ถึงกำหนดวันที่คมเพชรจะกลับมาจากสิงคโปร์จันทร์เจ้าขาก็ไปรอเขาที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทของเขาอย่างร้อนอกร้อนใจ... หลังจากที่สอบถามหอมละมุนแล้วว่าคมเพชรจะบินกลับเที่ยวเช้ามาถึงเมืองไทยประมาณสิบโมง หล่อนก็มารอที่ห้องรับรองแขกของผู้บริหารสุดหรูหราของเขาตั้งแต่เก้าโมงเช้า เพราะร้อนใจนอนไม่หลับมาทั้งคืนแล้ว...
หอมละมุนยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรและต้อนรับหล่อนด้วยชาอังกฤษพร้อมด้วยสโคนและแยมผลไม้หน้าตาน่าทาน กลิ่นเนยในสโคนหอมกรุ่นจรุงจมูก
“ถ้าจะรับเพิ่มบอกละมุนได้นะคะ... อีกตั้งนานกว่าเจ้านายจะมา จะได้ไม่เบื่อรอ”
จันทร์เจ้าขายิ้มขอบคุณอย่างจริงใจ...
หอมละมุนขอตัวออกไปปฏิบัติงานต่อ... หญิงสาวผู้เฝ้ารอก็รินชาใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบคลาสสิกจิบชาร้อนๆ พอชื่นใจและทานสโคนรอคมเพชร...
ออฟฟิศที่เคยเต็มไปด้วยความพิถีพิถันตั้งแต่การตบแต่งยันของว่าง แม้แต่พนักงานที่อยู่ก็ดูแลอย่างดี ความร้อนใจที่นำพาหล่อนมาถึงที่นี่โดยที่หล่อนไม่ได้คิดอะไร แต่พอนั่งหยุดคิดจิบชาละเมียดละไม หล่อนก็นั่งนึกถึงความหลังครั้งเก่าที่หล่อนเคยมีกับเจ้าของอาคารนี้และเป็นผู้เดียวกับเจ้าของห้องทำงานที่เชื่อมกับห้องรับรองแขกที่หล่อนนั่งอยู่...
หล่อนเริ่มคบหากับเขาตอนนั้นหล่อนยังอยู่ในวัยเรียนแต่เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวทั้งเขายังไม่ต้องการให้ความรักในวัยเรียนของหล่อนเป็นแรงยั่วยุให้วาวพลอยเกิดอยากมีแฟนขึ้นมา รวมทั้งหล่อนก็ไม่พร้อมที่จะบอกใครว่าจะจริงจังกับเขา จันทร์เจ้าขากับเขาก็ตกลงกันว่าจะคบกันอย่างลับๆ...
แต่ความสัมพันธ์มันก็ต้องสะบั้นลงเมื่อหล่อนกับเขาคบกันได้สองปี เพราะจันทร์เจ้าขาได้รู้ว่าเขาไม่ได้มีความจริงใจใดๆ ให้หล่อนเลย ตลอดเวลาที่คบหล่อนเขามีคนอื่น หล่อนเป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้หญิงของเขา ความรักครั้งแรกของหล่อน ที่มอบให้เขาทั้งตัว ทั้งหัวใจ ไม่มีความหมายอะไรกับเขา หล่อนอยู่ในเงามืด เป็นความลับที่เขาปกปิดไม่มีวันบอกใคร เมื่อหล่อนต้องการก้าวล้ำเส้นออกมาจากเงามืดเมื่อไหร่เขาก็ไม่พอใจเมื่อนั้น...
เมื่อตอนที่เลิกรา จันทร์เจ้าขาพึงใจอยู่เพียงอย่างเดียว คือหล่อนเป็นคนที่บอกเลิกเขาก่อน... หล่อนเดินจากไปด้วยความองอาจ ตอนนั้นเขาโกรธ โมโห เสียหน้า หรือว่าเจ็บปวดอย่างไรหล่อนไม่รู้ รู้แต่ว่าการบอกเลิกของหล่อนทำให้เขากับหล่อนไม่สามารถมองหน้ากันติด ต้องหันหลังให้กันและโกรธเกลียดกันจนตอนนี้ หากไม่มีเรื่องของวาวพลอยมาเกี่ยวข้องหล่อนกับเขาก็คงไม่ได้ต้องมามองหน้ากันให้ต้องนึกถึงความหลังที่เจ็บปวดและยังคงเป็นแผลร้าวลึกในใจไม่จางหายอย่างนี้
เก้าโมงตรง จันทร์เจ้าขาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง ประตู้ห้องรับรองยังไม่ได้เปิด ยังไม่มีใครมา หล่อนก็ยังอดทนรออยู่... เบนสายตาจากนาฬิกาแล้วทอดมองออกไปนอกผนังกรุกระจกเหมือนอาคารสำนักงานทันสมัยทั่วไป ทอดมองไร้จุดหมายฆ่าเวลารอคมเพชร...
เสียงประตูเปิดออก... หล่อนหันขวับไปมองและลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติเตรียมพูดกับเขา แต่ก็ต้องเก้อเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว...
น้ำเงินเดินนำเข้ามาก่อน... คมเพชรเดินตามเข้ามาพร้อมกับวาววารีหรือแหวน ลูกสาวนายกรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ที่มีข่าวลงครึกโครมในช่วงสองวันนี้ว่า คมเพชรพาหล่อนไปเที่ยวชอปปิงกะทันหันหลังจากที่มีข่าวกับสาวๆ เพราะต้องการปลอบใจตัวจริงของเขา... ข่าวนั้นดิสเครดิตน้องสาวของจันทร์เจ้าขาพอสมควรแต่ก็ดีกว่าให้รัศมีดาราเป็นข่าวหรือว่ามีความสนิทสนมจริงๆ กับคมเพชร...
“นายมีแขกเหรอ” น้ำเงินหันไปถามคมเพชร หลังจากที่หรี่ตามองจันทร์เจ้าขาให้หล่อนอึดอัดอยู่ครู่ใหญ่
“เมื่อกี้คุณหอมละมุนบอกตอนเอามือถือคืนให้คมเพชรแล้ว น้ำเงินไม่ทันฟังแน่ๆ เลย” วาววารีมองหน้าจันทร์เจ้าขาแล้วก็หันไปบอกน้ำเงิน...
วาววารีไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าจันทร์เจ้าขามาก่อนจึงเข้าใจว่าเป็นคนที่มาติดต่องานกับคมเพชรจริงๆ
“นายกับแหวนรอที่นี่ก่อนนะ... คุณตามผมมาที่ห้องทำงาน” คมเพชรเดินนำจันทร์เจ้าขาไป... น้ำเงินอยากตามเข้าไปคุยด้วย แต่ติดที่คมเพชรไม่ได้เชิญเข้าไปด้วยเขาจึงไม่อยากแทรกแซงแม้คิดว่าเรื่องที่สองคนนั้นคุยกันอาจจะเกี่ยวข้องกับคู่หมั้นของเขาที่เขากำลังตามหาอยู่แน่ๆ...
ได้แต่อยากรู้อยากเห็นว่าจันทร์เจ้าขามาหาคมเพชรทำไม...