เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อน
ในเวลานั้นรัชทายาทโจวหยางเย่ว เจริญพระชันษาเข้าสู่ปีที่ 15 ได้ร่วมเสด็จประพาสในการล่าสัตว์กับพระบิดารวมไปถึงบรรดาเชื้อพระวงศ์ชายองค์อื่นๆ ซึ่งมีทั้งพระเชษฐาและพระอนุชาร่วมเสด็จในการประพาสครั้งนี้ด้วย
ในครั้งนั้นอาชาส่วนพระองค์ถูกวางยาจนวิ่งหนีเตลิดเข้าไปในป่าลึกพร้อมองครักษ์ที่เฝ้าคอยอารักขา แต่แล้วองครักษ์ที่ติดตามเสด็จมาโดยตลอดกลับทรยศบังคับม้าที่นำพระองค์เสด็จหนีมานั้นทำให้องค์ชายรัชทายาทผลัดตกจากหน้าผาสูงของเทือกเขาหวงซาน
ฟิ้ววว!!! ทั้งม้าทั้งคนร่วงตกจากหน้าผาสูงชันลงไปในหุบเหวนรกที่ไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิต ม้าตัวมหึมาร่วงลงไปในหุบเหวอย่างรวดเร็ว ติดตามด้วยร่างขององค์ชายรัชทายาทร่วงหล่นตามลงไป
ท่ามกลางรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององครักษ์ที่เฝ้าคอยถวายการรับใช้ข้างกาย ยืนมองอย่างใจเย็นจนแน่ใจว่ารัชทายาทแห่งต้าโจวฝังร่างลงสู่ก้นเหวลึกอย่างแน่นอนก่อนจะรีบทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บด้วยการหักแขนและขาของตัวเองเพื่อให้ทั่วร่างเกิดอุบัติเหตุสาเหตุมาจากผลัดตกจากที่สูงนั้นเอง
กรอบบบ! กรอบ!! เสียงกระกดูกขาและแขนหักอันเกิดจากพลังยุทธ์ใช้ทำร้ายตัวเองเพื่อให้แนบเนียนไม่มีผู้ใดจับได้ว่ารัชทายาทแห่งต้าโจวแท้จริงแล้วถูกลอบปลงพระชนม์พร้อมดึงพลุไฟออกจากสาบเสื้อส่งสัญญาณแจ้งเบาะแสให้ขบวนเสด็จได้ล่วงรู้
ฟิ้วววว!!! พลุไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแตกตัวส่งเสียงดังกระหึ่มในเวลาต่อมา
ปัง!!! เสียงพลุไฟส่งสัญญาณให้ขบวนเสด็จในการออกประพาสล่าสัตว์ของฮ่องเต้ต้าโจวให้ล่วงรู้ ก่อนจะสกัดจุดของตัวเองให้หมดสติลงไปตรงบริเวณหน้าผาดังกล่าวเพื่อให้แนบเนียนไร้สิ้นผู้ใดสงสัย
ในขณะเดียวกัน
ร่างขององค์ชายรัชทายาทร่วงหล่นลงสู่ก้นเหวมาอย่างรวดเร็ว พระวรกายลอยเคว้งคว้างผ่านแนวขุนเขาลงสู่เบื้องล่างไปอย่างไร้จุดหมายและน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวด วรยุทธ์ของพระองค์ในเวลานั้นยังไม่แข็งแกร่งเท่าใดนักแต่ก็สามารถใช้กำลังภายในซัดฝ่ามือเพื่อเรียกเถาวัลย์ที่ขนานไปกับความสูงของขุนเขาให้เข้ามารัดพระวรกายเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่นตกไปยังพื้นเบื้องล่าง
ฟิ้วววว!!! เถาวัลย์มากมายที่พาดอยู่ตามแนวเทือกเขาพุ่งทะยานเข้ารัดร่างของโจวหยางเย่วเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างที่กำลังร่วงหล่นลงสู่ก้นเหวลึกชะลอตัวลงก่อนจะหยุดชะงักอย่างรวดเร็ว
ตึก! ร่างห้อยโหนอยู่กลางอากาศในขณะที่เบื้องล่างเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบปกคลุมไปทั่วบริเวณ แรงโหนของรัชทายาทเพื่อใช้เถาวัลย์พันเอาไว้โดยรอบทำให้พระวรกายของพระองค์กระแทกไปกับแนวขุนเขาเข้าให้อย่างจัง
พลั่ก!!!! พระวรกายกระแทกไปกับแนวหินผาพร้อมพระเศียรกระทบกับชะง่อนหินที่ยื่นออกมา
โป๊ก!!! พระเศียรกระแทกกับชะง่อนหินเข้าให้อย่างจัง แรงกระแทกรุนแรงจนทำให้องค์ชายรัชทายาทจนพระเศียรแตกสลบเหมือดไปทันที เป็นเหตุให้ร่างห้อยโหนเหวี่ยงไปมาคาอยู่ต้องชะง่อนผาอยู่เช่นนั้นไร้สิ้นผู้ใดพานพบ
กรอบบบ!!!! พระวรกายกระแทกกับชะง่อนผาอย่างแรง และผลจากการได้รับบาดเจ็บดังกล่าวทำให้โจวหยางเย่วไม่ได้สติติดต่อกันถึงสามวันสามคืนเลยทีเดียว อีกทั้งขาและแขนหักเกิดขึ้นพร้อมกันทันที
แต่แล้วดั่งสวรรค์เข้าข้างเมื่อบังเอิญมีสายตาคู่หนึ่งได้มาเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบว่าพะรองค์ถูกกระทำอย่างไรบ้าง ร่างของโจวหยางเย่วในขณะนี้กำลังจะร่วงหล่นออกจากเถาวัลย์ที่ใช้นำมายึดเหนี่ยวของตัวเอง
“ไปช่วยคุณชายท่านนั้นเร็วเข้า ดูท่าจะได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่น้อย นำมารักษาที่หอดวงดาวของเรา”เสียงของเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดปีบอกกับบรรดาผู้ติดตามที่คอยรับใช้อยู่ภายในที่พำนักกลางหุบเขาลึกซึ่งอยู่ในเขตแดนแคว้นต้าฉี
“รับทราบขอรับ!”บรรดาผู้ติดตามขานรับคำสั่งพร้อมเพรียง
ผู้ติดตามจำนวนสองคนใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงไต่หน้าผาก่อนจะโจนทะยานใช้เถาวัลย์นำพาร่างของตนห้อยโหนตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังหมดสติอยู่ในเวลานั้น และช่วยกันนำมาที่หอดวงดาวที่อยู่บนเทือกเขาตรงกันข้ามกับที่องค์ชายรัชทายาทถูกทำให้ผลัดตกลงมา สภาพในเวลานั้นบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
สามวันต่อมา
หวีดดดด!!!! เสียงพญานกอินทรีส่งเสียงกึกก้องไปทั่วขุนเขา ปีกมหึมาขยับขึ้นลงก่อนจะร่อนมาเกาะระเบียงห้องของเจ้าสำนักดวงดาว พร้อมสาสน์ด่วนที่สงมาจากจวนราชครูมีตราประทับอยู่บนกลักไม้เห็นอย่างชัดเจน
“สาสน์ด่วนของท่านพ่อมีข่าวอะไรแจ้งมาอย่างนั้นเหรอ”เว่ยหลินหลางยืนพึมพำพลางเอื้อมมือแกะกลักไม้ออกจากข้อเท้าของพญาเหยี่ยวก่อนปล่อยให้มันบินกลับไปตามเดิม
กลักไม้ถูกเปิดออกพร้อมคลี่ม้วนผ้าซึ่งเขียนข้อความอยู่ภายในนั้นออกมาอ่านเนื้อหาภายในนั้นอย่างรวดเร็ว ปกติแล้วจะมีสาสน์ส่งมาจากจวนราชครูอยู่เป็นประจำทุกเดือน ซึ่งเว่ยอี้จะเขียนถึงบุตรสาวฝาแฝดคนโตอยู่สม่ำเสมอไม่ได้ขาด
ด้วยสงสารชะตากรรมของนางที่ได้เกิดมาแต่ก็ไม่อาจเปิดเผยตัวตนให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ สาเหตุเพราะนางมีดวงชะตาเกิดมาเพื่อทำลายบัลลังก์หงส์ของแผ่นดินต้าโจว และเพื่อรักษาชีวิตของบุตรสาวฝาแฝดคนพี่เอาไว้จึงต้องซ่อนเร้นนางเอาไว้ในสถานที่ลึกลับสุดยอดเช่นนี้
ดวงตาคู่สวยกวาดตัวอักษรทุกตัวก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวดกับข่าวที่นางได้รับ
ฟิ้ววว!!! ผ้าผืนน้อยที่ใช้เขียนข้อความส่งมาให้ร่วงหล่นจากมือของนางลงสู่ก้นเหวลึก ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกก่อนจะยกมือของนางขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้
“หลิงเอ๋อกับท่านพ่อกำลังจะมาที่หอดวงดาว! น้องสาวฝาแฝดของข้ากำลังมาที่นี่! เป็นความจริงหรือนี่! ความจริงที่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหมที่จะได้พบกับท่านพ่อและน้องสาวฝาแฝดของข้า!!!”
เว่ยหลินหลางตะโกนก้องออกไปจนสุดเสียงด้วยความดีใจอย่างสุดขีดที่จะได้พานพบบิดาและน้องเป็นครั้งแรกท่ามกลางขุนเขาสูงเสียดฟ้า เสียงตะโกนของนางดังก้องสะท้อนยาวไกลออกไปเป็นทอดๆ
ใบหน้างามเต็มไปด้วยความดีใจอย่างล้นเหลือก่อนจะนึกถึงใจความในจดหมายที่เขียนถึงนาง
“จริงสิ! ท่านพ่อเขียนมาบอกว่าหลิงเอ๋อเป็นโรคหอบหืด เดินทางไกลนับพันลี้ก็เพื่อมาให้ข้ารักษานาง ไม่ได้การแล้วข้าต้องรีบไปจัดเตรียมการรักษาให้หลิงเอ๋อล่วงหน้าคาดว่าอีกไม่เกินสิบวันท่านพ่อกับหลิงเอ๋อก็จะถึงหอดวงดาว”เว่ยหลินหลางกล่าวพร้อมก้าวเดินออกจากห้องพักส่วนตัว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อหนึ่งในผู้คุมกฎเดินตรงเข้ามาหา
“หลินหลางเด็กหนุ่มที่เจ้าช่วยเมื่อหลายวันก่อนตอนนี้ฟื้นแล้วนะ”ผู้คุมกฎคนดังกล่าวรายงานข่าวให้นางล่วงรู้
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน่ารักและสดใส มีเค้าโครงหน้าว่าเมื่อนางเจริญเติบโตอย่างเต็มที่จะเป็นสาวงามที่หาตัวได้ยากเสียยิ่งกว่าอะไรในภายภาคหน้า ดวงตากลมโตสีดำแต่หวานเชื่อมอยู่ตลอดเวลาปรากฏแววแห่งความยินดีขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยิน
“ถ้าเช่นนั้นยาของข้าก็ใช้ได้ผล ดีนะที่แค่กระดูกขาแตกไม่ถึงกับหัก ที่หักคือไหปลาร้าแต่ก็ไม่หนักหนาเท่าใดนัก อาการโดยรวมแบบนั้นก็น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว แต่กว่าจะลุกเดินได้อย่างคล่องแคล่วก็จะต้องใช้เวลาหน่อย ข้านึกว่าจะสลบนานกว่านี้ แต่นี่อะไรแค่สามวันก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เออ..แล้วที่หัวละท่านลุงหกรอยแตกเป็นอย่างไรบ้าง”เว่ยหลินหลางถามกลับไปก่อนจะได้ยินผู้คุมกฎหรือที่หอดวงดาวพากันเรียกกันติดปากว่า “ท่านหก”เอ่ยขึ้น
“โดยรวมก็ดีขึ้นมากแล้ว รอยแผลใช้น้ำผึ้งเข้ามาสมานทำให้ดีขึ้นรวมไปถึงรอยเย็บด้วยที่เจ้าใช้ด้ายกับเข็มเย็บแผลกว้างขนาดนั้นเข้าหากันไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสามารถกระทำได้ ช่างน่าแปลกเสียจริง”ท่านลุงหกกล่าวด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ
ท่ามกลางรอยแย้มเยือนของเด็กสาวตัวน้อยยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น
“วิธีการรักษาแบบนี้ข้าเห็นจากภาพก่อนกาลในอีกหลายพันปีข้างหน้าท่านลุงหก ยุคก่อนกาลที่ข้าเห็นมีแต่สิ่งแปลกประหลาดสุดลึกล้ำที่ไม่สามารถพานพบในช่วงเวลานี้ได้ ต่อไปพวกเราจะขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าโดยมีนกเหล็กใช้เป็นพาหนะนำพาพวกเราเดินทางไปจนถึงที่หมาย ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจแต่จะว่าไปก็ยังไม่เทียบเท่ากับเทียนอธิษฐานของหอดวงดาวหรอก”เว่ยหลินหลางอธิบายภาพเหตุการณ์ในอนาคตที่นางได้มีโอกาสเห็นจากญาณหยั่งรู้ของนาง
ในขณะที่ท่านลุงหกก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แสดงว่าเจ้าอยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่ดินแดนก่อนกาลอย่างนั้นสิ จึงได้กล่าวเช่นนี้ออกมา”ท่านลุงหกถามกลับไป
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยพวงแก้มสีชมพูส่ายไปมาติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ถ้าไปศึกษาเพื่อเรียนรู้ก็พำนักได้อยู่หรอก แต่จะให้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นข้าไม่เอาเพราะบางอย่างก็น่ากลัวกว่าช่วงเวลานี้มากๆ เลยนะท่านลุงหก ชีวิตของพวกเราในช่วงเวลานี้ถือว่าเงียบสงบและมีความสุขที่สุดแล้ว สิ่งที่ข้าอยากเรียนรู้ก็มีเพียงการแพทย์ และความเจริญของบ้านเมืองที่แตกต่างจากช่วงเวลานี้ของพวกเรามากและรวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์หน้าตาแปลกๆ ซึ่งมีอีกมากมายเหลือเกินในดินแดนก่อนกาล ซึ่งช่วงเวลานี้ของเราไม่สามารถทัดเทียมได้เลย”เว่ยหลินหลางอธิบายกลับไปก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“มัวแต่ยืนคุยจนเพลินเลย ข้าไปเยี่ยมคนเจ็บสักหน่อยจะดีกว่าเผื่อบางทีจะได้ตรวจดูอาการโดยรวมอีกรอบ ถ้าอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็ค่อยให้ลงจากเขาของเราไปอยู่นานกว่านี้ไม่ได้”เว่ยหลินหลางพูดพร้อมก้าวเดินตรงไปข้างหน้าเพื่อไปเยี่ยมคนเจ็บโดยมีท่านลุงหกเดินตามหลังไปอย่างกระชั้นชิด