ความรู้สึกกรกนกเวลานี้อธิบายไม่ถูก นางมองหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้มของกุลธิรัตน์แล้วยิ้มตาม นางมีความสุขมากกับการได้พบกุลธิรัตน์ เสี้ยวใจหนึ่งกระตุ้นบอกว่า นางกำลังได้ของที่หายไปกลับคืนมา ไม่ทราบเหตุผลที่สมองคิดเช่นนี้ แต่มันบอกเช่นนั้นจริงๆ
คุยกันสักครู่ ทั้งหมดพากันเดินไปกินมื้อเย็นในห้องกินข้าว อาหารมื้อนี้เป็นอาหารง่ายๆ ต้มยำทะเล ผัดผักรวมมิตร น้ำพริกกะปิกับปลาทูตัวใหญ่ มีผักเครื่องเคียงหลายชนิด ทั้งลวกและแบบสด แกงจืดเต้าหูไข่ไก่ใส่หมูสับ เอาไว้ซดคล่องคอ
กรกนกเจริญอาหารกว่าทุกวัน นางรู้สึกดี ยิ้มทุกครั้งที่กุลธิรัตน์เอาอกเอาใจ ตักกับข้าวใส่จาน แกงจืดตักใส่ถ้วยแบ่งให้ ไม่ลืมใส่ต้มยำให้อีกหนึ่งถ้วยเล็ก การกระทำของกุลธิรัตน์ ทำให้นางนึกถึงเก็จมณี ลูกสาวคนเล็กจอมเอาแต่ใจ อาจเป็นเพราะถูกตามใจแต่เยาว์วัยจากตัวนางเองและคนรอบข้าง เป็นนิสัยแก้ไม่หาย แล้วดูเหมือนว่าจะมากขึ้นทุกวันด้วย
ทำให้อดเปรียบเทียบกับเก็จมณีลูกสาวนางไม่ได้ ไม่เคยทำเหมือนกุลธิรัตน์ ยามกินอาหารก็ต่างคนต่างกิน แทบไม่ได้คุยอะไรกันมาก หากมีเรื่องคุยก็ไม่พ้นขอนั่นขอนี่ คำพูดคำจาต่างกัน กุลธิรัตน์วาจาไพเราะ มีความอ่อนหวานในน้ำเสียง กิริยามารยาทเท่าที่ดูคือดีมาก บ่งบอกถึงการถูกอบรม เก็จมณีนั่นเล่า แม้อบรมสั่งสอนเรื่องนี้ก็ไม่เข้าหู บางครั้งพูดไม่มีหางเสียง ชอบดุด่าต่อว่าสาวใช้และคนที่ทำให้ตนไม่ได้ดั่งใจเสมอ รวมถึงนางยามขัดใจด้วย กรกนกถึงกับระอา แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ หากเก็จมณีน่ารักได้สักครึ่งหนึ่งของกุลธิรัตน์คงจะดีไม่น้อยจริงๆ
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ กรกนกอยากชวนกุลธิรัตน์คุยต่อ แต่พอเห็นว่าค่ำมากแล้วเลยไม่เอ่ยชวน จึงให้ฐากูรไปส่งกุลธิรัตน์ที่บ้าน แม้ว่ากุลธิรัตน์จะปฏิเสธเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานพลังความหวังดีของทั้งสามคนได้ จึงได้แต่จำยอมให้ฐากูรไปส่ง
รถยนต์ฐากูรเลี้ยวพ้นประตูบ้านไม่กี่เมตร รถสปอร์ตป้ายแดงขับเข้ามาในบ้าน เจ้าของรถจอดรถหน้าประตูมุข หลังจากก้าวลงมาจากรถ หล่อนเดินเข้าบ้านด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก เก็จมณีกระแทกตัวนั่งบนโซฟา ปากระเป๋าลงบนพื้นอย่างหงุดหงิด ทำราวกับว่า ราคาค่ากระเป๋าคือหลักร้อยไม่ใช่หลักแสน
“ใครทำอะไรให้อารมณ์ไม่ดีอีกล่ะ ถึงทำกิริยาไม่น่ารัก แม่บอกแล้วใช่ไหมว่า อย่าทำแบบนี้ มันไม่ดี” กรกนกต่อว่าบุตรสาวที่ชักสีหน้าบึ้งตึงมากขึ้น
“คุณแม่จะพูดมากทำไม ยังไม่ชินกับนิสัยเมญ่าอีกหรือคะ” ทำหน้าเบื่อหน่าย ไม่ใส่ใจคำสอนของมารดาเลยสักนิด
“แล้วเมญ่าหงุดหงิดเรื่องอะไรจ้ะ” พี่สะใภ้ถาม
“ก็หงุดหงิดที่มาร่วมเดินแบบด้วยน่ะสิพี่นิ พวกซื่อบื้อ เหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุง ต้องสอนต้องบอกจนเมื่อยปาก แต่ก็ไม่จำ ไม่รู้ว่าถูกเลือกมาเดินได้ไง สงสัยพ่อแม่รวย อยากให้ลูกมีแสงในสังคม เลยอัดเงินบริจาค” สีหน้าแววตา บอกถึงการเดียดฉันท์ “บางคนเมญ่ารู้จัก เคยเจอกันตามงาน เห็นภายนอกฉลาด แต่เวลาเดินแบบ กลับโง่ซะงั้น”
“คนไม่เคยเดินแบบน่ะลูก มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง เมญ่าก็ต้องให้โอกาสพวกหล่อนสิ ตอนเมญ่าเดินแบบครั้งแรก เมญ่าก็เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” กรกนกเหนื่อยใจกับนิสัยลูกสาว ทว่าก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร
“จริงอยู่ค่ะ แต่เมญ่าก็ไม่ได้โง่เง่าหรือสอนไม่จำอย่างพวกนั้น เดินผิดเดินถูกอยู่ได้ น่ารำคาญ”
“ทนเอาหน่อยล่ะกันนะลูก จบงานนี้ก็คงไม่ได้เจอพวกหล่อนอีกแล้ว” คนเป็นแม่คงพูดได้แค่นี้
“ก็คงต้องทนแหละค่ะคุณแม่ ถ้าไม่ติดว่าเมญ่าได้เดินชุดฟินาเล่ เมญ่าไม่ทนหรอก ทำงานกับพวกโง่น่าเบื่อจะตายไป” พูดถึงคนร่วมงานด้วยยิ่งหงุดหงิด เก็จมณีจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “เมื่อกี้เห็นรถพี่เอื้อขับออกไป พี่เอื้อไปไหนคะ”
“ไปส่งลูกหมีที่บ้านน่ะ” ชนิตพรตอบน้องสามี
“ลูกหมี ใครคะลูกหมี” ชื่อไม่คุ้นหูเอาเสียเลย
“เลขาคนใหม่ของแม่น่ะ จะมาเริ่มทำงานต้นเดือนนี้ และมาแทนอุ้มกลางเดือนหน้า”
“อ๋อค่ะ แล้วทำไมต้องไปส่งด้วยล่ะคะ เป็นง่อยหรือไงถึงกลับเองไม่ได้ ยิ่งให้พี่เอื้อไปส่งด้วย สิทธิพิเศษเยอะเชียว” เก็จมณีอดสงสัยไม่ได้
“ลูกหมีเป็นแขกของพี่ พี่ชวนมากินข้าวที่บ้านน่ะ แล้วให้เสื้อผ้าที่พี่ไม่ได้ใช้ไปด้วย พี่เลยให้พี่เอื้อไปส่งจ้ะ” ชนิตพรเป็นคนตอบ
“จริงๆ แล้วเมญ่าไม่ได้สนใจอะไรแม่คนนี้หรอกค่ะ แค่สงสัยว่าทำไมต้องไปส่งที่บ้านด้วย แค่นั้น” คนพูดลุกขึ้นยืน ก้มเก็บกระเป๋ามาถือไว้ “เมญ่าขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
กรกนกกับชนิตพรมองตามเก็จมณี ที่นิสัยแก้ไม่หายสักอย่าง ไม่ว่าเอาแต่ใจ ไม่ฟังคนอื่น คิดเสมอว่าความคิดและเรื่องที่ตัวเองทำถูกต้อง ทั้งที่รู้ว่าผิดก็ยังคงคิดเช่นเดิม ดูถูกคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ฐานะต่ำกว่า เพราะคิดว่า ครอบครัวตนมีฐานะร่ำรวย นั่นทำให้เก็จมณีใช้เงินฟุ่มเฟือย ใช้ไม่คิด ไม่รู้จักประหยัดสักนิดเดียว สรุปคือ เก็จมณีมีข้อเสียมากกว่าข้อดี
กรกนกกับฐากูรอบรมบ่มนิสัย แต่ก็เหมือนพูดหูซ้ายทะลุหูขวา นอกจากไม่ฟัง ยังปั้นหน้าไม่พอใจ สะบัดหน้าเดินหนีอย่างคนเสียมารยาท เป็นนิสัยที่สร้างความอิดหนาระอาใจให้นางมาก นิสัยที่ไม่รู้ว่า ชาตินี้จะแก้ได้หรือไม่