายาทการัณยภาส แต่เวลานี้เขายังไม่ได้กุมอำนาจอย่างแท้จริง เป็นแค่ลูกแหง่ที่แบมือขอเงินจากบิดาใช้จ่ายไปวันๆ เกวลินเม้มปาก เธอฝากอนาคตของเธอกับชายผู้นี้ได้จริงๆ เหรอ ปัญหาของเขาเองแท้ๆ ยังเคลียร์ไม่ได้ ต้องรอให้กลกัณฑ์มาจัดการให้ เหมือนเตชินกำลังยืมจมูกคนอื่นหายใจอยู่ชัดๆ
“โอริกคะ ว่างมารับเกวที่...หน่อยได้ไหมคะ” เธอตัดสินใจกดโทรศัพท์หาคู่ขารายล่าสุด เขาไม่ได้รวยเหมือนเตชิน แต่สำหรับผู้ชายที่เริ่มต้นทำธุรกิจและประสบความสำเร็จด้วยตัวเองตอนที่มีอายุแค่สามสิบ ก็ต้องยกให้โอริก เทลคนนี้แหละ
เกวลินยืนรอไม่นาน รถสปอร์ตหรูก็แล่นมาจอดเทียบข้าง เธอโผเข้าหา ตอนที่โอริกเดินมาเปิดประตูด้านข้างให้ และกดปลายจมูกที่ซอกคอเขาจากนั้นก็ประคองกันเข้าไปในรถยนต์คันนั้น
ชญานินก้มมองชื่อบาร์ที่จดมาจากกลกัณฑ์จนแน่ใจว่ามาถูกที่ เธอเดินเข้าไปด้านในและรีบจัดการเคลียร์ค่าใช้จ่ายของเตชิน พอเห็นยอดเงินเท่านั้นแหละ ชญานินถึงกับเม้มปาก เธอเสียดายจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจับใจ
ผู้ชายคนนี้ควรกลับไปทำงาน เขาจะได้รู้ว่าเงินแต่ละบาทนั้นกว่าจะหาได้มันยากเย็นแค่ไหน
ชญานินพยายามข่มใจทั้งที่กำลังเดือดปุดๆ เตชินสำเริงสำราญบนความทุกข์ของบุพการีได้ยังไง เขาใช้จ่ายมือเติบ ทั้งที่หาสตางค์เองไม่ได้สักบาท เขาประชดบิดาด้วยการผลาญเงินของทรงพลไม่ได้
เธอยืนกัดฟันกรอดๆ หน้าประตูห้องที่ปิดสนิท หลังเคลียร์ค่าใช้จ่ายของเตชินครบทุกบาททุกสตางค์ เธอลงทุนถ่อมาถึงเมลเบิร์นด้วยตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้วเธอควรอยู่ที่บ้านและทบทวนตำราก่อนสอบครั้งสุดท้าย ชญานินตั้งใจหลังเรียนจบ เธอจะช่วยทรงพลแบ่งเบาภาระด้วยการสนองบุญคุณของท่าน ด้วยการอุทิศตัวทำงานหนักในการัณยภาสกรุ๊ป แต่บุตรชายคนเดียวของท่าน ที่ควรแบ่งเบาภาระของทรงพลตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนกลับทำตรงกันข้าม
จนบัดนี้ เตชินก็ยังพยายามผลาญหยาดเหงื่อของทรงพลอย่างเกษมเปรมปรีดิ์
ก๊อกๆ ชญานินตัดสินใจเคาะประตูแรงๆ
เธอใช้สันมือทุบประตูด้วยแรงโมโห
“ใจเย็นๆ สิทูนหัว คุณก็รู้ว่าผมง่วง” เตชินพึมพำ ตาของเขายังลืมไม่ขึ้น ตอนที่โผเผลุกมาเปิดประตู เขากระชากใครบางคนที่ยืนหน้าประตูมากอดไว้ แล้วก็ลากกลับไปที่เตียง แค่เอะใจนิดหน่อยกับกลิ่นน้ำหอมที่เปลี่ยนไป แต่เวลานี้เตชินเลอะเลือนเต็มที่ เขาง่วงและเมา จนแทบทรงตัวไม่อยู่ ตอนที่โถมทับลงไปบนร่างอวบอิ่มที่พยายามทรงตัวนั่ง
เตชินรวบกอดและตะโบมจูบ เขาแปลกใจเพิ่มขึ้นรสจูบที่ได้รับแปลกทั้งกลิ่นและรส กลิ่นปากหอมสะอาดเรียวลิ้นเล็กๆ นั่นก็ยั่วยวนชวนให้ติดตามเสียเหลือเกิน เขาเบี่ยงปากบดจูบหนักๆ สอดเรียวลิ้นเข้าไปตวัดเรียวลิ้นเล็กๆ ที่พลิกพลิ้วหนี มือของเขาลูบไล้ไปทั่วสีข้าง ปากของเขาก็ดูดซับความหวานนั่นไม่หยุดหย่อน
ชญานินเบิกตาโต เธอพยายามขัดขืนแต่ยากเหลือเกิน
มือของเธอถูกกดไว้ และร่างกายหนาหนักนั่นก็โถมทับไว้ทั้งตัว เธอพยายามหุบปาก แต่ก็ทำไม่ได้เช่นเดิม ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปากของเขากำลังทำให้เรี่ยวแรงของเธอหดหาย มือของเขากลับปลุกความกำหนัดในร่างกายของเธอให้ตื่นเพิดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ชญานินพยายามดิ้น เท่าที่แรงตนเองจะเอื้ออำนวย เธอยกมือขึ้นดันแผงอกคนตัวใหญ่ ออกแรงดันสุดฤทธิ์ แต่กำแพงมนุษย์ตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอของเธอ หลังจากปล้นจูบจากเธอจนพอใจ ชญานินพยายามเปล่งเสียงแหบแห้งห้าม เธอเชื่อว่าหากเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง อีกไม่น่านเธอคงสิ้นฤทธิ์
“ว้ายยยย! ปะ ปล่อยนะ”
เตชินขมวดคิ้วปรือตามอง สาวแปลกหน้าในอ้อมกอดสวยหวานจนตะลึง เปลือกตาเขากะพริบถี่ๆ
“เธอเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในห้องผม?” เตชินถามเสียงแข็ง
เขามองสบนัยน์ตาคู่สวย ที่พราวฉ่ำไปด้วยละอองน้ำตา เธอมองสบตาเขา ด้วยแววตาตัดพ้อระคนโกรธจัด
“ปล่อยฉัน เถอะนะคะ!” ชญานินวิงวอน แต่เตชินก็ยังเฉย เธอตัดสินใจตวัดมือใส่ซีกแก้มของเขาแรงๆ
เพี้ยะ!!