หลังจากโมนากับแพรวากินข้าวอิ่มแล้วก็มาเรียนในช่วงบ่ายจนเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ ขณะที่สองสาวกำลังเดินออกจากห้องเรียนเพื่อไปรอทำกิจกรรมรับน้องต่อ โมนาที่กำลังถือโทรศัพท์เดินอยู่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีคนโทรเข้ามาหาเธอ เมื่อเห็นว่าเป็นแม่โทรมาโมนาก็กดรับสายทันที ส่วนแพรวาก็เดินไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรเพราะเห็นเพื่อนกำลังจะคุยโทรศัพท์กับปลายสาย
“ค่ะแม่”
(เรียนเสร็จยังลูก)
“เสร็จแล้วค่ะแม่ กำลังจะไปรอทำกิจกรรมรับน้องค่ะ แม่มีอะไรรึเปล่าคะ”
(ถ้าไม่ทำกิจกรรมรับน้องจะเป็นอะไรมั้ยลูก พอดีมีงานตัดชุดด่วนเข้ามาต้องส่งลูกค้าพรุ่งนี้แม่เลยอยากให้มาช่วย แม่กับพ่อทำสองคนกลัวไม่ทัน)
“งั้นเดี๋ยวหนูให้ยัยแพรลากับรุ่นพี่ให้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปช่วยนะคะ”
(โอเคจ้ะลูก งั้นแม่วางนะ)
“ค่า”
เมื่อคุยกับแม่เสร็จโมนาก็วางสายทันที
“มีอะไรหรอแก”
แพรวาเอ่ยถามโมนาขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนวางสายแล้ว
“พอดีมีลูกค้าเอางานด่วนมาให้ตัดน่ะ แม่เลยให้ไปช่วย แกลารุ่นพี่ให้ฉันได้มั้ย”
โมนาตอบแพรวาไปพร้อมกับขอให้เพื่อนลารุ่นพี่สตาฟให้
“ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวฉันบอกรุ่นพี่ให้ แกไปเถอะ”
แพรวาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ขอบใจจ้า งั้นฉันไปก่อนนะ”
แพรวาพยักหน้าตอบโมนาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นแพรวาพยักหน้าตอบแล้วเธอก็เดินแยกจากแพรวาจากนั้นก็โทรหาเอสเพื่อจะบอกเขาว่าเธอจะกลับตอนนี้ ทางด้านเอสหลังจากเลิกเรียนแล้วก็มานั่งทำงานกับอคินเพราะพวกเขาไม่ได้เป็นสตาฟ นั่งทำงานสักพักก็มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์เขาดังขึ้น ปากหนายิ้มกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นเป็นเบอร์ของโมนาโทรเข้ามาจึงรีบกดรับสายอย่างเร็ว
“คิดถึงพี่หรอครับ ทำไมโทรมาตอนนี้”
(รับสายปั๊บก็พูดกวนเลยนะคะ วางเลยดีมั้ยเนี่ย)
“โอ๋ๆ อย่าพึ่งงอนสิครับ แค่หยอกเฉยๆ หนูมีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมโทรมาตอนนี้ยังไม่ได้ทำกิจกรรมรับน้องหรอครับ”
(วันนี้ลาหนึ่งวันค่ะ พี่ทำอะไรอยู่คะ หนูว่าจะกลับบ้านตอนนี้เลยพอดีแม่โทรมาบอกว่ามีงานตัดชุดด่วนเข้ามาเลยให้หนูไปช่วยค่ะ)
“พี่นั่งทำงานรอหนูอยู่ครับ หนูจะกลับตอนนี้เลยใช่มั้ย”
(ใช่ค่ะ พี่จะไปส่งหนูใช่มั้ยคะ)
“แน่นอนสิครับ งั้นไปเจอกันที่รถเลยนะครับ รถจอดอยู่ที่เดิมเลย”
(ค่ะ งั้นหนูวางนะคะ)
“ค้าบบบ”
เมื่อคุยเสร็จโมนาก็วางสายเขาไป เอสจึงเก็บของตั้งท่าจะกลับทันที
“กูกลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”
เอสบอกอคินแล้วลุกขึ้นตั้งท่าจะกลับ
“คนนี้จริงจัง”
อคินเอ่ยถามเอสสั้นๆ เมื่อได้ยินเอสคุยโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดีเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเอสเป็นแบบนี้ เพราะปกติเอสแทบไม่คุยกับผู้หญิงที่เป็นคู่นอนเขาสักคน
“อืม คนนี้กูจริงจัง”
เอสตอบอคินไปตามตรงโดยไม่ปิดบัง
“ใคร”
อคินถามเอสกลับอีกครั้ง
“น้องโมนา น้องรหัสกู กูชอบน้องเค้าตั้งแต่เจอครั้งแรกเลย กูตั้งใจจะเดินหน้าจีบและจะมีแค่เธอคนเดียว”
เอสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หึ เป็นคนสักทีนะมึง”
อคินพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ
“เดี๋ยว นี่มึงหลอกด่ากูมั้ยเนี่ย ได้สัส กูก็เป็นคนตลอดนะเว้ย”
เอสโวยวายใส่อคินทันทีเมื่อโดนอคินหลอกด่า
“ก็เห็นเอาไปทั่วเหมือนหมา กูเลยไม่คิดว่ามึงจะเป็นคน”
อคินพูดใส่เอสอย่างกวนๆ
“ไอ้สัส ปากมึงนิพูดมาแต่ละทีไม่เคยดีเลย กับเพื่อนก็ไม่เว้น คุยกับมึงแล้วปวดหัวกูไปดีกว่า อ้อ! ส่วนมึงก็ระวังตัวดีๆ นะครับ ระวังจะมีสาวๆ มาหิ้วไปปล้ำ ฮ่าๆ”
เอสพูดใส่อคินอย่างกวนๆ แล้วเดินไปทันที ทิ้งให้อคินได้แต่คิ้วขมวดสงสัยกับคำพูดของเอสอยู่คนเดียว ทางด้านโมนาที่เดินมาถึงรถของเอสแล้ว เมื่อไม่เห็นเอสจึงยืนเล่นโทรศัพท์รอเขาที่รถ
“รอนานมั้ยครับ โอ๊ย!”
“ว้ายย!”
เอสถึงกับร้องเจ็บเมื่อเขาเห็นเธอยืนเล่นโทรศัพท์จึงเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลังเพราะอยากแกล้งแต่ไม่คิดว่าโมนาจะตกใจจนเอาดันศอกใส่ท้องเขาอย่างแรงทำเอาเอสถึงกับเซถอยออกจากเธอ
“พี่เอส เล่นอะไรเนี่ย หนูตกใจหมดเลย”
โมนาแว๊ดเสียงใส่เอสทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่มากอดเธอจากข้างหลังเป็นเขา
“นี่หนูเรียนมวยมารึเปล่าเนี่ย ทำไมแรงเยอะแบบนี้”
เอสพูดใส่โมนาอย่างกวนๆ จนโมนาได้แต่มองค้อนใส่เขา
“ไม่ได้เรียนค่ะ แต่คงต้องไปเรียนแล้วล่ะ รู้สึกว่าจะโดนโรคจิตฉวยโอกาสบ่อยเหลือเกิน คิดยังไงมากอดหนูจากข้างหลัง”
โมนาพูดใส่เอสอย่างไม่พอใจ
“โรคจิตอะไรจะหล่อขนาดนี้ล่ะครับ ทำพี่เจ็บมารับผิดชอบพี่เลยนะครับ”
“รับผิดชอบยังไงคะ”
โมนาถามเอสกลับด้วยความสงสัย
“มาให้พี่หอมแก้มเลยครับ จะได้หายกัน”
เอสพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เธอ
“ฝันไปเถอะค่ะ อร๊ายย ไอ้พี่บ้า”
โมนาถึงกับร้องด่าเอสเมื่อเธอโดนเขาหอมแก้มอีกแล้ว
“โคตรชื่นใจ ไปกันครับ หนูรีบกลับไม่ใช่หรอ”
เอสพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อขโมยหอมแก้มโมนาได้แล้ว ส่วนโมนาเมื่อทำอะไรเขาไม่ได้ก็เดินสะบัดก้นไปขึ้นรถอย่างงอนๆ ทำเอาเอสได้แต่กระตุกยิ้มเอ็นดูกับท่าทางแง่งอนของเธอจากนั้นก็ขึ้นรถตามเธอทันที ระหว่างทางเอสก็ชวนโมนาคุยนั่นคุยนี่ไปเรื่อยอย่างอารมณ์ดีทำเอาโมนาถึงกับหัวเราะตามเพราะเขามักพูดเรื่องตลกๆ ให้เธอฟัง จนสักพักเสียงโทรศัพท์ของเอสก็ดังขึ้น
“หนูช่วยหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงให้พี่หน่อยได้มั้ยครับ”
เอสเอ่ยขอให้โมนาช่วยเพราะเขานั้นขับรถอยู่เลยหยิบไม่ถนัด
“ค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาโมนาก็ยื่นมือไปล้วงกระเป๋ากางเกงของเอสเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ให้เขา
“หยิบดีๆ นะครับ ระวังจะไปโดนของใหญ่เข้าล่ะเดี๋ยวมันตื่นขึ้นมาหนูจะได้รับผิดชอบมันนะ”
เอสพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกวนๆ ใส่โมนา
“ทะลึ่ง”
โมนาด่าเอสสั้นๆ แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที ทำเอาเอสถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อแกล้งเธอได้แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรมาเป็นพ่อของตัวเอง
“รับมั้ยคะ”
โมนาเอ่ยถามเอสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อเห็นเขาเปลี่ยนสีหน้ามานิ่งเฉย
“รับครับ เปิดสปีกเกอร์โฟนให้พี่หน่อย”
“จะดีหรอคะ ให้หนูได้ยินด้วยแบบนี้”
โมนาเอ่ยถามเอสเบาๆ เพราะกลัวเขาจะว่าเธอยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
“กับหนูพี่ไม่มีอะไรปิดบังครับ พี่สัญญากับหนูแล้วว่าเราจะคุยกันทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นหนูมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องทุกอย่างของพี่”
เอสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนโมนาได้แต่ส่งยิ้มตอบเขารู้สึกดีไม่น้อยที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้
“งั้นหนูกดรับเลยนะคะ”
“ครับ”
เมื่อเอสตอบแล้วโมนาก็กดรับสายแล้วเปิดสปีกเกอร์โฟนฟังเอสคุยเงียบๆ
(แกอยู่ไหนเอส)
“ผมขับรถอยู่ครับ”
(ดี รีบมาตอนนี้เลยนะ แขกกำลังมา)
“แขกของคุณพ่อแล้วทำไมถึงต้องให้ผมไปด้วยครับ”
(อย่ามาถามให้มากเรื่อง แกมาเดี๋ยวก็รู้เอง รีบมา)
เมื่อพ่อของเอสพูดจบก็วางสายไปทันที ทำเอาโมนาถึงกับตกใจเพราะไม่คิดว่าพ่อของเขาจะใช้คำพูดและน้ำเสียงดูไม่ค่อยใส่ใจเอสขนาดนี้
“พ่อพี่พูดกับพี่แบบนี้ตลอดเลยหรอคะ”
โมนาเอ่ยถามเอสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับ เค้าพูดกับพี่แบบนี้มาตลอดจนตอนที่พี่เจอพ่อของหนู พี่ก็แอบเกร็งเพราะไม่รู้ว่าท่านจะเป็นเหมือนพ่อพี่มั้ย แต่พอได้คุยกับพ่อของหนูทำให้พี่รู้สึกดีมากเลย เหมือนได้คุยกันแบบพ่อลูกจริงๆ เอาตรงๆ ตอนที่กินข้าวกับครอบครัวหนูทำให้พี่รู้สึกเหมือนได้อยู่แบบครอบครัวเพราะส่วนมากพ่อแทบไม่กินข้าวกับพี่เลยถ้าไม่มีแขกมา พี่อยู่ที่บ้านหนูแล้วรู้สึกสบายใจมาก โดยเฉพาะตอนอยู่กับหนูมันทำให้พี่รู้สึกผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเอง ความกดดันที่มีก็ลดลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน”
เอสพูดร่ายยาวกับโมนาไปตามตรงทำเอาโมนาถึงกับมองหน้าเขาไม่วางตาเพราะไม่คิดว่าคนอารมณ์ดีแบบเขาภายในจริงๆ เขาจะเจอเรื่องกดดันแบบนี้ เมื่อเห็นสีหน้าเอสดูซึมลงโมนาก็ตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งขึ้นทันที
“ยื่นมือมาหน่อยได้มั้ยคะ”
“ครับ?”
เอสพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองโมนาด้วยความสงสัยเมื่ออยู่ดีๆ เธอก็ให้เขายื่นมือไปให้
“ยื่นมาเถอะค่ะ หนูไม่กัดมือพี่หรอก”
“ถึงกัดพี่ก็ยอมครับ”
เอสพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแล้วยื่นมือซ้ายไปหาเธออย่างว่าง่ายขณะที่สายตากำลังมองถนนอยู่ ก็ต้องรีบหันมาหาโมนาด้วยความตกใจเมื่อเธอกำลังใส่สร้อยข้อมือถักสีฟ้าขาวมีจี้หัวใจเล็กๆ ที่สลักชื่อโมนาไว้อยู่ให้เขาซึ่งเป็นสร้อยข้อมือที่เธอถักเองแล้วสั่งจี้หัวใจสลักชื่อตัวเองมาใส่
“สร้อยข้อมือนี้หนูถักเอง ให้มันเป็นตัวแทนของหนูเมื่อไหร่ที่รู้สึกไม่โอเค ก็มองสร้อยข้อมือนี้เพราะมันบ่งบอกว่าหนูอยู่กับพี่ตลอด ตอนนี้พี่ไม่ได้สู้กับปัญหาอยู่คนเดียวจำไว้นะคะว่ามีหนูอยู่ข้างๆ เสมอ”
โมนาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทำเอาเอสถึงกับชะงักเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนและดูเป็นห่วงเขาจากใจจริงแบบนี้