ธีร์...
"นั่นไงแก มาแล้ว ๆ "
ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในมหาลัย เสียงพวกผู้หญิงที่นั่งจับกลุ่มตามโต๊ะม้าหินอ่อนในสวนหย่อมก็เริ่มซุบซิบกันและหันมามองผมเป็นตาเดียว เมื่อผมเดินไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีคนหันมามองผมและหันกลับไปซุบซิบกันต่อ
"นั่นไงแก คนนี้แหละไม่ผิดหรอก"
ผู้หญิงหลายคนสกิดแขนให้เพื่อนหันมามองผมก่อนจะหันไปซุบซิบกันต่อ
เป็นแบบนี้ตลอดทางที่ผมเดินเข้ามาจนถึงตึกคณะ ผมคิดไม่ออกเลยว่าถ้าวันนี้ละออเข้าเรียนเช้าเหมือนผมแล้วเดินมาด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้น ยัยเพื่อนซี้นั่นคงวีนแตกแน่ ๆ ที่อยู่ดี ๆ ก็มีคนมองผมเหมือนกับว่าไปทำอะไรผิดมา
"เรื่องจริงเหรอแก ฉันอุตส่าห์แอบปลื้มเขาตั้งนาน"
ตามทางขึ้นบันใดของตึกคณะผมก็เป็นไปกับเขาด้วย เพื่อนร่วมคณะหลายคนทั้งหญิงและชายเริ่มหันมามองผมและหันกลับไปซุบซิบกันต่อ
"เขาเก็บเงียบกันมากเลยเนอะแก ถ้าไม่มีคนได้ยินกับหูได้เห็นกับตาแล้วถ่ายคลิปมาเป็นหลักฐานฉันก็คงไม่เชื่ออะ"
หลายต่อหลายคนเริ่มพูดกันหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ บ้างก็ในระยะใกล้เลย แค่ผมเดินผ่านก็พูดขึ้นแล้ว
"แกว่าเขาสองคนคบกันนานยังอะ แต่หวงซะขนาดนั้นแถมยังไปรับไปส่งแบบนั้นฉันว่าก็น่าจะนานอยู่นะ"
โธ่โว้ย! นี่มันเรื่องอะไรกันวะทำไมทุกคนถึงเอาแต่มองผมแล้วพูดอะไรกันก็ไม่รู้ หรือผมทำอะไรผิดไปโดยที่ไม่รู้ตัว หรือว่าผมทำอะไรพลาด แล้วแบบนี้จะมีผลต่อทุนที่ผมได้รับไหม แล้วถ้ามีผล... ผมจะทำยังไงดี
"ธีร์ ตกลงนายกับไทเกอร์หนุ่มขี้เล่นวิศวะโยธานั่นอะ เป็นแฟนกันจริงเหรอ"
และแล้วเรื่องที่ผมสงสัยก็มีคนไขข้อข้องใจให้จนได้ นี่แสดงว่าที่ทุกคนซุบซิบกันวันนี้เป็นเพราะเข้าใจผิดคิดว่าผมกับผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนกันเหรอ กับไทเกอร์เนี่ยนะ?
"ใช่ ๆ ตกลงนายสองคนเป็นแฟนกันจริงใช่มั้ย เมื่อวานมีคนเห็นไทเกอร์ปั่นจักรยานไปส่งนายด้วยนะ"
นั่นไง! ในที่สุดก็รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมทุกคนถึงคิดแบบนี้
"เปล่านี่ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเลย พวกเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ"
ผมรีบบอกเพื่อนผู้หญิงที่มายืนล้อมโต๊ะผมรอคำตอบขณะที่อาจารย์ยังไม่เข้ามาสอน
"นี่ธีร์ ไม่ต้องอายหรือคิดมากหรอก เป็นแฟนกันก็บอกว่าเป็นเถอะ อีกอย่างนะสมัยนี้แล้วผู้ชายคบกันเองก็เป็นเรื่องปกติด้วยพวกเราไม่รังเกียจอะไร แค่อยากรู้ว่าคบกันจริงหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง"
หนึ่งในบรรดาเพื่อนผู้หญิงที่มารุมล้อมโต๊ะผมอยู่พูดขึ้น
"ใช่ ๆ บอกพวกเรามาเถอะธีร์ อย่างน้อยพวกเราก็เป็นเพื่อนชั้นปีเดียวกันนะ ให้พวกเรารู้ก่อนคณะอื่นเถอะ"
พวกเพื่อน ๆ ยังเซ้าซี้ไม่ยอมหยุด
"พวกเธอฟังเรานะ แค่ไทเกอร์ปั่นจักรยานไปส่งเราที่หอเอง มันไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแฟนกันนี่เราพูดถูกมั้ย"
ผมรีบอธิบาย
"นี่ธีร์ ถ้าแค่ปั่นจักรยานไปส่งกันปกติน่ะก็ไม่มีอะไรหรอกนะ แต่นี่มีคนได้ยินไทเกอร์พูดว่านายเป็นแฟนไทเกอร์ไง แล้วจะให้พวกเราคิดยังไงล่ะ"
มีคนได้ยินเหรอ? ตอนไหนล่ะ? หรือว่าจะเป็นตอนนั้น...
"แล้วมันมีคนอัดคลิปทันด้วยนะธีร์ ครั้งแรกเขาคิดว่าพวกนายสองคนจะถูกรุมทำร้ายก็เลยถ่ายคลิปไว้ แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรมากกว่านั้น"
เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอให้ผมขณะที่คลิปวีดีโอกำลังเล่นอยู่
"วันนี้ให้แฟนมาส่งเหรอจ๊ะน้องสาว อิอิ"
"ถ้ารู้ว่าเขามีแฟนแล้วก็ไม่ควรยุ่งกับแฟนของคนอื่นสิ ทำแบบนี้แถวบ้านเรียกไม่มีมารยาทนะ หรืออยากเป็นมือที่สาม?"
"เฮ้ย! มึงปล่อยมือลูกพี่กูไอ้หน้าจืด"
"ถ้ายังมาวุ่นวายกับแฟนกูอีก กูไม่ปล่อยพวกมึงไว้แน่"
ตี๊ด!
ทันทีที่คลิปจบลงผมก็ถึงบางอ้อทันที วันนั้นผู้ชายที่ชื่อไทเกอร์อะไรนั่นแค่ช่วยผมเอาไว้โดยที่ไม่คิดว่าจะมีคนแอบถ่ายและเข้าใจผิด แบบนี้ไทเกอร์ก็ซวยน่ะสิ แล้วถ้าไทเกอร์มีแฟนล่ะจะมีปัญหากันไหม?
"ตอนแรกอะคลิปนี้ถูกแชร์ลงในไลน์กลุ่มคณะวิศวะ แต่ว่าตอนนี้อะถูกแชร์ลงในไลน์กลุ่มคณะแพทย์เราด้วย แล้วเราก็คิดว่าอาจถูกส่งต่อแล้วก็แชร์ไปคณะอื่นด้วย"
เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
".........."
ไลน์กลุ่มงั้นเหรอ?
"ตอนนี้ก็น่าจะทั่วทั้งมหาลัยแล้วแหละธีร์"
"ซวยแล้วสิ"
พรึ่บ!
ผมรีบลุกออกจากโต๊ะเพราะคิดว่าที่คณะวิศวะทุกคนต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ และมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งผมต้องไปอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ
"ไอ้เหี้ยธีร์!"
กึก!
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวขาลงจากตึก ร่างสูงของใครบางคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาผมก็ทำให้ผมถึงกับชะงักเท้าทั้งสองข้างเอาไว้
หมับ!
"มานี่เลยมึง ไอ้ตัวซวย"
ฝ่ามือใหญ่ของคนที่เดินเข้ามา คว้าข้อมือผมเอาไว้แน่นก่อนจะลากผมออกไปจากตึก ทุกก้าวของเราสองคนมีสายตาของผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นจ้องมองและหันไปซุบซิบกัน บ้างก็อมยิ้มและทำท่าทางบิดไปมาราวกับว่ากำลังเขินอายที่เห็นพวกเราสองคนเดินด้วยกัน แต่มันไม่ใช่แบบที่พวกเธอคิดน่ะสิ
"อ๊าย นั่นไงแกเขาเดินด้วยกัน เขาเดินด้วยกันอ๊าย"
ผู้หญิงหลายคนหันมามองเราสองคนก่อนจะหันไปกรี๊ดกร๊าดทำท่าเขินอายใส่กัน ทำอย่างกับว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างนั้นแหละ
"เขาคบกันจริง ๆ ด้วยแก อ๊ายยย"
"มีคู่รักคู่ใหม่เกิดขึ้นแล้วพวกเรา อ๊าย แบบนี้ต้องตามหวีด"
.
.
.
อึก!
แผ่นหลังของผมกระแทกเข้ากับผนังห้องน้ำแรง ๆ เมื่อคนตรงหน้าเหวี่ยงผมเข้ามาด้านในก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลง ที่นี่เป็นห้องน้ำของตึกวิศวะ ผมไม่คิดว่าเขาจะพาผมมาไกลขนาดนี้ หรือว่าจะทำอะไรผมเพื่อชดเชยในสิ่งที่ทำเขาให้เสียหายเหรอ เจ็บตัวอีกแล้วสินะ วันนี้อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ได้เจอพวกนั้นแต่ก็ยังมาเจอทางนี้...
"มึงทำให้กูต้องแหกขี้ตาตื่นมามหาลัยตั้งแต่เช้า ทั้ง ๆ ที่วันนี้กูมีเรียนบ่าย!"
คนตรงหน้าตะคอกใส่ผมจนหน้าแดง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเรื่องที่ทำให้เขาลากผมมาถึงที่นี่มันคือเรื่องอะไร
"มึงแม่งไม่น่ามาเจอกับกูเลย มึงมันตัวซวย!"
คนตรงหน้าตะคอกต่อจนเสียงดังลั่นห้องน้ำ
"ผมขอโทษ เดี๋ยวผมจะไปแก้ข่าวให้"
ผมรีบบอกพลางเหลือบมองคนตรงหน้าก่อนจะหลบสายตาดุ ๆ ที่จ้องมองมาที่ผมอย่างกับจะฉีกผมออกเป็นชิ้น ๆ ตรงนี้ถ้าเขาทำได้
"มึงเนี่ยนะจะแก้ข่าวให้กู ป่านนี้ข่าวมันดังไปทั่วมหาลัยแล้ว!"
".........."
หมับ!
มือใหญ่กระชากคอเสื้อผมไว้แน่นก่อนจะจ้องหน้าผม แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังมองมาที่ผมอย่างกับว่าถ้าฆ่าผมตรงนี้ได้คงทำไปนานแล้ว
"ต่อไปนี้มึงอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ มึงมันตัวซวย วันก่อนกูต้องหนีพวกนักเลงในซอยขากลับจากไปส่งมึงจนแทบเอาตัวเองไม่รอด วันต่อมาพวกนั้นยังส่งคนมาดักเจอกูที่มหาลัยอีก แถมวันนี้ยังมีข่าวเหี้ย ๆ กับมึงอีก แล้วคนที่กูชอบก็ต้องเข้าใจกูแบบผิด ๆ อีก เพราะมึงคนเดียว! ไอ้ตัวซวย!"
ผลัก!
"อึก!"
ร่างของผมถูกผลักจนแผ่นหลังกระแทกกับผนังห้องน้ำแรง ๆ อีกครั้งจนรู้สึกจุกและเจ็บ ผมยืนมองร่างสูงของคนที่เพิ่งจะเรียกผมว่าตัวซวยเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความรู้สึกจุก คำว่าตัวซวยที่ผมมักจะได้ยินซ้ำ ๆ จากปากของแม่แท้ ๆ ที่พลาดมีผมในวัยไม่พร้อมทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวแย่ ๆ ในอดีตที่ตอนนี้มันคงกลับมาหลอกหลอนผมอีก
"ช่างเถอะ ตอนนี้ก็ไม่มีแม่แล้วนี่ ตอนนี้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วแหละธีร์"
ผมปลอบใจตัวเองก่อนจะรีบเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปเข้าเรียน
"เฮ้ย พวกมึงมาดูนี่ดิวะ ทำไมนักศึกษาแพทย์ถึงมาเข้าห้องน้ำที่ตึกวิศวะเราวะเพื่อน ๆ"
กึก!
แต่แล้วเท้าของผมก็ต้องชะงักเมื่อกลุ่มคนที่ชอบรุมทำร้ายผม และบังคับให้ผมทำรายงานหรือทำงานที่อาจารย์สั่งให้บ่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้
"มึงหายหน้าไปตั้งนาน งานกูก็ไม่เสร็จแถมยังไม่อยู่ที่หอพักอีก วันนี้แหละกูจะยำมึงให้เละเลย ไอ้เหี้ยธีร์!"