เดลล่าเกรงว่าเพื่อนจะถูกทำโทษหนักกว่านี้จึงรีบเรียกและลากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
คนตัวโตกำช้อนในมือแน่น กรามแกร่งขบกันจนขึ้นสันนูนเป่ง “ผู้หญิงน่ารังเกียจ”
“ใครน่ารังเกียจหรือครับพี่เพนน์”
เสียงกลั้วหัวเราะของน้องชายคนเล็กอย่าง มาริออส ซาเวลลาส ดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวอยู่ภายในห้องอาหาร เพเรอคลิสหันไปมอง
“วันนี้พี่นึกว่าจะต้องกินข้าวคนเดียวซะแล้ว”
ผู้เป็นน้องชายหัวเราะร่วน “อย่าพูดเหมือนตาแก่ขี้น้อยใจแบบนั้นสิครับพี่เพนน์ เอ่อ แล้วนี่พี่เนลกับพี่ลาร์ซไปไหนล่ะครับ มื้อค่ำแบบนี้น่าจะมากินพร้อมกัน”
เพเรอคลิสพ่นลมหายใจออกมาจากปากอย่างเบื่อหน่าย “เจ้าพวกนั้นก็เหมือนนายนั่นแหละ ออกไปท่องราตรีจนลืมไปว่ามีบ้านอยู่”
มาริออสหัวเราะร่วนขบขำ “เมื่อก่อนพี่เพนน์ก็ไม่ต่างจากพวกผมเลยนะครับ เที่ยวทุกคืนเหมือนกันนั่นแหละ แต่เอ๋... อะไรทำให้พี่เพนน์เปลี่ยนไปนะ”
“พี่ไม่ได้เปลี่ยนอะไรสักหน่อย”
น้องชายคนสุดท้องหรี่ตาจ้องหน้าจับพิรุธพี่ชาย “ไม่เปลี่ยนอะไรกันล่ะครับ เมื่อก่อนแทบไม่กลับบ้านเลย แต่เดี๋ยวนี้เลิกงานปุ๊บกลับถึงบ้านเร็วทุกวัน จนผมกับพวกพี่ลาร์ซพี่เนลคิดกันว่าพี่เพนน์ต้องแอบซ่อนอีหนูคนใหม่เอาไว้ในดาร์กอน คาสเทลโลแน่ๆ”
“อีนงอีหนูที่ไหนกัน พวกนายบ้าไปแล้ว กินได้แล้ว กินข้าว”
พี่ชายคนโตตัดบทอย่างน่าสงสัย มาริออสอมยิ้ม ขณะกวาดตามองไปรอบๆ ห้องอาหาร
“แล้วนี่แซนดี้ไปไหนซะแล้วล่ะครับ”
คนที่กำลังตักอาหารใส่ปากชะงัก ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“ออกไปทำแผลกับเดลล่าน่ะ ถูกเศษจานบาดนิ้วเอานะ”
“หือ? นี่แซนดี้บาดเจ็บหรือครับ”
ท่าทางตื่นตกใจของมาริออสทำให้เพเรอคลิสอดที่จะกระแนะกระแหนไม่ได้
“ท่าทางจะเป็นห่วงกันออกหน้าออกตานะเจ้ามาร์ซ”
แทนที่มาริออสจะปฏิเสธกลับตอบรับซะอย่างนั้น “ก็ใช่น่ะสิครับ มือเล็กๆ แบบนั้นถ้ามีแผลคงจะเจ็บน่าดูเลย”
“มันไม่ตายหรอกน่า มันอยู่ไกลหัวใจตั้งเยอะ” คนพูดหน้าตาบูดบึ้ง “และนายก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรคนใช้ด้วย เพราะพี่ไม่มีวันรับมาเป็นน้องสะใภ้เด็ดขาด”
“แลดูพี่เพนน์จะอารมณ์เสียเสมอนะครับเวลาที่หัวข้อสนทนามีแซนดี้มาเกี่ยวข้อง”
“นายพูดบ้าอะไรของนาย กินข้าวได้แล้ว”
เพเรอคลิสก้มหน้าก้มหน้าจัดการกับอาหารตรงหน้าเงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมาอีก มีแต่มาริออสคนเดียวที่ฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี แต่ชายหนุ่มก็อารมณ์ดีได้ไม่นานเมื่อสักพักเสียงแหลมเล็กคุ้นหูของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูห้องอาหาร
“สวัสดีค่ะพี่เพนน์”
“มาอีกแล้ว ยายเด็กประสาท”
มาริออสเบือนหน้าหนีอย่างเบื่อหน่าย และก็พาลจะกินไม่ลงเอาซะดื้อๆ
“สวัสดีครับน้องแพท” เพเรอคลิสกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพระคนเอ็นดู
“วันนี้มาซะค่ำเลยนะครับ”
“คุณพ่อให้แพทเอาผลไม้มาฝากค่ะ”
พิมรัก อาเมทีรอส ลูกสาวบุญธรรมของคู่ค้าคนสำคัญของ ซาเวลลาสหันไปทางตะกร้าผลไม้ที่สาวใช้ถืออยู่ด้านหลัง และโปรยยิ้มหวานให้กับเพเรอคลิส จนมาริออสที่หมั่นไส้อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วแทบจะอาเจียน
“แล้วแพทก็จะขอฝากท้องด้วยสักมื้อได้ไหมคะ”
“นึกแล้วเชียว”
มาริออสรวบช้อน และลุกขึ้นยืน ประกาศสงครามกับหญิงสาวผู้มาเยือนอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะเขากับพิมรักไม่เคยญาติดีกันอยู่แล้ว
“อิ่มแล้วหรือมาร์ซ”
เพเรอคลิสเห็นน้องชายรวบช้อนและลุกขึ้นยืนจะออกไปก็อดที่จะถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“ครับ”
“แต่นายพึ่งกินไปได้แค่ไม่กี่คำเองนี่”
มาริออสหันไปมองหน้าพิมรักแว่บหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาพูดกับพี่ชายของตัวเองด้วยน้ำเสียงดังกังวาน เพราะจงใจให้อริศัตรูสาวได้ยินทั้งสองหู
“เอาจริงๆ นะครับ ผมยังไม่อิ่มหรอก แต่ผมกินไม่ลงแล้วต่างหากครับ”
มาริออสหันไปมองหน้าพิมรักที่ตอนนี้จ้องมองเขาอยู่ด้วยเช่นกันอย่างเบื่อหน่าย
“เบื่อพวกเด็กแก่แดด”
พิมรักพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามจะไม่ต่อปากต่อคำกับมาริออสผู้ชายปากจัดตรงหน้า แต่ก็ทำไม่สำเร็จ หล่อนจึงจำเป็นต้องทะเลาะกับเขาเหมือนเช่นทุกๆ ครั้งที่มาเยือนดาร์กอน คาสเทลโล
“นายมันก็ผู้ใหญ่ใจแคบ เห็นฉันชอบพี่ชายตัวเองเข้าหน่อยก็อิจฉา นายมันเด็กไม่รู้จักโต”
“นี่เธอว่าใครยายเด็กแก่แดด”
มาริออสโกรธจัด ขยับไปหยุดตรงหน้าของพิมรักอย่างเอาเรื่อง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ขยับหนีแม้แต่น้อย ยังคงเชิดหน้าสูงอย่างอวดดีและไม่คิดจะยอมแพ้
“ฉันก็ว่านายนั่นแหละ เด็กไม่รู้จักโต”
“นี่เธอ...”
มาริออสขยุ้มไหล่บอบบางของพิมรักแรงๆ อย่างลืมตัว ไม่สนใจอาการตกใจของหญิงสาวแม้แต่น้อย จนกระทั่งได้ยินเสียงเตือนสติของ เพเรอคลิสดังขึ้นนั้นแหละ ชายหนุ่มถึงรู้สึกตัว ผลักร่างเล็กออกห่าง
“จำเอาไว้นะ อย่าเรียกฉันว่าเด็กไม่รู้จักโตอีก”
พิมรักมองมาริออสอย่างโกรธจัด “นายมันก็ดีแต่รังแกผู้หญิงกับคนไม่มีทางสู้เท่านั้นแหละ”
“มาร์ซพี่ขอร้องล่ะ อย่ามีเรื่องมีราวกับเลย นายเป็นผู้ชายนะมาร์ซ”
มาริออสสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หันไปมองหน้าพี่ชาย
“ครับ ผมจะไม่ทำร้ายผู้หญิง แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะปากดีน่าสั่งสอนแค่ไหนก็ตาม”
พูดจบมังกรดำลำดับสุดท้ายของแบล็คดาร์กอนก็กระแทกเท้าเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
พิมรักมองตามไปอย่างโมโห เกลียดและไม่อยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนนี้เป็นที่สุด
“พี่ต้องขอโทษแทนเจ้ามาร์ซด้วยนะครับ น้องแพท”
“แพทไม่ถือสาคนบ้าหรอกค่ะ”
หญิงสาวยิ้มกว้าง รีบถลาเข้าไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆ กับตัวที่ เพเรอคลิสนั่งอยู่ จากนั้นก็ใช้แขนสองข้างเท้าคางเอาไว้ และมองหน้าคนที่ตัวเองลุ่มหลงอย่างพึงพอใจ
“พี่เพนน์หล่อจังเลยนะคะ”
“เอ่อ พี่ว่าน้องแพทกินข้าวเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน”
เพเรอคลิสเตือนสติเสียงนุ่ม เขาเอ็นดูพิมรักแบบน้องสาว เพราะรู้จักและคุ้นเคยกันมาตั้งแต่พิมรักยังเป็นเด็ก แต่เจ้าหล่อนดันมาชอบเขาเสียนี่
“ขอโทษทีค่ะ พออยู่ใกล้พี่เพนน์ แพทใจคอไม่ค่อยดีเลย”
“หือ?”
พิมรักยิ้มกว้าง “ก็แบบว่า... หัวใจมันสั่นน่ะค่ะ สั่นรุนแรง คล้ายกับจะเป็นลม”
เพเรอคลิสแทบหลุดขำออกมา เด็กหนอเด็ก มันใช่ความรักที่ไหนกันล่ะ พิมรักแค่ชื่นชมเขาแบบฮีโร่ในดวงใจต่างหาก
“กินเถอะครับ”
“ค่ะ”
หญิงสาวตักอาหารใส่ปากไป ก็เหลือบตามองเพเรอคลิสไปอย่างมีความสุข
“แพทขอมากินข้าวกับพี่เพนน์ทุกวันเลยได้ไหมคะ”
“ถ้าน้องแพททนปากเจ้ามาร์ซได้ก็มาเถอะครับ ดาร์กอน คาสเทลโลยินดีต้อนรับครับ”
พอได้ยินชื่อของมาริออส พิมรักก็หน้าบูดบึ้งลงทันที “ก็นั่นแหละค่ะคือตัวปัญหา ไม่อย่างนั้นแพทคงย้ายมานอนที่ดาร์กอน คาสเทลโลนานแล้วล่ะ”
เพเรอคลิสระบายยิ้มบางๆ ตักอาหารใส่ปากและเคี้ยวเรื่อยๆ ขณะนั่งฟังพิมรักต่อว่าต่อขานมาริออสยาวเหยียดเป็นหางว่าวอย่างขบขัน