ไทเกอร์...
เช้าวันนี้นักศึกษาปีสองอย่างพวกเราต่างก็ตั้งแถวอยู่ที่ลานเกียร์หน้าตึกคณะ เพื่อรอรุ่นพี่ส่งสัญญาณให้เดินเข้าไปในหอประชุมเมื่อถึงเวลาตามกำหนดการ
พวกเราทุกคนวันนี้อยู่ในชุดนักศึกษาแต่งตัวเรียบร้อยราวกับว่าเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกับปีที่แล้วยังไงยังงั้น ความตื่นเต้นและดีใจยังคงปะปนกันเมื่อนึกถึงช่วงเวลาต่อไปนี้ที่จะเป็นนักศึกษาวิศวะอย่างเต็มตัว พวกเราจะมีทั้งเสื้อช็อปและเกียร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ แน่นอนว่ามันคือความภาคภูมิของพวกเราที่กว่าจะได้ทั้งเสื้อช็อปทั้งเกียร์มานั้นไม่ใช่แค่สมัครเรียนคณะนี้แล้วจะได้เลย แต่มันหมายถึงความพยายามในการสอบเข้าและความอดทนในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในคณะ รวมถึงการยอมรับจากรุ่นพี่ด้วยว่าเราคือส่วนหนึ่งของคณะ
"เอาล่ะครับทุกคน! ฟังผมให้ให้ดี!"
เสียงรุ่นพี่ปีสามที่ผมจำได้ว่าพี่แกเคยเป็นเฮดว้ากเมื่อปีที่แล้วตะโกนขึ้น ทำให้พวกเราที่เข้าแถวเรียงรายกันอยู่ต่างหันไปสนใจแกและเงียบรอฟังสิ่งที่แกจะพูดหลังจากนี้
"ตอนนี้พวกคุณทุกคนก็ขึ้นปีสองมาเป็นเวลาสัปดาห์กว่า ๆ แล้ว! แน่นอนว่าตอนนี้พวกคุณไม่ใช่เด็กปีหนึ่งอีกต่อไป ไม่ใช่เด็กปีหนึ่งที่พวกผมต้องคอยต้อนให้เดินไปทางนั้นหรือชี้ให้เดินไปทางนี้!"
เสียงรุ่นพี่คนเดิมพูดขึ้นดังลั่นลานเกียร์
เวลานี้ถึงเรื่องที่พี่เขาพูดจะไม่ได้เป็นเรื่องเร้าใจหรือน่าตื่นเต้นอะไร แต่น้ำเสียงอันทรงพลังที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานเกียร์ท่ามกลางความเงียบในเวลานี้ก็ทำให้พวกผมขนลุกได้
"หลังจากวันนี้ไปพวกคุณต้องดูแลตัวเอง! พวกคุณต้องดูแลรุ่นน้องที่เพิ่งก้าวเข้ามาในรั้วเอ็นจิเนียร์แห่งนี้! เหมือนกับที่พวกผมเคยดูแลพวกคุณ! ทุกคนรับทราบ!"
"รับทราบครับ! / รับทราบค่ะ!"
เสียงกึกก้องของพวกเราที่อยู่ในลานดังประสานกันขานตอบรับรุ่นพี่พลอยให้รู้สึกขนลุกไม่หาย พอเจอบรรยากาศวันนี้เข้าไปผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองและเพื่อน ๆ กำลังอยู่ในกิจกรรมรับน้องเมื่อปีที่แล้วเลย
"เอาล่ะหลังจากเสร็จงานวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ให้ประธานรุ่นส่งรายชื่อผู้ที่จะรับช่วงต่อเฮดว้ากและกลุ่มพี่ระเบียบกับผมด้วย!"
เสียงรุ่นพี่พูดต่อ
"ประธานรุ่นรับทราบ!"
"รับทราบครับ!"
ผมตะโกนตอบรับรุ่นพี่เมื่อได้รับหน้าที่ใหม่
"เดินเข้าไปในหอประชุมได้!"
หลังจากรุ่นพี่พูดจบพวกเราก็เริ่มทยอยเดินเข้าไปในหอประชุม
ระหว่างทางมีบรรดารุ่นพี่ปีสามและปีสี่ตั้งแถวรอรับพวกเราทั้งสองฝั่งโดยมีพวกเราเดินอยู่ตรงกลาง ภาพที่รุ่นพี่ในคณะสวมเสื้อช็อปยืนจับมือกันอยู่สองฟากฝั่ง และเสียงขับร้องเพลงประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์เริ่มดังกึกก้องขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเราเดินผ่านรุ่นพี่เข้าไปในหอประชุม ทำให้ผมถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกอย่างมันดูศักดิ์สิทธิ์ไปหมด
หลังจากที่พวกเราทุกคนเข้ามาด้านในหอประชุมกันครบหมดแล้ว เสียงเพลงประจำคณะก็เงียบลงและเป็นขั้นตอนของการกล่าวเปิดพิธี โดยมีอาจารย์ประจำภาควิชาของคณะที่อาวุโสสุดเป็นคนกล่าวเปิดงาน และเริ่มเข้าสู่พิธีมอบเกียร์และมอบเสื้อช็อปโดยมีรุ่นพี่เป็นคนมอบ ส่วนผมเองเนื่องจากเป็นประธานรุ่น เกียร์และเสื้อช็อปที่ได้รับรุ่นพี่ที่ประธานรุ่นจะเป็นคนมอบให้ผม
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงกว่าพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของคณะเราจะจบลง และต่อท้ายด้วยการที่รุ่นน้องปีหนึ่งเข้ามาล้อมวงพวกเราในหอประชุมเอาไว้และเริ่มทำการบูม วินาทีที่เสียงเพลงบูมประจำคณะนั้นดังสนั่นหอประชุมทำให้หัวใจของผมที่เต้นระรัวแทบไม่เป็นจังหวะอยู่แล้วนั้นแทบล่วงลงกับพื้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมามันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกตอนที่พวกผมเข้ามาบูมรุ่นพี่เมื่อปีก่อนกับปีนี้ที่ถูกรุ่นน้องบูมเองมันช่างแตกต่างกัน
จนแล้วจนรอดพิธีศักดิ์สิทธิ์ของคณะเราในวันนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะบอกเพื่อน ๆ ให้ส่งรายชื่อกันเข้ามาคัดเลือกเฮดว้ากและพี่ระเบียบของปีนี้ตามที่รุ่นพี่ได้สั่งเอาไว้ เพราะหลังจากวันนี้ไปอีกหนึ่งสัปดาห์งานรับน้องก็จะเริ่มขึ้น
หลังจากที่ส่งข้อความลงไลน์กลุ่ม เพื่อนที่ผ่านการคัดเลือกการเป็นเฮดว้ากและพี่ระเบียบตั้งแต่เทอมที่แล้วก็เริ่มส่งรายชื่อมารายงานตัว แน่นอนว่าพวกเพื่อน ๆ เหล่านี้จะต้องเข้าอบรมและรับรู้ถึงหน้าที่และความรับผิดชอบรวมถึงกฎกติกาต่าง ๆ จากรุ่นพี่รุ่นก่อนเป็นเวลาอีกหลายวันก่อนจะเข้ารับตำแหน่ง หนึ่งในนั้นน่ะไม่มีผมหรอกนะเพราะแค่หน้าที่ประธานรุ่นก็หนักจะแย่แล้ว
"พิม วันนี้เสือได้เกียร์มาแล้วนะได้ช็อปมาแล้วด้วย"
ขณะที่ผมกำลังเดินไปหาที่นั่งแถวหน้าลานเกียร์เหมือนกับทุก ๆ วัน เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นพอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นคู่รักคู่หนึ่งยืนยิ้มให้กันอยู่ แน่นอนว่าฝ่ายชายนั้นเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกันกับผมเพราะได้ยินประโยคที่พูดขึ้นเมื่อกี้นี้ ส่วนฝ่ายหญิงน่าจะเป็นสาวต่างคณะ เพราะคณะผมเองมีสาว ๆ อยู่แค่ไม่กี่คนทุกคนจึงจำหน้าสาว ๆ ในคณะตัวเองได้หมด
"พิมดีใจด้วยนะ ว่าแต่พิมขอถ่ายรูปได้มั้ยอะ"
แฟนสาวของเพื่อนคนนั้นพูดยิ้ม ๆ พลางจ้องมองไปที่เสื้อช็อปตรงหน้าที่ตอนนี้ยังคงถูกพับเอาไว้ในถุงพลาสติกอยู่ อีกทั้งที่คอของเพื่อนร่วมคณะของผมตอนนี้ก็ยังสวมเกียร์เอาไว้ด้วย ผมก็อยากเป็นแบบนั้นบ้างนะ อยากมีคนมาแสดงความยินดีและอยากมีใครสักคนที่อยากได้เกียร์ของเรา
"เสือให้พิมใส่เกียร์ไว้ที่คอได้มั้ยอะ เสือได้ยินมาว่าผู้หญิงหลายคนที่มีแฟนเรียนวิศวะอยากได้เกียร์ไปใส่กันทั้งนั้น"
เพื่อนร่วมคณะของผมพูดกับแฟนสาว
"อยากได้น่ะมันก็ใช่แต่พิมอยากให้เสือใส่ไว้มากกว่า ขอแค่พิมพ์ถ่ายรูปคู่เสือในวันที่เสื้อสวมช็อปกับใส่เกียร์มาก็พอ"
แฟนสาวที่น่ารักของเพื่อนร่วมคณะผมพูดขึ้นพลางจ้องมองแฟนหนุ่มของเธอด้วยแววตาหวานเยิ้ม จนผมที่ยืนฟังอยู่ห่าง ๆ ถึงกับเผลอยิ้มออกมา เห็นคนรักกันแล้วมันอิจฉา!
"ของพวกนี้พิมรู้ว่ามันสำคัญกับเสือมากแค่ไหนเพราะฉะนั้นเสือเก็บไว้เถอะนะ แค่มีเสือเป็นแฟนพิมไปเรื่อย ๆ แบบนี้พิมก็ดีใจแล้ว"
ผมยืนมองคนสองคนจีบกันอยู่ห่าง ๆ พลางนึกไปถึงเรื่องของตัวเองบ้างว่าจะเป็นยังไง
ถ้าจะเอาเกียร์ของผมไปให้เธอคนนั้นก็ยังไงอยู่เพราะวันนี้เธอคนนั้นก็เข้าพิธีมอบเกียร์พร้อมกันกับผม หรือว่าพอเป็นแฟนกันแล้วจะแลกเกียร์กันดีวะ โอ๊ยพูดแล้วก็เขินอยากได้เธอมาเป็นแฟนเร็ว ๆ จังเลย