4

4292 คำ
“มีอะไรกัน” เสียงถามดังแผ่วๆ ออกมาจากในห้องของมารดานั่นเอง และคนชั่วช้าก็ไวทายาด มันลุกออกจากตัวของเธอได้ทันก่อนที่มารดาจะมาเห็นได้ในเสี้ยววินาที “แม่” ปราณปริยาเรียกมารดาด้วยน้ำตาคลอเบ้า ปากสั่น เสียงสั่น อ้าปากกำลังจะฟ้องให้รู้ธาตุแท้ของสามีวัยเด็กที่อายุมากกว่าเธอไม่กี่ปี ก็พอดีกับที่นางปรียาไอแค่กๆ ถามบุตรสาวขึ้นก่อน “เพิ่งกลับหรือลูก” นางถามแล้วไอออกมาอีกครั้งจนหน้าดำหน้าแดง ปราณปริยามองมารดาด้วยสายตาเป็นกังวลแล้วลุกขึ้นปรี่เข้าไปหา เมื่อถูกตัวของนางปรียาแล้วก็ถึงกับหน้าซีด เพราะเมื่อวานยังเห็นว่าท่านสุขสบายดีอยู่ แต่เหตุใดวันนี้จึงดูแย่ถึงขนาดนี้ หรือท่านปิดบังอาการป่วยจนเธอมองไม่ออก “แม่เป็นอะไร ทำไมตัวร้อนแบบนี้จ๊ะ” “ไม่เป็นอะไรหรอกลูก” ว่าจบนางปรียาล้มฟุบไปกองที่พื้นทันที คนเป็นลูกตกใจจนหน้าซีดเข้าไปเขย่ามารดา เรียกหน้าตาตื่นตกใจ “แม่ แม่เป็นอะไรจ๊ะ” ยุทธนายืนกอดอกมอง ไร้ซึ่งความสนใจในตัวคนแม่ ตระเตรียมเข้ามาคุกคามเธออีกครั้ง ปราณปริยาแหงะมองเห็นทันแล้วขยับตัวลุกหนีได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนนึกได้วิ่งออกไปที่ด้านนอกตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากหน้าบ้านเท่าใดนัก ใจชื้นที่เห็นว่ายังมีคนนั่งกันอยู่ จึงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปหยุดยืนหอบตรงนั้น บอกกลุ่มคนเหล่านั้นเสียงสั่นเลยทีเดียว “พี่คะ ช่วยพาแม่หนูไปส่งโรงพยาบาลทีค่ะ” กลุ่มที่นั่งกินเหล้ากันอยู่มองหน้ากันอึดใจ แล้วชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นก่อน ค่อยพากันเอารถออกมารอ อีกสองคนตามเข้าไปในบ้านด้วยกันกับปราณปริยา ยุทธนาที่นั่งรินเหล้าอยู่กลางบ้านสะดุ้งตกใจที่เห็นคนเข้ามาในบ้านของตนเอง ชี้นิ้วมาที่เธอ ตวาดด่า “นี่มึงตามคนมารุมกูหรือไงอีนิ่ม” “ทำไมต้องรุม” หนึ่งในนั้นถามอย่างงงงัน ปราณปริยาได้แต่เจ็บใจ บอกออกไปอย่างไม่ยอมความ “เรื่องที่แกจะปล้ำฉัน ฉันฟ้องแม่แน่” ชายที่ถูกตามตัวมาช่วยมองหน้ากัน แล้วส่งสายตาอาฆาตไปยังยุทธนา ปราณปริยาเลิกสนใจชายชั่วคนนั้น เร่งให้ช่วยมารดาของตนเองก่อน “พาแม่หนูไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ ส่วนไอ้เลวนี่นิ่มจะบอกแม่ให้รู้ว่ามันชั่วขนาดไหน อย่าไปรุมมันให้เสียแรงเลยพี่” ทั้งหมดพากันนำนางปรียาส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมาทันที ปราณปริยาน้ำตาคลอตลอดทางเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้น “ขอบคุณมากนะคะที่พาแม่หนูมาส่งโรงพยาบาล” “ไม่เป็นไรหรอกน้องนิ่ม มีอะไรก็เรียกพวกพี่ได้ตลอด เห็นหน้าโหดๆ ตั้งวงกินเหล้าแต่พี่ไม่ใช่โจรใจทรามเหมือนบางคนหรอกนะ” “ขอบคุณมากค่ะ” ว่าพร้อมยกมือไหว้ชายเหล่านั้นด้วยความซาบซึ้งใจถึงที่สุด ชายคนพูดเป็นพี่ชายของเพื่อนแถวบ้านที่แนะนำให้ว่าร้านซ้อเสียงกำลังรับคนเพิ่ม แม้หน้าตาคนพูดจะดูโหดอย่างที่อีกฝ่ายออกตัว แต่กลับมีน้ำใจกว่ายุทธนายิ่งนัก นางปรียาถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก เมื่อไปถึงก็ถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที แพทย์แจ้งว่ามีไข้สูงและต้องให้อยู่นอนโรงพยาบาลในตอนนี้เลย หลังจากถูกพาตัวเข้าไปยังห้องพักผู้ป่วยแล้ว หนึ่งในชายที่ตั้งวงเหล้าตรงหน้าบ้านเอ่ยปากถามขึ้น “แล้วนี่น้องจะอยู่เฝ้าแม่ไหม พรุ่งนี้มีเรียนหรือเปล่า” “มีค่ะ” แล้วก็ถอนใจอย่างคิดไม่ตก เพราะพรุ่งนี้มีสอบย่อยเสียด้วย “งั้นก็กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวพวกพี่เฝ้าให้ พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วค่อยมาดูแม่” พอเอ่ยปากว่า ‘บ้าน’ ก็ให้หวาดกลัว ยิ่งตอนนี้มารดานอนป่วยอยู่ ยิ่งไม่กล้ากลับเข้าไปที่นั่นอีกแล้ว ตะกุกตะกักอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี “คือ นิ่ม…นิ่ม” “ไม่กล้ากลับบ้านใช่ไหม” ชายคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้นอย่างพอรู้ ก่อนชวนไปที่บ้านของตนเองด้วยใจบริสุทธิ์ “ไปเถอะ กลับไปเอาข้าวของ หนังสือหนังหา แล้วเดี๋ยวถ้ายังไงแล้วพี่พาไปอยู่ที่บ้านยายพี่ก่อน” ปราณปริยาชั่งใจ แต่แล้วก็ใช้ความรู้สึกของตนเองในการนำทาง มองชายเหล่านั้นที่หน้าตาแม้จะดุดัน บางคนหนวดเครารกรุงรังแต่สายตาที่มองเธอเปี่ยมไปด้วยเมตตา และหากว่าเธอต้องเจอคนไม่ดีอีกก็ปล่อยให้ชะตาพาเธอไปก็แล้วกัน เมื่อไม่มีมารดาคอยชี้นำเธอแล้วในตอนนี้ “ขอบคุณพวกพี่มากนะคะ” เสียงใครในนั้นเอ่ยขัดขึ้น “เปลี่ยนจากขอบคุณมาเป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ” “ทะลึ่งแล้วมึงนี่” ปราณปริยายิ้มมองดูชายหน้าโหดแต่ใจดีหยอกล้อกัน พร้อมกับหาทางช่วยเหลือเธอไปด้วย จึงออกจากโรงพยาบาลกลับไปยังบ้านของยุทธนาเพื่อเก็บข้าวของของตนเองไปพักที่อื่นชั่วคราวก่อน ในช่วงที่มารดาต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล และบ้านของคนที่เอ่ยปากชวนเธอนั้นก็อยู่ถัดไปอีกไม่กี่ซอย หญิงสาวไม่ได้นอนเนื่องจากจวนเจียนเช้าเต็มที จึงจัดแจงเปลี่ยนชุดแล้วออกไปยังมหาวิทยาลัย เพื่อทำการสอบแล้วตัดสินใจไม่เข้าเรียนวิชาช่วงบ่าย เพื่อแวะไปดูอาการของมารดา มาถึงที่ห้องพักผู้ป่วยในช่วงบ่าย เห็นว่ามารดาลืมตาตื่นแล้ว ท่านนั่งเอนหลังพิงกับหัวเตียงอยู่ ค่อยโล่งใจ เข้าถามไถ่ด้วยสีหน้าสบายใจมากยิ่งขึ้น “หมอว่ายังไงบ้างจ๊ะแม่” “แค่ไข้หวัดใหญ่น่ะนิ่ม หมอว่านอนพักอีกวันก็ให้กลับบ้านได้” ‘กลับบ้าน’ พอมารดาเอ่ยถึง ‘บ้าน’ ขึ้นมา ก็ให้อึดอัดใจ ไม่รู้ว่ามารดาจะคิดเห็นหรือไม่ที่ยุทธนาล่วงเกินเธอ เลยลองเอ่ยปากกับท่านดู “แม่ นิ่มว่าเราออกไปเช่าบ้านอยู่กันไหม ไปแค่เราสองคนนะแม่” นางปรียามองบุตรสาวนิ่งอึดใจค่อยถามกลับ “ทำไมล่ะลูก” “คือ คือนิ่มกลัวว่า...” เธอกำลังจะเอ่ยปากเล่าเรื่องสามีของท่าน แต่แล้วนางก็ขัดขึ้นก่อนด้วยสีหน้าเศร้าสลด “อยู่กันไปก่อนเถอะลูก ตอนนี้แม่ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาทเดียว” “แต่นิ่มมีนะแม่ มีพอที่เราจะไปเช่าบ้านอยู่กัน นิ่มทำงานแล้ว มีเงินพอเลี้ยงแม่นะ” นางปรียาบอกเสียงซึมๆ “นิ่ม พวกเราทนอยู่แบบนี้กันไปก่อนนะลูกนะ” ปราณปรียามองหน้ามารดาแล้วชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ว่ายุทธนาคุกคามเธอ แล้วหากพูดออกไปมารดาจะเชื่อคำของเธอหรือไม่ แต่แล้วก็ไม่กล้าพูด ได้แต่เงียบ ตั้งใจว่าจะอยู่เฝ้ามารดาแต่ท่านถามขึ้นก่อน “วันนี้ไม่ไปทำงานหรือลูก” “นิ่มอยากอยู่เฝ้าแม่จ้ะ” “ไปเถอะ แม่ดีขึ้นแล้ว เราเพิ่งทำงานไม่กี่วันจะหยุดแบบนี้ไม่ได้ เขาจะว่าเอาได้ว่าเราหยิบโหย่ง” “แต่ว่าแม่ยังไม่หายดีเลยนะ” “แม่อยู่ใกล้หมอแบบนี้แล้ว หายห่วงแล้วล่ะ ไปเถอะนิ่ม ไปทำงาน” อยู่คุยกับมารดาอีกพักใหญ่ก็ให้อิดออดไม่อยากไปทำงาน แต่มารดาดุว่าเธอจะทำตัวเป็นเด็กๆ ไม่ได้ จึงยอมตัดใจในที่สุด ไม่กล้าลางานด้วยเพราะเพิ่งไม่กี่วันเท่านั้นที่ได้เป็นพนักงานในร้าน ขณะเดินออกจากลิฟต์ที่พาลงมาจากชั้นที่มารดานอนพักรักษาตัวก็ครุ่นคิดเรื่องต่างๆ อยู่ในหัวจนไม่ทันเห็นว่ามีคนมองเธออยู่ตลอดเวลา “นิ่ม” เสียงเรียกชื่อที่ดังมาจากด้านหลังก็ทำให้หญิงสาวชะงักความคิด หยุดเดินแล้วหันไปมองก็พบว่าเป็นไทธัญนั่นเอง “มาทำอะไรครับ” “แม่ไม่สบายค่ะ” “อ้อ” ชายหนุ่มรับคำเบาๆ เมื่อไปตามเฝ้าหญิงสาวที่คณะแล้วแต่ไม่พบ เลยถามเอากับสุริวิภา ขานั้นไม่ค่อยอยากจะบอก แล้วยังแสดงท่าทีหึงหวงเขาอีกด้วย ทั้งๆ ที่นอนคุยกันแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นเรื่องของความพอใจและผลประโยชน์ เขาจ่ายไปไม่น้อยให้สุริวิภาเพื่อสอบถามเรื่องราวของปราณปริยา สุริวิภาบอกว่ามารดาของปราณปริยาไม่สบายนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหน ชั้นอะไร ไทธัญจึงตามมาเฝ้าแล้วก็หวังอยู่ไม่น้อยว่าจะได้เจอ ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่เฝ้ารออยู่อย่างใจเย็นจนเจอกับหญิงสาว “พี่ไปส่งนะ” บอกด้วยท่าทีกระตือรือร้น “ค่ะ” เธอยิ้มรับแล้วตอบตกลงในน้ำใจของอีกฝ่ายแต่โดยดี ขณะที่หนุ่มสาวพากันเดินไปยังรถ ก็มีอีกสายตาคู่หนึ่งมองตามจนลับแล้วจึงกลับไปที่รถของตนเอง พร้อมรายงานให้ผู้เป็นนายของตนทราบข้อมูลเช่นเดียวกัน นั่งรถกันมาเงียบๆ ครู่หนึ่ง ไทธัญเอ่ยขึ้น “นิ่มเลิกงานแล้ว พี่มารอรับกลับนะครับ” เธอยิ้มให้ ชายรุ่นพี่ไม่ว่าอะไรแล้วไปยังหลังร้านเพื่อเตรียมตัวเข้างานในลำดับต่อมา วันนี้คนค่อนข้างเยอะเนื่องจากเป็นวันศุกร์สิ้นเดือน ที่เหล่าบรรดาขาเที่ยวที่เป็นมนุษย์เงินเดือนกว่าครึ่งกระเป๋าหนาพอจะจับจ่ายในการเที่ยวหาความสุขยามราตรีกาลเช่นนี้ ขณะเดินกลับไปด้านหลังร้านก็ให้ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเอง “นิ่ม” พร้อมกับมีมือมาแตะลงตรงบ่า เสียงเรียกนั่นเป็นของสุริวิภาเอง พอเห็นว่าเป็นเพื่อนก็ยิ้มรับ ไม่ทันเอ่ยปากถามสาวสวยกว่าเอ่ยขึ้นก่อน “แวะมากับพวกพี่ๆ น่ะ พี่ต้าก็มาด้วยนะ” ปราณปริยาทำเพียงยิ้มไม่ว่าอะไร สุริวิภารีบว่าต่อ “พี่ต้านั่งอยู่โต๊ะตรงนู้นแน่ะ ภาเห็นตอนเดินไปห้องน้ำเลยแวะทักแก” สุริวิภาว่าจบเบียดไหล่ตนเองกับไหล่ของเธอบอกยิ้มๆ “สงสัยรู้ว่านิ่มทำงานที่นี่หรือเปล่า แกเลยมา” ปราณปริยายิ้มไม่ว่าอะไรดุจเดิมเพราะสุริวิภามักล้อเลียนเธอเสมอ เวลาที่เธอสนิทกับต่างเพศ อย่างพี่ต้านี่เป็นรุ่นพี่ต่างคณะกับเธออีกคน ชายหนุ่มเป็นประธานชมรมแบดมินตันที่เธอสมัครเข้าร่วมตอนปีหนึ่ง แถมยังได้เรียนวิชาภาษาต่างประเทศที่เป็นวิชาเลือกเสรีด้วยกันอีก คุยกันแล้วก็ดูเหมือนจะสนิทสนมกัน แต่แท้ที่จริงทั้งคู่ไม่ได้คิดอะไรกันมากกว่านั้น จึงเดินเข้าไปทักทายเสียหน่อยเมื่อชายรุ่นพี่มองมาที่เธอพอดี ภาพที่ปราณปริยายืนคุยหัวร่อต่อกระซิกกับชายร่างสูงมาดแมน เพราะเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย ทำเอาไทธัญต้องยกแก้วขึ้นดื่มหนักกว่าเดิม ไทธัญไม่ได้รอในรถ วันนี้นึกครึ้มใจเลยเลือกนั่งในร้านแล้วก็ดื่มไปไม่กี่แก้วเท่านั้น โชคร้ายชะมัดที่ดันมาเจอสุริวิภาในนี้ด้วย เจ้าหล่อนเข้ามานั่งเก้าอี้ติดกับเขาแล้วตอนนี้ “ยัยนิ่มปลื้มพี่ต้าจะตาย” เสียงกระซิบข้างหูนั่นยิ่งทำให้ไทธัญเดือดพล่าน ชายหนุ่มปรายตามองแวบหนึ่งแต่ทำเฉยเสีย “นี่ถ้าสองคนนั่นตกลงคบกันนะ ภาว่าคนแถวนี้ต้องอกแตกตายแน่ๆ เลย” “ก็คงเหมือนกับที่นิ่มรู้ว่ามีเพื่อนแบบเธอคงอกแตกเหมือนกัน” ไทธัญว่าจบยกเหล้าดื่มอย่างไม่ให้ราคาหญิงสาวข้างๆ “พูดแบบนี้หมายความว่าไงคะพี่ธัญ” แม้จะถามกลับด้วยน้ำเสียงติดฉุนนิดๆ แต่มือไม้กลับยกไปแตะต้นแขนของไทธัญอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าของให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ในนั้นได้รู้ และเลิกมองเลิกทิ้งสายตาให้ไทธัญเสียที ไทธัญปัดมือออก ว่าเสียหาย “เมาแล้วอย่ามาเลื้อยแถวนี้” สุริวิภาที่ดื่มไม่น้อยเหมือนกันหัวเราะยั่ว เข้ามากระซิบข้างหู “พูดกับเมียแบบนี้ได้ไงคะพี่ธัญ” “ใครเมีย เธอหรือไง” ชายหนุ่มเอียงตัวออกอย่างรังเกียจ แท้จริงกลัวว่าปราณปริยาจะเข้ามาเห็นความสนิทสนมจนเกินไปที่สุริวิภาแสดงนี่ต่างหาก คราวนี้ไทธัญหันมามองหน้าสุริวิภาเต็มๆ ก่อนว่า “ถ้าเอาแค่ไม่กี่ทีเป็นเมีย พี่คงมีเมียทั้งมหาลัยแล้วล่ะน้องหนู” สุริวิภาชะงักก่อนเค้นเสียงเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ “พี่ธัญ!” ไทธัญลุกหนีไปอีกทางแล้ว จะตามก็พอดีเพื่อนที่โต๊ะเดินมากระซิบบอกบางอย่าง มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ความสนใจในตัวของเธอ และแน่นอนว่าสุริวิภาต้องคว้าเงินเอาไว้ก่อนเพื่อความอยู่รอดในเมืองใหญ่แบบนี้จึงตัดใจผละไปอีกทาง ตงมองผู้เป็นนายที่ยืนดูเหตุการณ์ด้านล่างอยู่เงียบๆ แน่นอนว่าเป็นหญิงสาวคนที่ปรานต์ตามดูอยู่ทุกระยะนั่นเองที่ตรึงสายตาของชายผู้นี้เอาไว้ได้ นายของเขาดูใจเย็นกับเหยื่อรายนี้มากกว่ารายอื่นๆ ที่ผ่านมา อาจเป็นได้ว่ารูปร่างหน้าตาถูกใจนายของเขาไม่น้อย และการบุ่มบ่ามเข้าหาเป้าหมายก็ไม่ใช่ผลดีเลยสักนิด ตงมั่นใจในสายตาของตนเอง ปราณปริยาแม้จะยังดูเด็กไม่ประสา แต่มีสัญชาตญาณการระแวดระวังภัยให้ตัวเองไม่น้อย แต่หากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปก็ไม่รู้จะรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้อีกนานแค่ไหน นอกจากไทธัญที่ตามติดอยู่แบบนี้แล้ว ตงยังตามสืบจนรู้มาว่าพ่อเลี้ยงของปราณปริยาก็จ้องจะงาบเจ้าหล่อนเหมือนกัน นี่ยังไม่นับผู้ชายในร้านบางคนที่พอเห็นปราณปริยาเดินผ่านก็น้ำลายหกอยากชิมเธอกันทั้งนั้น “เสน่ห์แรงแบบนี้ แล้วนายผมจะรุกยังไงดีครับ” ตงเอ่ยทีเล่นทีจริงกับคนที่มองมาจากด้านบนของร้าน พบว่าอีกฝ่ายยังไม่ละสายตาจากเบื้องล่างไปทางไหน ไม่นานจากนั้นปรานต์ผละจากไปเมื่อมีสายเรียกเข้าพอดี ปราณปริยาไม่ใคร่สบายใจเท่าไรนัก ที่พบว่าในร้านคืนนี้มีแต่คนรู้จักเธอ ไม่ใช่ว่าอับอายเรื่องที่ต้องมาทำงาน แต่เพราะไทธัญแสดงออกมากเกินไป ตอนนี้เขาเดินมายืนเฝ้าเธอที่ประตูเข้าออกของพนักงาน หากเธอยืนคุยกับโต๊ะไหนนานหน่อย ไทธัญจะตามมายืนขนาบข้างๆ จนคนอื่นมองมาด้วยสายตาสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จึงตัดสินใจปดเขาออกไปเมื่อสบจังหวะ “พี่ธัญไม่ต้องรอนิ่มก็ได้นะคะ ภาว่าจะแวะไปส่งตอนเลิกงานค่ะ” “ภา หรือ ไอ้ต้ากันแน่จะไปส่ง” ไทธัญที่ดื่มไปไม่น้อย พูดด้วยน้ำเสียงห้วนนิดๆ ที่พอฟังออกว่ามึนเมา มองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง บอกเสียงอ่อน “ขับรถไหวไหมคะ ให้นิ่มเรียกแท็กซี่ไหม” “พี่ดื่มแค่แก้วเดียว แล้วก็ขับไหว แต่ถ้านิ่มคิดว่าจะปล่อยให้พี่รอจนเลิกงาน แล้วกลับไปกับคนอื่น ก็ได้นะ พี่ไม่ได้ว่าอะไร” ไทธัญใช้คำพูดกดดันเธอ ปราณปริยาได้แต่ถอนใจ เธอไม่เคยขอร้องให้เขาต้องมารับหรือมาส่งเธอเลยสักครั้ง ไทธัญทึกทักทำเองทั้งหมด แล้วเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน ไทธัญนั่งหน้าตึงที่หลังพวงมาลัยรถคันหรูของเขา เมื่อตอนที่เธอเลิกงานแล้ว ถามเสียงเครียด “เจอมันบ่อยไหม” “ใครคะ” “ไอ้ต้านั่นไง” “ไม่เคยเจอหรอกค่ะ เพิ่งเห็นกันวันนี้เอง” ไทธัญเงียบไปแล้ว และเห็นว่าเขาดื่มไม่น้อย จึงชวนเขาคุยเรื่องอื่นเสียเพื่อจะได้ไม่ง่วงขณะขับรถ ขณะคุยกันเพลินอยู่นั่น ไทธัญหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูด ปราณปริยาหน้าตื่นแล้วพยายามรักษาอาการให้สงบถามขึ้น “พี่ธัญเข้ามาทำอะไรในนี้คะ” ไทธัญขับเข้ามาจอดหลังม่านที่พนักงานรูดเปิดรอรับและปิดลงแล้วถึงหันมาบอกด้วยสีหน้าเซ็งๆ เขาเบื่อแล้วกับการต้องใจเย็น แล้วพอเห็นว่ามีผู้ชายอีกไม่น้อยที่จ้องปราณปริยาตาไม่กะพริบก็ยิ่งทนไม่ไหวอีกต่อไป คนอย่างไทธัญอยากได้อะไรก็ต้องได้ บางทีถ้าลองยื่นเงินให้หนามากพอ เขาก็อาจได้ปราณปริยาในค่ำคืนนี้ “อย่าเล่นตัวเลยนิ่ม พี่ไม่เอาเปรียบใครหรอก อยากได้เงินเท่าไรบอกพี่มา ทำแบบนี้ได้เงินมากกว่าที่ร้านเหล้านั่นอีกนะ” ปราณปริยาเม้มปากตัวเองอย่างต้องการสะกดกลั้นอารมณ์ผิดหวังในตัวของอีกฝ่าย เธอรู้ว่าเขาเจ้าชู้ แต่ไม่คิดว่าไทธัญจะทำตัวอย่างนี้ “พี่ธัญพูดอะไรออกมารู้ตัวไหมคะ” “รู้สิ พี่ไม่ได้เมานี่” “ดีค่ะ” ปราณปริยาแค่นยิ้มก่อนว่าต่อ “งั้นความรู้สึกดีๆ ที่นิ่มมีให้พี่ก็ให้มันจบลงตรงนี้เลยแล้วกัน ถึงนิ่มจะอยากได้เงิน แต่นิ่มไม่ทำอย่างที่พี่ธัญบอกแน่” เธอมองหน้าไทธัญอย่างเจ็บปวด เปิดรถออกไปแล้วก็ถูกอีกฝ่ายออกจากรถและตามมาคว้าแขนเอาไว้ทัน เธอเกร็งแขนพร้อมกับออกแรงดึงแต่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ “ปล่อยนิ่มนะ” ไทธัญถอนใจอย่างเครียดๆ เมื่อสติกลับคืนมา เพราะความใจร้อนแท้ทีเดียวที่ทำให้ไก่ตื่นเช่นนี้ “พี่ขอโทษ” ชายลูกเศรษฐีบอกเสียงอ่อย มือจับแขนของปราณปริยาแน่นไม่ปล่อยง่ายๆ มองมาด้วยสายเว้าวอน เขาไม่อยากบังคับขืนใจสาวๆ แต่กับปราณปริยานี่เขาอดใจรออีกไม่ไหวแล้ว แม้หญิงสาวจะไม่ได้สวยระดับดาวมหาวิทยาลัย แต่มีคนอยากครอบครองเธอไม่น้อย ด้วยใบหน้าสวย ตาเศร้าแต่มันคงเซ็กซี่ไม่น้อยหากได้มานอนอยู่ใต้ร่าง ทั้งยังมีทรวดทรงเย้ายวนมากโขทีเดียว พยายามไม่ให้ดูห้วนจนเกินไป ขอร้องเขาอีกครั้ง “ปล่อยนิ่มเถอะค่ะ” “พี่ขอแค่กอดนิ่มได้ไหม” คาสโนว่าเริ่มเดินหมากขั้นแรกด้วยการให้เหยื่อตายใจ หญิงสาวผลักแขนของไทธัญออกพร้อมเบี่ยงตัวหลบ บอกปัดด้วยคำพูดจริงจังว่าไม่ยินยอม “พี่ธัญคะ อย่าค่ะ” หนุ่มมากเล่ห์ยังคงพยายามตะล่อมอย่างใจเย็น “แค่กอด พี่สัญญาว่าแค่กอด” ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ตื่นตัวที่พลุ่งพล่าน เขาคว้าร่างของปราณปริยาเข้ามากอดเสียแนบแน่น พร้อมสูดดมผมของเธอไปด้วย หอมและปลุกกำหนัดไม่น้อยทีเดียวล่ะ ไม่ใช่กลิ่นแบบสาวๆ ที่เคยๆ มา กลิ่นของปราณปริยาเหมือนดอกไม้ในป่าลึก หายาก แต่หากได้ครอบครองคงสุขไม่น้อย นานจนคิดว่าไทธัญหลับไปแล้วหรือยัง ถึงรู้สึกได้ว่าไทธัญยอมคลายอ้อมกอดออก ชวนเสียงซึมๆ “เข้าไปล้างหน้าในห้องก่อนได้ไหม พี่ง่วง ขับกลับกลัวจะหลับใน แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งนิ่มก่อน” ไทธัญบอกโดยไม่รอให้เธอยินยอม พาเดินเข้าไปด้านในทันที ปราณปริยาไม่ได้ไว้ใจไทธัญแต่เพราะไม่อยากถูกทำร้ายร่างกาย เธอกลัวว่าแรงของตนจะสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้ จึงยอมเดินตามเขาเข้าไปในห้องพักอย่างใจคอไม่ใคร่จะดีเท่าไรนัก พอเปิดห้องเข้ามาได้ ชายมากเล่ห์ก็ว่าต่อ “นั่งเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะนิ่ม” ปราณปริยาเงียบไปพูดอะไร คนชวนว่าขึ้นอีก “นิ่มรอพี่ก่อนนะ นี่พี่ง่วงมากๆ เลย ได้กินอะไรร้อนๆ น่าจะดี” บอกตามตรงว่าตอนนี้กลัวจับใจแต่ต้องทำนิ่งเอาไว้ ทำใจดีสู้เสือก่อน ภาพที่ยุทธนาคุกคามเธอวันก่อนยังติดอยู่ในหัว เลยต้องควบคุมความกลัว โอนอ่อนไปตามไทธัญ แล้วคิดว่าจะลองขอร้องเขาดีๆ “ถ้าง่วงนอน พักที่นี่ก็ได้นี่คะ นิ่มกลับเองได้นะคะพี่ธัญ” “ไม่ได้ พี่บอกว่าจะไปส่งก็ต้องไปส่งนิ่มสิ” “พี่ธัญล้างหน้าให้สดชื่นสักหน่อยดีไหมคะ ดึกแล้วด้วย นิ่มกลัวว่าพี่จะง่วงมาก” “เรานอนพักที่นี่ด้วยกันไหม พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรนิ่มเด็ดขาด...ถ้านิ่มไม่ยอม” หนุ่มเจ้าชู้ละประโยคท้ายเอาไว้ในใจ เขามองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศแบบเดียวกับที่ถูกบิดาสั่งสอนมา พวกมีเงิน มีอำนาจมากๆ บางคนมักมีความคิดนี้ฝังอยู่ในหัว และพร้อมจะกระจายความเชื่อของตนออกไปให้ลูกหลานด้วยเสมอ นานกว่าที่ไทธัญจะยอมเข้าห้องน้ำไป จึงใช้จังหวะนี้เตรียมหลบออกมาจากห้อง ปราณปริยาเดินตรงลิ่วไปยังประตูแต่แล้วก็ถูกคว้าแขนเอาไว้ได้ทัน “นิ่มทำแบบนี้ไม่ไว้ใจพี่ใช่ไหม” “ไม่ใช่นะคะ” แม้คำตอบจะตรงกันข้ามก็ตามที “แล้วนิ่มจะไปไหน” “นิ่มแค่...” ปราณปริยาเม้มปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะหาคำโกหกเจอ “นิ่มแค่จะดูว่าข้างนอกฝนตกหรือเปล่า ได้ยินเสียงซ่าๆ น่ะค่ะ” “ฝนตกก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร พี่ว่านิ่มเข้ามานั่งกินอะไรกับพี่ก่อนดีกว่า” “แต่มันดึกมากแล้วนะคะ นิ่มอยากกลับบ้าน” ไทธัญดึงแขนของเธอให้มานั่งลงตรงโซฟากลางห้องที่มีไฟสีเหลืองสลัวๆ ส่องอยู่ตรงนั้น “พี่จะสั่งอะไรกินหน่อย นิ่มหิวไหม กินเป็นเพื่อนพี่นะ” “ไม่หิวค่ะ” ตอบพร้อมส่ายหน้าหวือ ไทธัญมองด้วยสายตายิ้มๆ แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์สั่งอาหารให้มา บริการที่ห้องนี้ นานราวยี่สิบนาทีกว่าอาหารจะมาถึง ไทธัญใช้เวลากินอีกราวๆ  ครึ่งชั่วโมงกว่าจะอิ่มหนำจนพอใจ ขณะที่กำลังจะเริ่มตะล่อมเหยื่ออีกครั้ง เสียงข้อความเข้าดังกระหน่ำขึ้น ไทธัญหยิบมาเปิดอ่านอยู่ครู่ก็หน้าเสีย แล้วเรียกพนักงานจัดแจงชำระเงินแล้วจึงพาเธอกลับขึ้นรถไม่พูดอะไรต่อจากนั้นอีก อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ดีใจที่ไทธัญไม่ได้ทำอะไรอย่างเขาตั้งใจจะทำ พร้อมกับนึกในใจว่าเห็นทีเธอคงต้องห่างจากเขาเสียแล้วขณะรถแล่นออกจากโรงแรมม่านรูดแห่งนั้นไป สุริวิภากัดผนังปากด้วยความชิงชัง เมื่อเห็นว่ารถของไทธัญขับออกมาในเวลาไล่เลี่ยกับที่ตนเข้ามาใช้บริการที่นี่กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ถูกใจเธอในร้านของซ้อเสียง พร้อมก่นด่าสาปแช่งปราณปริยาในใจพลันความคิดชั่วร้ายในหัวที่คิดใช้เล่นงานปราณปริยาก็ฉายวาบขึ้น หลังจากได้ร่วมหลับนอนกับไทธัญแล้ว ตนก็อยากได้ชายหนุ่มคนนี้เป็นสามีออกหน้าออกตา ว่าด้วยอายุ รูปร่างหน้าตา พื้นฐานครอบครัว มันเหมาะมันใช่เสียจนเธอปล่อยไทธัญให้ใครไปไม่ได้ และพร้อมจะเล่นงานทุกคนที่เป็นศัตรูหัวใจของเธอ และที่ทางออกของโรงแรมม่านรูดแห่งนั้นเองยังมีรถยนต์อีกคันจอดนิ่งรออยู่ ทันทีที่รถของไทธัญขับผ่านหน้าไป คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็ออกปากขึ้น “เสร็จโจรแล้วมังครับแบบนี้” “คิดว่างั้นหรือ” ตงลอบยิ้มทันที เมื่อจับน้ำเสียงของผู้เป็นนายได้ แต่รอยยิ้มของผู้เป็นนายดูมีอะไรๆ แฝงอยู่ในนั้นที่ตงไม่รู้ว่ามันคืออะไร ยังนึกแปลกใจถึงวินาทีนี้ว่าทำไมนายของตนจึงลงมือช้าเช่นนี้ จนนี่เรียกว่าไม่ทันกินไปแล้วหรือเปล่า คนเป็นนายยิ้มมุมปาก มองตามไฟท้ายรถคันข้างหน้าโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา แล้วสั่งให้ตามรถคันที่มีปราณปริยาในนั้นไปห่างๆ จนถึงจุดหมายที่เป็นโรงพยาบาลที่นางปรียารักษาตัวอยู่ เห็นหญิงสาวลงรถไปแล้ว ตงจอดรถเดินตามไปจนอีกฝ่ายเข้าห้องพักบนหอผู้ป่วยไปแล้ว ค่อยกลับขึ้นรถ พานายออกไปส่งยังที่พักในเวลาต่อมา  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม