หลังจากทานอาหารกันเสร็จ
"อยากกินขนมจังงง คิดถึงขนมป้าใจ"เปิ้ลพูดออกมา
"หึ กินเยอะ อ้วนเป็นหมูแล้วเนี่ย"นายภูพูดขึ้น เกื้อ ได้แต่นั่งอมยิ้มอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ส่วนทิวามองดูเกื้อแล้วยิ้มตาม
"โห้นายคะ ก็ป้าใจทำขนมอร่อย"เปิ้ลพูดขึ้น
"นายคับ นาย"หัวหน้าคนงานวิ่งหน้าตาตื่นมา
"ตอนนี้น้ำป่าไหลทะลักอยู่เส้นหลังภูคับ "
"เชี้ย เราทำฝายน้ำ ถี่ไปป่าวว่ะ น้ำเลยไหลไม่ทัน"นายภูพูดขึ้น
"มันก็เป็นแบบนี้ประจำคับนาย ไม่น่าจะไหลลงไปถึงด้านล่างคับ"หัวหน้าคนงานพูดขึ้น
"อือ งั้นถ้ามีอะไรก็รีบมาบอกนะ"นายภูพูดขึ้น
"เปิ้ล เดี๋ยวจะให้เพาะ ดอกลิลลี่และดอกทิวลิปเพิ่มนะ ช่วงนี้ร้านดอกไม้สั่งเยอะ ส่วนดอกกุหลาบดูแลให้ดีๆนะ"นายภูสั่ง โดยที่ตาจ้องดูโทรศัพ ดูตารางงาน
"คะ จะรีบจัดการให้เลยคะ"เปิ้ลพูดขึ้น
"มล มาเป็นเลขาฉัน เวลาออกงาน ไปใหนมาใหน ไม่ว่าจะคุ่ยธุระกิจ ต้องไปด้วยกันตลอด "
"คะ" มลพูดขึ้นพรางทำหน้าหง่อยๆ
"เป็นไร ไม่อยากทำงานกับฉันหรอ"นายภูถามขึ้น
"เปล่าคะ แค่เป็นห่วงแม่"มลพูดขึ้น
"ไม่ต้องห่วง ป้าใจก็อยู่ เปิ้ลก็อยู่"นายภูพูดขึ้น
"คะ ทราบคะ"
"มีปัญหาอะไรก็เล่ามาได้นะ รับฟัง"นายภูพูดห้วน
"ไอ้ห่าร้อยวันพันปี กูไม่ยักกะรู้ว่ามึงอยากมีเลขา"กล้าพูดขึ้นพรางยิ้มๆ
"ไอ้เวร มึงนี้นะ ขัดกูตลอด"นายภูพูดขึ้น
ทุกคนแยกย้ายออกจากห้องไป
"เปิ้ลถามไรหน่อย"
"อือ ว่าไง"
"นายภูเขาไม่เคยมีเลขาเลยหรอ"
"ไม่มีนะ นายเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร"
"แล้วทำไมต้องเป็นเรา ที่ต้องมาเป็นเลขานายภู"มลฤดีสงสัยขึ้นมา
"ช่วงนี้นายจะเปิดธุรกิจใหม่ อาจจะอยากได้คนช่วย แต่ก่อนไม่ค่อยมีงาน แต่ช่วงนี้งานเยอะ จะเปิดร้านดอกไม้อีก เลยอยากได้คนช่วยแระ"
"อ๋อ นายภูของเปิ้ลอะ ดูน่ากลัวเนอะ ผมเผ้า หนวดดเหนิดไม่รู้จักโกน จักตัด"มลพูดขึ้น
"เห้อ นายไม่ค่อยมีเวลามั่ง ก่อนหน้านี้เปิดบิล บัญชี เอกสารทุกอย่าง นายเป็นคนจัดการหมด ไม่มีคนช่วย"
"แล้วทำไมถึงไม่มีคนช่วย"
"ก็เคยมี แต่โดนนายต้น หยอกไปหยอกมา สงสัยนางไม่ชอบเลยลาออกไป"เปิ้ลพูดขึ้น
"นายต้นหรอ "มลฤดีทำท่าทางคิดอยู่ครู่นึ่ง
"อ๋อ มลยังไม่เคยเจอหรอก ยังมีนายต้อมอีกคน นายต้อมเป็นคนหัวร้อน เสียงดังโวยวาย ส่วนนายต้น เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว" เปิ้ลพูดขึ้น
"แล้วนายภูของเปิ้ลละ นิสัยเป็นยังไง"
"นายเป็นคนใจดี แต่นายจะโหด ใจร้ายมากเวลาทำงาน นายเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับตัวเองมากนัก แต่รวมๆนิสัยดี หล่อ รวย และที่สุดคือ โสดมานานนนนนนมาก น.ล้านตัวเลยละ"เปิ้ลพูดขึ้น
"เห่อๆๆ นิสัยดีแต่ไม่มีแฟน "มลฤดีหัวเราะออกมาอย่างกับว่าเธอขำมากกก
"แหม้ๆๆๆว่าแต่นาย แล้วมล มีแฟนยัง"เปิ้ลพูดขึ้น
"มลพึ่งจะเรียนจบนะเปิ้ล รีบมีอะไรนักหนาละ ขอใช้ชีวิตแบบนี้อีกนาน"มลพูดขึ้น
"รีบๆมีนะจ๊ะ เดี๋ยวเป็นสาวขึ้นค้านนะจ๊ะ"เปิ้ลพูดหยอกล้อกับมลฤดี
"หึ ว่าแต่เค้า ตัวเองอะมียัง"มลพูดขึ้น
"ไม่มีหรอก ไม่อยากมี หยี้ ไม่เอาอะ "เปิ้ลรีบพูดออกมา
"งั้นเราก็ขึ้นค้านไปพร้อมกัน"มลฤดีพูดพร้อมมองหน้าเปิ้ลและหัวเราะกันดังลั่นแข่งกับเสียงฝน
ณ.ห้องพักนายกล้า
"โห้ อะไรกันเนี่ย สองสาวหัวเราะกันดังมาก" กล้าที่จ้องมองโน๊ตบุ๊คพูดขึ้น
"สงสัยพูดเรื่องตลกกันมั่งคับ ไอ้เกื้อกินใหม"ทิวาพูดขึ้น เกื้อหันหน้ามองมาแวบเดียวเเล้วหันกลับไปเหมือนเดิม
"กินเยอะๆมึงอะ "นายภูพูดขึ้น
"โห้นาย ก็มันอร่อยนิคับ"ทิวาพูดขึ้น
"ไอ้เกื้อ มึงพูดหน่อยก็ได้ ส่งสายตาแล้วกูจะรู้ใหมว่ามึงจะกินหรือไม่กิน"ทิวาพูดขึ้น
"มึงก็รู้นิสัยมัน มันพูดเกิน 5 คำหรอ"นายภูพูดขึ้นแล้วส่ายหัว ขำเบาๆ
"เอ่อ เดี๋ยวกูจะเปิดร้านดอกไม้ ในเมืองนะเว้ย"นายภูพูดขึ้น
"อือ มึงจะเปิดวันใหน"กล้าถามขึ้น
"แม่กูกำลัง สำรวจตลาดอยู่ อีกเดือนสองเดือนนู่นแระ"นายภูพูดขึ้น
"เอ่อ แล้วมึงจะไปหาใครมาดูแลร้านว่ะ พวกเราแมร่งก็ยุ่งกันทุกคน"กล้าพูดขึ้น
"นี้ไง ไอ้ทิวาไง จะได้เก็บดอก ได้สะดวกๆๆ"นายภูพูดขึ้น
"โห้นาย ผมจะไม่ได้เข้ามาที่ไร่เลยหรอคับ"ทิวาพูดขึ้น
"ก็มาได้ แต่ตอนเช้าถึง 4 โมงเย็นกูอยากให้มึงเฝ้าร้าน สาวๆสวยๆเยอะนะมึง"นายภูพูดขึ้น
"โห้ งั้นโอเคเลยคับผมไปได้ทันทีเลยคับ"ทิวาพูดขึ้นพรางหัวเราะเบาๆ
"แหม้ๆ ได้ยินว่าสาวๆเยอะ มึงรีบเลยนะ เหมือนลูกพี่มึงเลย เอาลูกพี่มึงไปอยู่ด้วยเลยดีใหม"นายกล้าพูดขึ้น
"ก็ดีนะนาย เป็นผู้ชายคนเดียวในร้านก็จะเขิน เกร่งๆหน่อยคับ ทิวาพูดขึ้น
"อือ งั้นเอาตามนั้น มึงสองคน ไปอยู่ที่นู้นละ"นายภูได้ข้อสรุปทันที
"คับนาย"
"แล้วมึงก็จัดการเรื่องร้าน จัดการเรื่องห้องเอกสารให้เรียบร้อยนะมึง ห้ามหลุดห้ามมีพิรุธ"นายภูสั่งงานกล้ากับทิวา
"ส่วนมึงไอ้เกื้อ อยู่ไร่ทำหน้าที่แทนไอ้ทิวามัน แล้วก็คอยมาช่วยงานนายกล้าด้วย"นายภูสั่ง
"คับนาย ขอบคุณคับ"เกื้อพูดขึ้น
"มึงก็เหมือนน้องชายกู มีอะไร มึงก็ปรึกษาหรือพูดกับกูได้"นายภูพูดขึ้นพรางตบไหล่ของเกื้อเบาๆ
"คับนาย"เกื้อรับคำแล้วยิ้มเบาๆ
นายภู:
จริงๆแล้ว ผมไม่ได้อยากให้มลฤดีมาทำหน้าที่เป็นเลขาของผมหรอก แต่ผมอยากรู้อะไรบางอย่างว่า ทำไมเธอถึงต้องดิ้นรนหาที่พึ่ง ทำไมต้องมาทำงานที่แสนจะลำบากในถิ่นธุระกันดารแห่งนี้ นี้อาจจะเป็นทางเดียวที่ผมจะได้รู้ความจริงก็ได้...