ธรณ์ขับรถไอลดามาส่งที่บ้านของพรรณวษาในตอนสาย โดยมีคนของเขาขับตามมาด้วย และตอนนี้ก็กลับไปก่อนแล้ว เพราะไม่รู้ว่านายจะอยู่ต่ออีกนานแค่ไหน ยืนกดออดเรียกไม่นาน ก็พบไอลดาอยู่ในชุดเสื้อกางเกงผ้ายืดสบาย ๆ ที่ไม่น่าจะใช่ของเจ้าหล่อนเอง ถามขณะที่หญิงสาวเลื่อนประตูรั้วเปิดรับเขา
“ทำไมอยู่บ้านคนเดียว”
“พรรณไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”
ไอลดาคุยถึงเพื่อน ก่อนกล่าวชมลับหลังเจ้าของบ้าน “ขยันออกจะตาย หลังจากจบตรีแล้วก็ทำงานไปเรียนไป ต่อโทได้อีกตั้งสองใบเลยนะคะ”
ธรณ์พยักหน้าตามไปอย่างนั้นเอง ก็เห็นอยู่ว่าหน้าตาเหมือนพวกถนัดแต่เรื่องเรียน พอจะสนับสนุนคำพูดของไอลดาได้อยู่หรอก แล้วเลิกสนใจกับเรื่องของทางนั้น หันมากระเซ้าไอลดาเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งแหมะจิ้มผลไม้หลากหลายในจานเข้าปากเคี้ยว ด้วยท่วงท่าที่ดูสบายใจขึ้น
“นี่ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายสิ ไม่หยิบจับทำงานช่วยเจ้าของบ้านเขาเลยหรือ” ธรณ์ว่าแล้วก็มองเลยไปยังตะกร้าเสื้อผ้าที่วางทิ้งไว้ตรงมุมบ้าน
“ทำแล้วค่ะ แต่ไม่ถูกใจนาง พรรณน่ะจู้จี้แล้วก็เป็นคุณนายสะอาดออกจะตาย สั่งห้ามด้าแตะ ห้ามหยิบจับของทำความสะอาดเองด้วยนะคะ”
ไอลดาบ่นเพื่อนเสร็จ ลุกเอาผลไม้มาส่งให้ธรณ์ เขารับมากินแล้วก็ฟังเจ้าหล่อนคุยฟุ้งเรื่องของเพื่อนตัวเองต่อ “บ้านหลังนี้มีประวัติค่ะ” บอกจบ หันหลังกลับไปนั่งที่เดิม หยิบมะม่วงจ้วงลงไปในน้ำปลาหวาน ใส่ปากเคี้ยว ๆ แล้วก็เงียบ
ธรณ์เคี้ยวจนหมดก็มุ่นหน้าถาม เพราะรอฟังอยู่ “ยังไงต่อล่ะ”
“อะไรคะ”
“ประวัติที่เราว่าไง”
“อ๋อ คือบ้านนี้น่ะเป็นเรือนหอรอรักของพรรณกับแฟนเขาค่ะ”
ธรณ์ฟังแล้วก็ให้รู้สึกแปลก ๆ บอกตัวเองให้เลิกสนใจบ้านหลังเล็ก รวมถึงเจ้าของบ้านไปเสีย “พรรณกับแฟนคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วค่ะ ทางนั้นเป็นรุ่นพี่คนละคณะ จบไปแล้วแต่ดันมาปิ๊งพรรณ แล้วรู้ไหมคะว่าใกล้จะถึงวันแต่งอยู่แล้วเชียว แฟนพรรณดันไปทำผู้หญิงคนอื่นท้อง จากนั้นก็เลย...” ไอลดาละไว้ พร้อมด้วยแววตาเสียใจแทนเพื่อน เพราะตนเองชะตากรรมก็ไม่ได้ต่างจากพรรณวษาในตอนนั้นเท่าไรนัก
“แล้วเก็บบ้านนี้ไว้ทำไม เอาไว้ระลึกถึงไอ้นั่นหรือ” ธรณ์ถามเสียงแข็งออกไปไม่ทันรู้ตัว ไอลดาถือผลไม้ค้างไว้ในมือ จ้องตาธรณ์เขม็ง ก่อนจะถามปนขำกลับไป
“แล้วพี่ธรณ์ไปโกรธใครมาคะเนี่ย”
“เปล่า” บอกปัด ทำทีลุกไปหยิบผลไม้มากินอีกชิ้น
“จะไม่เก็บได้ยังไงล่ะคะ ก็บ้านหลังนี้น่ะ เงินของพรรณคนเดียวที่ซื้อมา ทั้งเงินวางดาวน์ เงินผ่อน ตกแต่งภายใน จัดสวนรอบบ้านนี่ก็เงินของพรรณทั้งนั้น”
ธรณ์ฟังจบ ส่ายหน้าให้อย่างเดียว ไม่ออกความเห็นใด ๆ อีก ทำตัวเป็นคนเคร่งระเบียบ กฎเกณฑ์ ไม่เหมาะสม ไม่ควรอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้ก็ช้ำรักมาก่อน คิดอย่างหมิ่น ๆ เลยเลิกสนใจบ้านและเจ้าของบ้านหลังนี้ไปโดยปริยาย ถามเรื่องของไอลดาบ้าง เมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนมีสีหน้าสบายใจขึ้นบ้างแล้ว
“แล้วนี่ไม่กลับบ้านกลับช่องหรือไงเราน่ะ”
“ยังค่ะ”
ไอลดาตอบสั้น ๆ แค่นั้นแล้วเลิกคุยเรื่องของตัวเอง ชวนคุยเรื่องอื่นต่อหลังจากนั้น ธรณ์เงียบไปครู่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างนึกอะไรได้
“พี่ว่า เราอยู่กันสองคนแบบนี้ใครมองคงไม่ดี”
“ใครจะมองล่ะคะ ในบ้านไม่มีใครสักคน ข้างนอกก็ไม่มีใครสนใจเราอยู่แล้ว”
“เพื่อนเราจะเลิกงานกี่โมง เดี๋ยวพี่มาใหม่ตอนมีคนอื่นอยู่ด้วยดีกว่า จะได้ไม่มีคนเอาไปพูดให้ด้าเสียหายได้”
ไอลดาเงียบไปแล้วตัดสินโป้ปดธรณ์
“อยู่เป็นเพื่อนด้าก่อนเถอะนะคะ เมื่อตอนพรรณออกไปทำงาน ด้าเห็นมีคนมายืนเกาะประตูมองอยู่ตั้งนาน แถวนี้ทำงานออฟฟิศกันหมดหรือไงไม่รู้ ปิดบ้านเงียบเชียบเลย ไม่มีใครให้ร้องขอความช่วยเหลือเลยสักหลัง เกิดมันมาอีกแล้วปีนเข้ามา ด้าจะทำยังไงเนี่ย”
“แล้วทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก” ธรณ์ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาไถจอ เสียงเครียดไม่น้อย “เดี๋ยวพี่โทรบอกพี่ที่ดูแลเขตนี้ก่อน”
ธรณ์มีคอนเน็กชันค่อนข้างเยอะ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง พ่อค้า เจ้าของธุรกิจเขารู้จักไปหมด แล้วก็พึ่งพาขอความช่วยเหลือกันได้อีกด้วย ไอลดายิ้มบาง ๆ บอกเสียงอ่อนเสียงหวานว่า
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่พี่ธรณ์อยู่เป็นเพื่อนด้าก็พอแล้ว”
ธรณ์มองอดีตคนรักแล้วยอมอยู่เป็นเพื่อนในที่สุด ก่อนจะชวนกันทำอะไรกินกันในบ้านหลังเล็กของพรรณวษาในเวลาต่อมา
อาการเมาบกยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง แม้ขณะนั่งนิ่ง ๆ อยู่นี้ ก็คล้ายกับว่ารอบตัวยังโคลงเคลงเล็กน้อยราวกับนั่งอยู่บนเรือ แล้ววันทำงานวันแรกของพรรณวษาก็เริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีนัก
นอกจากจะตื่นช้ากว่าทุกวันจนทำให้ออกจากบ้านสายแล้ว เธอไปถึงป้ายรถประจำทาง ยังคลาดกับรถที่ขึ้นตรงเวลาทุกวันเสียอีก เมื่อขึ้นไม่ทัน เลยต้องยืนรออีกเป็นนาน อีกทั้งเป็นเช้าทำงานวันแรก คนเลยแน่นขนัดไปทั้งคันรถ ถึงที่ทำงานก็พบว่าตัวเองสายอย่างที่ไม่เคยเลยสักครั้ง ตั้งแต่เริ่มทำงานมา
“ทุกคนจ๊ะ”
เอื้อมพรเรียก เดินเข้ามายืนตำแหน่งเดิมที่ใช้ป่าวประกาศข่าวสาร ยิ้มเก๋ส่งให้น้อง ๆ ที่นั่งทำงานกันอยู่ ด้านหลังของเอื้อมพรมีหญิงสาวหน้าสวยเฉี่ยว แววตามั่นใจ ติดหยิ่งอยู่ไม่น้อย คนมากวัยกว่าจับแขนอีกฝ่ายไว้ แล้วดึงเบา ๆ ให้มายืนที่ด้านหน้า พร้อมแนะนำกับทุกคนในนั้น
“พี่พาสมาชิกใหม่มาแนะนำให้รู้จัก น้องเพิ่งจบ ที่ไหนนะคะหนู” เอื้อมพรขยับหน้าลงถามหญิงสาวข้างตัว น้ำเสียงเอาใจอยู่หลายส่วน เจ้าตัวเอ่ยชื่อสถาบันการศึกษาจากต่างประเทศด้วยสำเนียงไม่ผิดจากเจ้าของภาษาเลยสักนิด
พนักงานชายตะโกนขึ้นว่ายินดีต้อนรับครับ จนเอื้อมพรต้องโบกมือว่าให้เงียบก่อน ค่อยแนะนำต่อจากนั้น
“น้องชื่อเชอรีน และน้องจะมาทำงานกับเราตั้งแต่วันนี้ ที่สำคัญกว่านั้น น้องเชอรีนจะมาแทนตำแหน่งของคุณไก่จ้ะ”
เท่านั้นเอง ทั้งห้องก็เงียบงันไปหมด รวมถึงพรรณวษาด้วย อาการเมาบกของเธอแทนที่ด้วยอาการหูอื้อ ตาลายชั่วขณะ พอตั้งสติได้ เธอก็ก้มหน้าลงทำงานต่อ คนอื่นในห้องทำงานล้วนมองมาที่เธอด้วยสายตาเห็นใจเกือบทั้งห้อง รวมถึงไก่ หัวหน้าเก่าของเธอด้วย
“พรรณจ๊ะ เดี๋ยวเราพาน้องเชอรีนไปแนะนำกับทางแผนกอื่นทีนะ”
พรรณวษายิ้มรับ วางมือจากงานแล้วลุกขึ้นแนะนำตัวเองกับหัวหน้าคนใหม่ ก่อนพาอีกฝ่ายไปแนะนำกับทางแผนกอื่น คล้อยหลังเธอ คนในห้องก็เริ่มจับกลุ่มพูดคุยกัน
“น่าให้พี่ไก่พาไปนะคะ ทำไมต้องเป็นพี่พรรณด้วยก็ไม่รู้”
ไก่ถอนหายใจ ไม่อยากออกความเห็น
“สงสารพี่พรรณอะ”
คนอื่น ๆ พยักหน้าตามอย่างเห็นพ้องด้วย
พรรณวษาไม่เคยรู้สึกอยากกลับบ้านมากขนาดนี้มาก่อน ถึงเวลาเลิกงานเธออยู่ช่วยดูเอกสารคงค้างต่ออีกเกือบชั่วโมง ส่วนหัวหน้าคนใหม่เห็นคว้ากระเป๋าออกไปก่อนเวลาเลิกงานเสียอีก จนไก่ต้องออกปากไล่ให้เธอกลับบ้าน เดี๋ยวงานที่เหลือตนจะจัดแจงเองไม่ต้องห่วง พรรณวษาถึงได้เดินเอื่อย ๆ ลงจากอาคารสำนักงาน รอรถกลับบ้านไม่นาน เดินเข้าซอยหมู่บ้านด้วยความคิดวุ่นวายเต็มหัวไปหมด ผสมปนเปไปกับความผิดหวังในตำแหน่งหน้าที่การงาน จนไม่ได้สนใจว่าใครอยู่ในบ้านของเธอบ้าง
ไอลดาขยับลุกจากที่นอนเมื่อเห็นเจ้าของบ้านเปิดประตูเข้ามา แม้จะเพิ่งงัวเงียตื่น ก็รู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนรักอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก
“เป็นอะไรน่ะพรรณ ซึมกลับมาเลย”
พรรณวษาเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำที่แช่ไว้ออกมารินดื่ม บอกสั้น ๆ แค่ว่า “เซ็ง”
“เรื่องงานหรือ”
“อือ”
รับคำแล้วก็อยากพูด อยากระบายออกไปให้ใครสักคนฟัง เพราะเธอกับไอลดาก็มักจะผลัดกันเล่าเรื่องราวของตนเองให้กันฟังอยู่ออกบ่อยไป สุดท้ายก็เปิดปากเล่า ตบท้ายด้วยการบ่นถึงตำแหน่งงานที่ถูกคว้าเอาไปต่อหน้าต่อตา ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกไปเลย
ไอลดานิ่งฟังอย่างตั้งใจ แล้วก็ว่าขึ้นอย่างเข้าข้างเพื่อน
“ไม่แฟร์เลยนี่แบบนี้ เด็กเส้นหรือเปล่าพรรณ”
พรรณวษาส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเนือย ๆ บ่นปิดท้ายอย่างคนพอจะทำใจได้แล้ว “ช่างเถอะ ถือเสียว่าไม่ใช่ของเราก็แล้วกัน”
แล้วนึกได้ว่าป่านนี้แล้ว ไอลดาจะทำอะไรกินหรือยัง ก็ต้องสะดุ้งเบา ๆ เมื่อเห็นเงาคนแวบผ่านทางด้านหลัง แล้วถึงได้เห็นว่าเป็นอดีตคนรักของไอลดานั่นเอง ที่โผล่ออกมาจากในห้องครัวเล็ก ๆ ของเธอ
ไอลดามองเพื่อนแล้วยิ้มประจบส่งให้ รู้ว่าพรรณวษาไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในบ้านของตัวเอง ยกเว้นแต่เพื่อนสนิทอย่างเธอเท่านั้น ก็รีบพูดยกความดีความชอบให้ธรณ์ไปว่า
“ด้ามึนหัวอีกแล้วพรรณ นี่ดีนะที่พี่ธรณ์แวะเอารถมาให้ เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนด้าด้วย” แล้วถามไปทางธรณ์ “ไหนคะเมนูสุดแซบของพี่ธรณ์”
พรรณวษาถามเสียงเรียบก็จริง แต่แววตาไม่พอใจเท่าไรนัก
“มาตั้งแต่ตอนพรรณออกไปทำงานนู่นน่ะหรือ”
“ไม่” ไอลดาปดอย่างคนชำนาญการ “เพิ่งมาถึงก่อนหน้าพรรณจะกลับนี่เอง” รู้ว่าเพื่อนต้องบ่นแน่ หากรู้ว่าธรณ์ขลุกอยู่ด้วยกันกับตนทั้งวัน แล้วก็ไม่เกินกว่าที่คาด เพราะพรรณวษาถือมากเรื่องแบบนี้
ธรณ์ผู้ไม่สนสี่หรือแปดวางจานในมือลง เอ่ยชวนสาว ๆ
“พล่ากุ้งไม่เผ็ดมากกับลาบหมึกมาแล้วครับ กินกันเลยไหม” พอเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว เขาส่งยิ้มแบบหน้ามึน ๆ มาให้ ทักแค่ว่า “อ้าวกลับมาแล้วหรือคุณ”
“น่ากินจังเลยค่ะ” ไอลดารีบชม ไม่ลืมชวนเจ้าของบ้าน “พรรณไปล้างหน้าล้างมือเร็ว จะได้มากินด้วยกัน นี่มีต้มยำทะเลยอดมะพร้าวอ่อนด้วยนะ พี่ธรณ์ทำกับข้าวอร่อยมากเลย ต้องลองชิม รับรองจะติดใจ”
พรรณวษามองเพื่อนที่ร้อนตัว ก็รู้ว่าอาจไม่ใช่ความจริงที่ธรณ์เพิ่งมาถึงก่อนหน้าเธอไม่นาน เผลอ ๆ อาจอยู่ด้วยกันทั้งวันในบ้านของเธอ สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ อย่างเอือม ๆ ว่าทำไมไม่คิดถึงความเหมาะสมกันบ้าง ชายหญิงสองคนในบ้านตามลำพัง คนนอกรู้ประเดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวอีกหรอก แล้วเดินเข้าห้องไปก่อน เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง วันนี้ทั้งวันเธอเจอแต่เรื่องไม่สบอารมณ์ตั้งแต่เช้ายันเย็น
ไอลดาส่งยิ้มให้ธรณ์ที่ยังยืนงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ค่อยตามหลังเจ้าของบ้าน ไปเคาะประตูเบา ๆ เรียกเธอเสียงอ่อยอยู่หน้าห้อง
“พรรณจ๋า พรรณวษาเปิดประตูให้เพื่อนหน่อย”
แนบหูกับประตู ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลย จึงวิสาสะเปิดประตูเข้าห้องเจ้าของบ้านไป พบว่าอีกฝ่ายกำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กลางห้อง
“เขามาถึงก่อนหน้าพรรณจริง ๆ น่ะหรือ” พรรณวษาถามย้ำอีกครั้ง
“จริง” ไอลดาเป็นผู้ร้ายปากแข็ง และพรรณวษาก็รู้ดี จึงเลือกจะไม่เซ้าซี้อะไรต่อ ดื้อตาใสออกจะตายไปบางทีน่ะ แล้วก็อดบ่นไม่ได้ “ด้าโตแล้วนะ แต่งงานแล้วด้วย ทำอะไรต้องคิดให้มาก เกิดคุณเอสรู้เข้า…”
ได้ยินชื่อสามี ไอลดาก็ร้องขัดอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน “เอาน่า ๆ อย่าบ่นเลย สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก พรรณรีบล้างหน้าเร็ว ด้ารอนะ”
พรรณวษาเลยได้แต่ยืนถอนใจ ห่วงไปก็เท่านั้น ถ้าเพื่อนตัวดีรั้นจะประชดทำขึ้นมา ก็ไม่เห็นจะมีใครห้ามเจ้าหล่อนได้สักคน แล้วออกไปกินอาหารฝีมือธรณ์ด้วยกันที่โต๊ะอาหาร พบว่าฝีมือพ่อครัวใช้ได้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ออกปากชมอะไร คิดว่าไม่จำเป็น เธอเพียงแต่ได้อานิสงส์ด้วยเท่านั้น หากไอลดาไม่อยู่ เธอก็คงไม่ได้กินอาหารฝีมือของเขา จนครู่ใหญ่ก็เริ่มรู้สึกอิ่ม
พลันเสียงออดเรียกที่หน้าบ้าน ดึงสายตาของพรรณวษาให้ออกไปมองแทนสองคนที่กำลังคุย ยิ้ม หัวเราะตรงหน้าเธอ
“ใครมาป่านนี้”
ไอลดาถามขณะตักลาบหมึกใส่จานให้เธอชิม เธอเริ่มอิ่มแล้วจึงรวบช้อนวางลง ขยับลุก พร้อมกับคาดเดาไปว่า
“ป้าข้างบ้านมั้ง บางทีท่านก็ซื้อผลไม้มาฝาก เดี๋ยวพรรณออกไปดูหน่อย”
พรรณวษาบอกจบ ลุกจากโต๊ะตรงไปยังประตูด้านหน้า แล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นว่าคนมาเยือนเป็นใคร
“สวัสดีพรรณ” หัสดินทร์ทักทายขึ้นก่อน แล้วมองไปที่รถของภรรยา ถามด้วยน้ำเสียงมั่นใจปนคาดคั้นนิด ๆ “ด้าอยู่ข้างในใช่ไหม พี่เห็นรถจอดอยู่นี่”
พรรณวษาหมดหนทางโกหก ได้แต่ตอบรับสั้น ๆ ว่าค่ะ นึกกังวลว่าเข้าบ้านไปเจอธรณ์ อาจมีเรื่องเข้าใจผิดกันได้ “เดี๋ยวพรรณตามด้าให้นะคะ”
พอหันหลังจะเข้าบ้าน หัสดินทร์ก็ว่าเสียงเรียบ ๆ แบบคนที่ถนัดสั่งคน “เปิดประตูให้พี่เข้าบ้านก่อนได้ไหม”
แล้วเลยจำใจต้องเปิดประตูบ้านให้หัสดินทร์เข้ามา
“กินข้าวกันอยู่หรือ” สามีของไอลดาถามคล้ายกับกำลังกลบเกลื่อนพฤติกรรมด้านลบของตัวเองเมื่อครู่นี้
“ค่ะ”
แล้วเดินตามเธอเข้าบ้านไป นึกโล่งใจที่ธรณ์ไม่ได้อยู่โต๊ะอาหาร คงลุกไปทำอะไรมาเพิ่ม
“ด้า”
หัสดินทร์เรียกชื่อเล่นภรรยาเสียงประจบในทันทีที่เห็นกัน ไอลดาหน้าเปลี่ยนสี แต่ไม่ได้ทักอีกฝ่ายกลับ ทางนั้นก็เอ่ยเสียงอ่อนลงว่า
“พี่มารับกลับบ้านครับ”
บอกจบ ธรณ์เดินออกมาจากในครัวพอดี พร้อมต้มยำ
ถ้วยใหม่ในมือเขา ชายสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก็ส่งยิ้มคนละความหมายให้แก่กัน พรรณวษายืนมองเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ก็พยายามลุ้นให้ทุกอย่างจบลงในแง่ดี
แม้ว่าไอลดากับธรณ์จะเลิกรากันไป แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้ง จนกลับมามองหน้ากันอีกไม่ได้ ส่วนผู้ชายทั้งสองคนนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรต่อกัน เคยได้ยินไอลดาเล่าให้ฟังว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องจากสถาบันเดียวกันอีกด้วย
แต่ตอนนี้ผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่กลางบ้านของเธอ ดูเหมือนมีกระแสบางอย่างกำลังพุ่งเข้าหากัน หัสดินทร์สูงไม่ต่างจากธรณ์เท่าไรนัก แต่มีร่างกายผอมบางกว่าชายรุ่นน้อง กะจากสายตา ช่วงไหล่ของธรณ์ดูล่ำหนาและใหญ่กว่า กล้ามแขนก็ดูใหญ่กว่าหัสดินทร์อีกด้วย แล้วยิ่งใส่เสื้อยืดแบบพอดีตัว เลยทำให้เห็นกล้ามหน้าอกชัดเจนมากกว่าหัสดินทร์
พรรณวษายืนมองอย่างหนักใจ หลังจากคะเนขนาดของร่างกายทั้งคู่แล้ว ตอนนี้เธอขออย่างเดียว ขอให้ผู้ชายสองคนนี้ ไม่ทะเลาะชกต่อยกันในบ้านของเธอก็พอ
“สวัสดีธรณ์”
หัสดินทร์ออกปากทักขึ้นก่อนอย่างเป็นกันเอง ธรณ์วางถ้วยลงบนโต๊ะ แล้วทักทายกลับ “กินอะไรมาหรือยังครับพี่เอส”
“ยังหรอก เห็นด้าโทรให้พี่มารับกลับบ้าน นี่เพิ่งประชุมเสร็จก็มาเลย” แล้วหันไปทางภรรยาถามเสียงเนือย ๆ “กลับเลยไหมด้า”
ไอลดานั่งเฉยไม่ตอบ ไม่รู้ว่าหัสดินทร์เอาที่ไหนมาพูดว่าเธอโทรตามให้มารับ พรรณวษาเห็นท่าไม่ดี ก็นึกไม่สบายใจ ไม่อยากให้เพื่อนทำปั้นปึ่งกับสามี อะไรที่คุยกันได้ ตกลงกันได้ ก็อยากให้ไปเคลียร์กันก่อน แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรออกไป หัสดินทร์ก็ยกเอาบุคคลที่ไอลดาเกรงที่สุด ขึ้นมาขู่
“กลับเถอะ คุณแม่รอคุยที่บ้านแน่ะ”
เท่านั้นเองที่ไอลดาค่อยวางช้อนลง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับสามี บอกเสียงท้าทาย “ดีเหมือนกันค่ะ ด้าก็มีเรื่องอยากเรียนท่านอยู่พอดี”
แล้วลุกไปล้างมือ หันมาลาธรณ์ด้วยสายตาอาวรณ์เล็กน้อย “ด้ากลับก่อนนะคะ”
ธรณ์ไม่ได้เอ่ยลาอะไรมากมายให้น่าเกลียด เขาพยักหน้าตอบแค่นั้น แล้วเดินออกมาส่งทั้งสองสามีภรรยาขึ้นรถของใครของมัน ยืนมองพวกเขาขับจากไปในเวลาต่อมา
พรรณวษายืนอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน ก็ค่อยเหลือบตามองทางธรณ์ที่นิ่งไม่ขยับตัวไปไหน
แววตาละห้อยเชียว
แล้วเลิกสนใจเขา หันหลังกลับเข้าบ้าน ลากประตูจะปิด ธรณ์เรียกเอาไว้ก่อน “อย่าเพิ่งคุณ”
พรรณวษาหยุดมือที่กำลังจะปิดประตูบ้าน มองหน้า ถามด้วยสายตาว่า ‘อะไรอีก’
“ผมจะเข้าไปเอากุญแจรถ มันอยู่บนโต๊ะ ในบ้านคุณ”
นึกโมโหว่าทำไมตัวเองจะต้องแจงคำตอบให้ละเอียดแบบนั้นด้วย พรรณวษาหันหลังกลับ บอกเสียงเรียบ ๆ ว่า “เดี๋ยวหยิบให้”
“จะหวงบ้านอะไรหนักหนาวะ”
ธรณ์บ่นไล่หลังตามมาด้วย ไม่ถึงนาที พรรณวษากลับออกมาพร้อมกุญแจรถของเขา ยื่นส่งให้ สายตาเหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งผ่านหน้าบ้านไป เลยชะงักหน่อยหนึ่ง ธรณ์สะดุดตาจึงมองตามรถคันนั้นไปบ้าง
ไม่มีการร่ำลาอะไรให้มากความ ไม่มีไอลดาตรงนั้น เธอกับธรณ์ก็ไม่มีเรื่องให้ต้องพูดจากันนัก เพราะส่วนตัวแล้วต่างคนต่างก็รู้กันดี ว่าไม่ได้อยากเสวนากันเท่าไร
ธรณ์อายุมากกว่าเธอ เขาเห็นเธอเฉยไม่พูดอะไร ก็เฉยกลับไปเช่นกัน ขึ้นรถของเขาขับจากไป พรรณวษาหันหลังกลับเข้าบ้าน
ธรณ์คงรู้เรื่องไอลดาแล้วกระมัง และเขาควรต้องรู้เพิ่มอีกเรื่องว่าไม่ควรเข้าไปแทรกแซงระหว่างไอลดากับหัสดินทร์ สองคนนั้นกำลังมีปัญหากันอยู่ คิด ๆ แล้วก็อดหวังในใจลึก ๆ ไม่ได้ว่าธรณ์จะเป็นคนดีมากกว่าที่คาดเอาไว้