“นัดกันที่บ้านพรรณหรอกหรือ เพื่อนเรานี่ก็ชอบเสือกเรื่องผัวเมียเหมือนกันนะ” เสียงทุ้มถามแบบสบาย ๆ แต่ล่วงเกินเพื่อนสนิทของตัวเองแบบนั้น ทำเอาไอลดาคอแข็งขึ้นทันที
“ระวังปากด้วยนะคะ เดี๋ยวตำแหน่งสามีแห่งชาติที่ใคร ๆ เขาพากันยกให้ ก็กระเด็นไปก่อนหรอก”
เสียงทุ้มนุ่มที่ไอลดาเคยนึกถูกใจ ชอบใจ มานาทีนี้หล่อนเกลียดนัก แล้วยิ้มเหยียดใส่ ถามกลับด้วยน้ำเสียงเย้ย ๆ
“หึงหรือไงคะ”
“ที่จริงพี่ก็ควรต้องทำท่าว่าหึงนะ ในเมื่อเมียหายไปจากบ้านเป็นอาทิตย์ ๆ เรารึก็นึกว่ากลับไปซบอกแม่ ที่ไหนได้แอบไปซบอกผัวเก่า”
ไอลดาเงียบ ไม่ใช่เพราะเถียงสู้ไม่ได้ แต่เจ้าตัวกำลังระงับโทสะ เขาอารมณ์กำลังขึ้น เธอเองก็ขึ้นเช่นกัน รอให้ถึงบ้านก่อน จะได้อาละวาดทีเดียวไปเลย
ทันทีที่รถเลี้ยวเข้าไปในรั้วบ้านหลังหรูหรา ไอลดาดันประตูเปิดออกทั้งที่รถยังจอดไม่สนิทดีด้วยซ้ำ
“อยากตายหรือไงวะ”
เสียงหัสดินทร์ด่าไล่ตามหลัง แต่ไอลดาไม่สน เธอเปิดประตูอ้าไว้แบบนั้น จงใจให้เขาลงมาจัดการกับประตูฝั่งของเธอ เพื่อที่จะได้ถ่วงเวลา เข้าไปเรียนคุณแม่ของเขา ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกัน
แต่พอเข้าบ้านมาแล้ว กลับไม่พบคุณแม่ของสามีที่ในนั้น
“คุณแม่อยู่ไหนปีบ”
ไอลดาถามหามารดาของหัสดินทร์กับคนรับใช้ ทางนั้นได้แต่หน้าเหวอ ส่ายหน้าบอกอย่างงงงัน “คุณท่าน? ไม่มีนี่คะคุณด้า ท่านไปเยี่ยมเหลนน้อยยังไม่กลับมาเลยค่ะ”
ได้คำตอบแล้วก็สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ หันไปตวาดใส่สามีที่เดินตามเข้ามาในบ้าน “พี่เอสหลอกด้า”
“ไม่อย่างนั้นจะยอมกลับบ้านหรือ”
“ให้ด้ากลับมาทำไมคะ ในเมื่อพี่เอสเองก็ไม่เห็นจะกลับมานอนที่บ้านเลยสักวัน”
“อย่ามายืนเสียงดังตรงนี้ มีอะไรไปคุยกันในห้อง” หัสดินทร์เตือนเสียงดุ เดินนำหน้าไปก่อน ไอลดาไม่รีรอ ตามหลังไปบ้าง จนเข้ามายืนในห้องแล้วก็เปิดฉากใส่กันทันที
“พี่เอสมีอะไรกับเลขาของพี่ก็มีไป แต่อย่าให้มันมาระราน ก้าวก่ายด้าจะได้ไหม”
“เรื่องนี้อีกแล้วหรือด้า”
“ก็ยอมรับมาเสียทีสิ ว่าพี่มีอะไรกับอีนั่นจริง ๆ น่ะ”
หัสดินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ มองภรรยาตัวเองด้วยสายตาระอานิด ๆ “พี่เกลียดคนพูดจาหยาบคายที่สุดเลย”
“โถ เกลียดคนพูดจาหยาบ ส่องดูเงาตัวเองบ้างนะคะ”
“แล้วนี่ด้าจะไปแคร์ทำไม เขาเป็นใคร ด้าเป็นใคร สถานะด้าต่างจากเขาตั้งเยอะ”
“ยอมรับแล้วใช่ไหมว่ามีอะไรกับมัน”
หัสดินทร์เตือนเสียงขรึม “พี่แค่บอกว่าด้ากับเขาต่างกัน ตรงไหนคือประโยคที่พี่ยอมรับ ไหนบอกซิ”
“ทุเรศ! ไอ้หน้าด้าน”
ไอลดาตวาดแว้ดกลับอย่างคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เธอลำพองตัวมาตลอดว่าได้ครอบครองผู้ชายที่เพอร์เฟกต์ที่สุด ดีที่สุด แต่เมื่อความจริงกระแทกเข้าหน้าเธออย่างจังว่าหัสดินทร์หาใช่คนที่ดีที่สุดไม่ ก็ทำเอาผิดหวังไม่น้อย หญิงสาวเก็บสะสมเรื่องราวที่ตนไม่พอใจ ไม่ถูกใจในชีวิตคู่ระหว่างกันมานานแรมปี จนเอามาระเบิดออกในวันนี้
“ทุเรศแล้วยังไง หน้าด้านแล้วยังไง ด้าจะเลิกกับพี่หรือ” หัสดินทร์ถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย กระนั้นแววตากลับดูดุกร้าววาววับเอาเรื่องขึ้น
ไอลดาตอบกลับทันควัน
“อยากจนตัวสั่น หย่าให้ด้าได้ไหมล่ะ”
“อ้อ หายไปอยู่กับผัวเก่าไม่เท่าไหร่ กลับบ้านมาก็ขอหย่ากับพี่เลย ธรณ์เอามันกว่าพี่มากหรือไง”
ไอลดาโมโห หายใจหอบแรงจนไหล่ยก ตวาดกลับด้วยเสียงที่ดังกว่า “ไหนบอกว่าไม่ชอบคนหยาบคาย อย่างนั้นก็อย่าทำตัวหยาบคายกับคนอื่นสิ และพี่ธรณ์ก็ไม่ใช่ผัวเก่าอะไรทั้งนั้น”
หัสดินทร์เดินเข้าไปยืนประจันหน้ากับไอลดา แล้วยื่นมือออกไปแหย่กับยอดอกของอีกฝ่าย “งั้นใครทะลวงเราจนพรุนก่อนจะถึงมือพี่ ถ้าไม่ใช่มัน นี่มีผัวมากี่คนก่อนถึงพี่ ไหนบอกให้ชื่นใจหน่อยซิ”
ไอลดาปัดมือออกอย่างที่ความโกรธพุ่งถึงขีดสุด แววตาที่ใช้มองก็รังเกียจเหลือทน “อยากโง่เองช่วยไม่ได้ ด้าจะหย่า”
ชายจากตระกูลผู้ดียิ้มเยาะ ก่อนกล่าวยั่วอารมณ์ “พี่ก็อยากหย่า แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ปล่อยให้เสี้ยนกันไปก่อน”
“ไอ้ทุเรศ!” ไอลดาด่าสวนกลับทันที แต่ไม่ปรากฏอารมณ์โกรธเคืองบนใบหน้าของเขาอีกแล้ว ขู่กลับด้วยน้ำเสียงที่หญิงสาวเคยนึกชมชอบว่าทุ้มอบอุ่นละมุนหูเหลือเกิน
“อย่าให้กูเห็นว่ามึงไปอยู่กับมันหรือผู้ชายคนอื่นแบบนั้นอีก คงรู้นะว่าหากต้องเอาทนายเข้ามายื่นเรื่องฟ้องหย่า มันจะยุ่งยาก เป็นข่าวดังมากแค่ไหน หรือมึงอยากไปแบบตัวเปล่า ๆ อยู่แบบลำบาก ไม่มีอะไรให้เลยสักบาท ก็เอาเลย”
ว่าจบ หัสดินทร์ก็ปล่อยให้ไอลดายืนเคว้งอยู่กลางห้องคนเดียว จากที่คิดจะอาละวาด กลับหมดแรงไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น เขาไม่ยื้อเรื่องหย่า เพียงแค่ผัดผ่อนมันออกไปเท่านั้น แล้วยังข่มขู่เธอกลับอีก มันหมายความว่าอย่างไร นี่เขาหมดรักเธอแล้วจริง ๆ ใช่ไหม
หัสดินทร์เดินกลับลงมาที่รถของเขา ขับออกจากบ้านไป ในตอนค่อนดึกเข้าไปแล้ว
ธรณ์ลงจากรถได้ก็เดินเข้าร้านทันที ช้ากว่าเวลาที่นัดกันไว้เป็นชั่วโมง เพราะมัวแต่คุยสายที่ติดพันเรื่องซื้อขายพันธบัตรจนเลยเวลามากกว่าทุกครั้ง แล้วก็คิดได้ว่าเวลาสังสรรค์เช่นนี้ พี่ชายคงไม่โวยวายเท่าไรนักหรอก นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่หัสดินทร์มาตามไอลดาถึงบ้านของพรรณวษาก็ได้แต่กังวลไม่หาย
สีหน้าจึงเต็มไปด้วยร่องรอยครุ่นคิดทั้งวัน
“กว่าจะมาได้นะ” เสียงใครสักคนที่นั่งดื่มอยู่บ่นขึ้น ก่อนที่นพรัตน์จะเอ่ยเย้าน้องชายตามมา
“มาช้า จ่ายนะโว้ย”
นิรันดร์ที่มาเพราะอยากพบหน้าน้อง ๆ เพียงเท่านั้น ถามถึงเรื่องของอีกฝ่ายทันทีที่ทางนั้นนั่งลงเรียบร้อย “แจ็คมันว่า พอมึงรู้ว่าเขาจะเลิกกับผัว มึงก็ดอดนัดกับยัยถ่านไฟเก่าที่รีสอร์ตของมึงเลยหรือวะธรณ์”
ธรณ์หน้าขรึม บอกปัด “ใช่ที่ไหนล่ะครับ”
“แล้วแบบไหนวะที่ใช่ แบบไหนไม่ใช่ เล่าหน่อยสิ กูตามไอจีมึงอยู่ เห็นมึงถ่ายผมใครไม่รู้สะบัดไหว ๆ ตรงหาดหน้ารีสอร์ต แล้วใส่แฮชแท็กอันนั้นน่ะ นี่เขามีผัวไปแล้วมึงอย่าลืมนะธรณ์” นพรัตน์จี้ถาม เพราะมีข้อมูลในมือ ถึงได้พูดยาวขนาดนั้นได้
นิรันดร์รอจังหวะ ผสมโรงอีกคน “ตัดใจไม่ได้อีกหรือไงวะ อย่ากินเชียวนะมึงของเหลือคนอื่นน่ะ”
คนถูกพี่ชายประณามได้ส่ายหัวช้า ๆ เสียงเนือยใส่ “นี่ไม่ได้เปิดโอกาสให้ผมเล่าเลยนะครับ ก็พากันรุมผมแล้ว”
“ว่ามา”
“เขากับเพื่อนแวะไปเที่ยว แล้วบังเอิญได้เจอกันที่รีสอร์ตของผม เรื่องมันมีเท่านั้นแหละ นี่เล่นใส่สีตีไข่เพิ่มจนผมงงเรื่องของผมเองเลยเนี่ย”
“แค่เนี้ย?”
“ก็แค่เนี้ย” ธรณ์ยักไหล่เบา ๆ คว้าแก้วมาดื่มบ้าง
“แจ็คมันไม่ใช่คนโกหกนะ ทำไมมันพูดไม่ตรงกันเลยวะ”
“มันคงไม่รู้มั้งครับ แจ็คมันก็พูดไปตามที่มันอยากให้เป็น”
“เขาเลือกทางนั้นแล้วก็ควรตัดใจ ไม่ใช่รอว่าเมื่อไรจะเลิกกับผัว กูจะได้เสียบ” พี่ชายคนโตแห่งอัศวหาญญ์วรกุลใช้ยาแรงกับน้องทันที
ธรณ์หน้าเครียดลงอีก ไม่พูดเล่นหัวอย่างทุกที
“เงียบนี่ คือมันไม่ได้จะยอมตัดใจนะครับเฮีย ผมว่ามันรอให้ทางนั้นเลิกกับผัวก่อนจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็กะจะไปช้อนเก็บคืนมา”
“รักอะไรกันนักหนาวะ ไหนบอกพี่สิ” นิรันดร์ขยับมาโอบไหล่ น้ำเสียงลดความกระด้างลง เพราะแววตาหมอง ๆ ของน้องชายนั่นเองเป็นเหตุแห่งความปรานีในครั้งนี้
“ช่างผมเถอะ”
ธรณ์ปัด ไม่อยากพูดถึง ไอลดาเป็นรักที่ยังฝังใจ ใช่ ที่เขายังคิดถึงเธออยู่ แต่ก็ไม่ได้คิดแย่ถึงขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากใครเพื่อจะทำให้ใจนี้ลืมไอลดาไปให้ได้ ความรักสำหรับธรณ์เป็นเรื่องสวยงามลึกซึ้ง ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้จับมือกันเดินไปข้างหน้าอย่างที่วาดฝันไว้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องลืมเลือนกันไปนี่นา
นิรันดร์ พี่ชายคนโตมองธรณ์อยู่อึดใจก็ขยับไปนั่งลงใกล้ ๆ ชวนคุยเรื่องอื่นต่อจากนั้นเป็นนาน นักรบ น้องชายคนสุดท้องก็เดินหน้าตาเคร่งเครียดเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย ในตอนที่เกือบจะล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว
“อย่าบอกนะว่าถูกใจผู้ชายบ้านอัศวหาญญ์วรกุลเข้าแล้วน่ะ” เสียงถามของเพื่อนร่วมโต๊ะดังขัดขึ้น เชอรีนละสายตามามองที่คนถาม แทนการยืนยันด้วยเสียงว่าใช่
“คนไหน ชี้มาเร็ว”
“คนนั้น” เชอรีนส่งสายตาไปยังธรณ์ เพื่อนในกลุ่มมองตามแล้วก็ทำหน้าแหยง ๆ ไม่ใช่ว่าไม่น่าสน ในบรรดาทั้งหมดนั่น ธรณ์ดูใจดีที่สุดแล้ว ดูเข้าหาได้ง่ายกว่าพี่ ๆ และน้องชายของเขา แล้วยังมีคนยืนยันว่ากล้ามเขาสวย แน่น และน่าซบไม่น้อย ยิ่งผสมกับใบหน้าหล่อตี๋เป็นที่นิยม ธรณ์ไม่ได้ขี้เหร่ไปกว่าใครเลยสักคน ดูเด่นที่สุดในร้านด้วยซ้ำไป
แต่พวกเธอก็ยังไม่เคยมีโอกาสสักที เห็นแบบนั้น ธรณ์เลือกมากอยู่ไม่น้อย เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทคว้าใครได้ก็จับโยนขึ้นเตียงหมด จึงรีบเตือนเชอรีนด้วยความหวังดี
“ที่จริงก็น่าสนอยู่หรอกนะ พี่ธรณ์น่ะ แต่บอกไว้ก่อนว่าอาจยากหน่อย ฮีคั่วไม่สุกง่าย ๆ นะคนนี้”
“วาย” เชอรีนถามทั้งที่ตายังมองหนุ่ม ๆ กลุ่มนั้นอยู่
“ที่จริงน่ะ ฮีมีเจ้าของหัวใจแล้ว แต่มาเฮิร์ตเพราะแม่นั่นหลงผิดไปจับผู้ชายที่คิดว่ารวยกว่า ฉันล่ะอยากสมน้ำหน้านัก นึกว่าตัวเองฉลาด ทิ้งพี่ธรณ์ไปเอานังพี่เอส ใครว่าพี่ธรณ์มีไม่เท่าคนอื่น ฮีลงทุนที่ต่างประเทศหมดเลยจ้า แล้วก็ชอบทำตัวติดดิน ใคร ๆ ก็เลยพากันคิดว่าแกโลโซที่สุดในบรรดาอัศวหาญญ์วรกุล แต่ฉันว่านะพี่ธรณ์เนี่ยแหละรวยตัวพ่อเลย”
เชอรีนพยักหน้าอย่างเห็นพ้องด้วย พร้อมกับยอมรับอย่างไม่คิดปิดบัง “ฉันชอบผู้ชายแบบนี้”
ชายหนุ่มหน้าตาดี ยิ้มง่าย สไตล์โคเรีย แถมยังมีบาดแผลในใจ ที่ยังไม่พร้อมเปิดพื้นที่ต้อนรับใครเลยสักคน ท้าทายพวกชอบเล่นเกมความรักไม่น้อยทีเดียว
เชอรีนมองทางชายหนุ่มด้วยสายตาหมายมาด
“ฟังก่อน” เพื่อนสาวร้องห้ามล้อเพลงนักร้องสาวฮิปฮอปคนดัง
คราวนี้คนอยากลองของหันมาสบตาเพื่อน ถามอย่างต้องการข้อมูลของชายที่ตนสนใจเพิ่มเติม “ว่ามา”
“ตั้งแต่แม่นั่นทิ้งฮีไป ก็มีแต่คนอยากเข้าไปดามหัวใจให้ฮีทั้งนั้น แล้วฉันก็ไม่เคยเห็นใครสักคนที่จะเข้าไปแทนที่ตรงนั้นได้เลย มีก็แบบผูกปิ่นโตที่ฮีกินเงียบ ๆ ไม่ได้มูมมามนะยะ สะอาดจะตาย”
“เรียลลี? แบบนี้ก็ยิ่งน่าสนใจน่ะสิ”
เชอรีนเอื้อมมือยกแก้วขึ้นจิบ แล้วมองภาพในจอที่เพื่อนเปิดให้ดู อย่างสนอกสนใจ
“นี่ไงประวัติของพี่ธรณ์ เผื่ออยากรู้อะไรเพิ่ม”
สาวหัวนอกอมยิ้มเมื่อดูภาพและอ่านอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ในนั้น ก่อนเลื่อนสายตาไปมองที่ธรณ์อีกครั้ง ผู้ชายคนนี้ถูกใจเธอมากทีเดียว
เชอรีนเป็นพวกมั่นใจตัวเองในระดับสูงมากคนหนึ่ง หญิงสาวรักความท้าทาย ชอบนักกับการดึงความสนใจคนคนหนึ่ง ยิ่งเป็นผู้ชายที่ใครต่อใครบอกต่อกันว่าเขายาก และไม่คิดเปิดรับใครใหม่ เธอก็ยิ่งชอบ ยิ่งอยากได้ อยากเป็นเจ้าของเขามากขึ้นเท่านั้น
ธรณ์หอบของฝากมาที่บ้านแจ็คในวันรุ่งขึ้น เพื่อมาโวยใส่มัน ค่าที่เอาเรื่องเขาไปคุยให้พี่และน้องของเขาฟัง ธรณ์ไม่ใส่ใจชื่อเสียงของตัวเองเท่าไรนักหรอก ห่วงก็แต่ไอลดาที่ถูกคนเอาไปพูดในแง่ไม่ดี แล้วถึงได้รู้ว่าคุณป้าวิราสินีของแจ็คที่เขารักและเคารพกำลังถลำลึกไปกับสมาคมแปลกประหลาดอยู่
“แม่บ่นว่าไม่ยอมกลับบ้านเลย เห็นเซ็นเบิกเงินสดไปให้ทางนั้นด้วยนะเว้ย” แจ็คบ่นต่อหลังจากเล่าเรื่องของป้าตนเองให้ธรณ์ฟัง
ธรณ์นิ่ง ถามกลับอย่างที่ไม่อยากเชื่อเท่าไรนัก
“ทำไมคุณป้าท่านถึงได้เชื่อคนพวกนั้นง่าย ๆ วะ”
“ฟังจากที่แม่เล่า พวกนี้มันจะเอาคนรู้จักมาชวน กูว่านะน่าจะคล้ายกับเอาเหยื่อมาตกมาล่อก่อน อย่างของคุณป้า มันเอาหัวหน้าเก่ามาชวนคุยเลยนะ แม่ว่ามารุมมาล้อมกันเป็นกลุ่ม แล้วอย่างคุณป้าแกเป็นสาวโสด ลูกไม่มี ผัวก็ไม่มี เจอคนรู้จักนับหน้าถือตากันชวนไป แกคนชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้วด้วย จะเหลือหรือวะ บอกแม่กูว่าจะลองไปดูหน่อย สุดท้ายหายเงียบเลย แถมยังขนเงินไปให้เขาจนหมดบัญชีแล้วมั้งนั่น”
ธรณ์ฟังเรื่องราวจากปากเพื่อน ก็ค่อยถามต่อ
“อยู่แถวไหน เคยลองแวะไปดูบ้างหรือยัง”
“ไปมาแล้ว กูเนี่ยแหละไปตามถึงที่เลย”
แจ็คหยิบโทรศัพท์ออกมาไถหน้าจอให้ดู แล้วส่งข้อมูลคร่าว ๆ ไปในช่องทางติดต่อของธรณ์
‘ละเลิกกิเลส กลับคืนสู่ธรรมชาติ เป็นผู้ให้ที่แท้จริง ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา’
แววตาของธรณ์เป็นประกายขึ้นในเสี้ยววินาทีขณะอ่านข้อความชวนเชื่อนั่น เงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ถามพร้อมกับหัวเราะตบท้าย “นี่มันลัทธิอะไรวะ อ่านแล้วปลอมฉิบหายเลย”
“กูก็ไม่รู้ หาข้อมูลเพิ่มก็ไม่มีใครพูดถึงเท่าไรเลย แต่เห็นมีข่าวออกแล้วนะ กูว่าคงมีคนที่โดนหลอกหลายคน เลยเอาไปพูด จนเริ่มมีข่าวออกนี่แหละ”
ธรณ์พยักหน้าเบา ๆ ตอบรับ “กูจะลองแวะไปดู มึงไปด้วยกันสิวะแจ็ค”
“กูด่ามันเปิงมารอบหนึ่งแล้ว ป้าออกมาเห็นกูพอดีท่านต่อว่าซะกูเสียเลย บอกว่าอย่ายุ่งเรื่องของป้า รอบนี้มึงลองไปดูหน่อยไหม บางทีป้ากูเขาอาจจะเชื่อมึง”
“ป้าเขาไม่ให้มึงไปอีก มึงก็ไม่ไปง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือวะ ไม่ห่วงป้ามึงเลยหรือยังไง กูไม่ใช่หลานแท้ ๆ ยังห่วงท่านเลย” ธรณ์อดบ่นให้เพื่อนไม่ได้
แจ็คพ่นลมหายใจออกเสียงดัง “ป้ากูกับแม่กู เขารักมึงมากกว่ากูอีกนะธรณ์ แบบนี้ไง กูก็เลยฝากความหวังไว้ที่มึงอีกคน น่านะ มึงไปดูป้าให้หน่อย”
ธรณ์มองออกไปที่สวนด้านนอก ยังบ้านหลังเล็กในบริเวณเดียวกันที่ปิดเงียบ ฟันธงได้เลยว่าป้าของแจ็คกำลังถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกเอาเงิน
“คนพวกนี้แม่งทำนาบนหลังคนนี่หว่า แค่ฟังมึงเล่าก็รู้แล้วว่าเป็นพวกแก๊งต้มตุ๋น หลอกเอาเงินคนจิตอ่อน”
แจ็คพยักหน้าตามเพราะเห็นด้วย ถามอย่างสนใจ “แล้วคุณมึงจะแวบไปดูวันไหนวะ เผื่อกูเปลี่ยนใจ จะได้ไปด้วย คราวนี้จะเอาปืนไปยิงหัวแม่งเลย รำคาญพูดกับคนพวกนั้นว่ะ ทำท่าเป็นพวกผู้ดีมีอารยะ เหน็บกูด้วยว่ากูหยาบ กักขฬะ”
ธรณ์หัวเราะก๊ากออกมาแล้วว่า “อย่างน้อย ๆ พวกนั้นก็เชื่อถือได้อยู่นี่หว่า เรื่องที่บอกว่ามึงหยาบแล้วก็กักขฬะด้วยน่ะ”
แจ็คทำเป็นค้อนแบบสาว ๆ ส่งให้ ธรณ์เลยโบกมือบอก รับปากในที่สุด “ขอกูเคลียร์งานก่อน ไม่แน่อาจจะไปพรุ่งนี้ แต่ถ้ามึงจะเอาปืนไปด้วยนะ กูขอแนะนำให้มึงไปคนเดียวเลย กูไม่อยากไปเอี่ยวกับมึง เผื่อโป้งป้างในรถกูก็ซวยสิวะ”
“เดี๋ยวกูไปถามแม่ก่อนว่าว่างวันไหน อาจจะได้ไปด้วยกันเลย” แจ็คหายไปทางบ้านของแม่ ไม่นานก็กลับมา
“หมอนัดแกมะรืน แล้วเดี๋ยวต้องพาแต้วไปธุระอีก” แจ็คแจงยาวถึงธุระของแม่และแฟนสาวคนปัจจุบัน ธรณ์ตัดบททันที
“รอกันไปมาอยู่อย่างนี้ไม่ได้ไปกันพอดี มึงส่งพิกัดเข้ามาในไลน์กูเลย กูว่ากูไปดูเองดีกว่า ในนั้นไม่มีใครรู้จักกูหรอก กูอาจจะไปมะรืนนี้เลยก็ได้ ไม่ก็ช่วงสุดสัปดาห์ แล้วถ้าสามวันยังติดต่อกูไม่ได้ ไม่เห็นกูกลับมา แสดงว่ากูเข้าลัทธิกับทางนั้นแล้วนะ ไม่ต้องตาม”
“ไอ้เชี่ยคุณธรณ์ อย่างมึงใครจะหลอกได้วะ”
เขาทำเสียงครุ่นคิดอยู่ครู่เดียว แล้วว่า “กูว่ามันคงมีอะไรลับลวงพรางมากกว่านั้นว่ะ”
แจ็คมองเพื่อนแล้วทำทีเป็นชวนคุยด้วยน้ำเสียงไม่ให้ดูว่าสอดรู้มากจนเกินไปนัก
“แล้วเรื่องเด็กเก่ามึงนี่ ยังไงแน่วะ”
จากที่คุยหัวกันอยู่ดี ๆ ทำเอาธรณ์เงียบไป ไม่ตอบ แววตาก็ดูเรียบเฉยแบบที่แจ็ครู้ดีว่าเรื่องนี้ทำเอาธรณ์คิดหนักอยู่เหมือนกัน
ออกปากเตือนธรณ์อีกคนด้วยความหวังดี “มึงรู้เรื่องของน้องเขาอยู่ใช่ไหม ว่าตอนนี้ระหองระแหงกับผัวเขาน่ะ อย่าเข้าไปยุ่งเลย กูขอล่ะ”
“ไม่พูดถึงด้าแบบนั้นได้ไหม กูไม่อยากให้ใครมองเขาไม่ดี” ธรณ์ปราม เสียงที่คุยร่าเริงเมื่อครู่กลายเป็นเครียดไป ถือโอกาสด่าแจ็คเสียเลย “มึงนะมึง เอาเรื่องที่เจอด้าที่รีสอร์ตกูไปบอกเฮียรันดร์ทำไม บิดไปบิดมาจนไม่เหลือโครงเดิมเลยนะ”
“กูแค่อยากสร้างสีสันให้มึงไง” แจ็คหุบยิ้มลงเมื่อเห็นว่าเพื่อนหน้าเครียด คงไม่ได้อยากได้สีสันที่เขาเติมให้แน่ ๆ “เออ กูขอโทษก็ได้ แต่กูอยากเตือนมึงไว้อย่างนะธรณ์ ผู้หญิงบนโลกยังมีอีกเยอะแยะ ไม่ใช่ว่าไม่มีอีกแล้ว มึงไปรอเขาทำซากอะไร แล้วถ้าเขาเลิกกันจริง มึงกินลงหรือยังไงวะ”
ธรณ์ขยับหนี ไม่อยากฟังคำปลอบประโลม คำเตือนสติจากใครเลยสักคน เพราะมันเป็นเรื่องของเขา เขาจะรอหรือไม่รอใครแล้วอย่างไร มันก็สิทธิ์ของเขาไม่ใช่หรือ แค่รู้ว่าไม่ได้ทำผิดทำนองคลองธรรม แค่นี้ก็พอแล้ว
แจ็คหยุดพูดเมื่อเห็นเพื่อนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เปลี่ยนเรื่องคุยจากนั้น ธรณ์อยู่ที่บ้านเพื่อนอีกเป็นนาน กว่าจะกลับออกมาได้ ก่อนจากไม่ลืมบอกทางแม่ของแจ็ค ว่าจะลองเข้าไปดูคุณป้าวิราสินี ตามที่ได้คุยไว้กับแจ็คเมื่อก่อนหน้านั้น